บทที่ 86 ไล่ออก

แค่เห็นสีหน้าและท่าทางของพ่อครัวที่โดนพาดพิง อวี้ฮ่าวหรานก็รู้ได้ทันทีว่าคนคนนี้ไม่ใช่ตัวการ

พ่อครัวคนนี้คือผู้บริสุทธิ์!

เมื่อรู้แบบนี้ อวี้ฮ่าวหรานเบนสายตากลับไปจ้องเขม็งที่ผู้จัดการโหวอย่างรวดเร็ว

“ผ..ผม…มันไม่ใช่ผม! ผมไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนสั่งคนแรก! ผมบริสุทธิ์!”

เมื่อตัวเองถูกจ้องมอง ผู้จัดการโหวรู้ตัวเลยว่าความซวยมาเยือนตัวเองแล้ว ในใจของเขาตัดสินใจหนักแน่นว่าเขาจะไม่ยอมรับผิดเด็ดขาดเพราะไม่ว่ายังไงตอนนี้ประธานอวี้ไม่มีหลักฐานเอาผิดเขาอยู่แล้วจริงไหม? ฉะนั้นเขาคงจะรอดตัวแน่นอนหากเขายังยืนยันปฏิเสธต่อไป

ประธานอวี้คนนี้เป็นแค่เด็กหนุ่มอายุ 20 ต้น ๆ เท่านั้น คงไม่มีกึ๋นพอจะหาหลักฐานเอาผิดเขาได้แน่นอน!

เมื่อคิดถึงจุดนี้แววตาของผู้จัดการโหวก็เปลี่ยนเป็นมั่นใจขึ้นเล็กน้อย

ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ใส่ใจกับท่าทีหรือคำพูดของ ผู้จัดการโหวแม้แต่น้อย เขาหันกลับไปสั่งผู้จัดการหวังที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทันที

“ผู้จัดการหวัง คุณไปตรวจสอบบัญชีของร้านสวัสดิการอาหารพนักงานให้ผมเดี๋ยวนี้!”

ทันทีที่ได้ยินคำสั่ง ผู้จัดการหวังพยักหน้าและก้าวเดินไปทางออฟฟิศของผู้จัดการโหวทันที

“ต..ตรวจสอบบัญชี?”

สีหน้าของผู้จัดการโหวเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกอย่างฉับพลัน เขาไม่กลัวอะไรอย่างอื่นทั้งนั้นนอกจากการโดนตรวจสอบบัญชี!

หากฝั่งตรงข้ามไปตรวจสอบบัญชี จะเห็นได้ทันทีว่าเขาตัดงบและโยกย้ายอะไรไปบ้าง!

“ใช่ ฉันจะตรวจสอบบัญชี!”

อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เขาต้องการกำจัดเนื้อร้ายนี้ออกไปจากบริษัทโดยใช้วิธีที่คนอื่นเถียงไม่ได้

ผู้จัดการโหว… ตอนนี้รู้แล้วว่าเขาหนีความผิดไม่พ้นแน่ เขารีบโผไปกอดขาของอวี้ฮ่าวหรานแล้วอ้อนวอนทันที

“ผ…ผมผิดไปแล้วท่านประธาน! ผมเป็นคนออกคำสั่งให้มีการเปลี่ยนคุณภาพวัตถุดิบเพื่อลดต้นทุนเอง ผมผิดไปแล้วโปรดให้อภัยผมด้วยเถอะ!”

“ผ…ผมเป็นหลานของเจิ้งเหวยกัว ลุงของผมถือหุ้นไม่น้อยในบริษัท เพื่อเห็นแก่ลุงของผม ประธานอวี้อภัยให้ผมสักครั้งเถอะนะ!”

ตอนนี้ผู้จัดการโหวกลัวการโดนลงโทษจนน้ำตาไหลออกมาจริง ๆ เขาไม่อยากจะเสียตำแหน่งที่ดีแบบนี้ไป วัน ๆ เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย หน้าที่ของเขามีแค่ชี้นิ้วสั่งคนนู้นคนนี้แถมยังโกยเงินส่วนต่างเข้ากระเป๋าตัวเองได้แบบง่าย ๆ อีกต่างหาก

ถ้าเสียตำแหน่งนี้ไปเขาจะหางานที่มันสบายแบบนี้ได้อีกจากที่ไหน?

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อได้ยินฝั่งตรงข้ามเอ่ยชื่อเจิ้งเหวยกัวขึ้นมา เขาก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิมจนเขาเตะร่างผู้จัดการโหวที่กอดขาเขาอยู่ให้กระเด็นออกไป

เจิ้งเหวยกัว!

ไอ้เวรนั่นสร้างปัญหาให้ฉันอีกแล้ว!

“นับจากนี้ฉันไล่แกออก! ถ้าแกโผล่หน้ามาที่บริษัทฉันอีกรอบ ฉันฆ่าแกแน่!” อวี้ฮ่าวหรานตะโกนขึ้นเสียงดังพร้อมกับจ้องไปที่ผู้จัดการโหวด้วยแววตาน่ากลัว

ผู้จัดการโหวที่เพิ่งโดนเตะจนกลิ้งไปและยังไม่ทันลุกขึ้นมา เมื่อได้ยินคำพิพากษาจากอวี้ฮ่าวหราน เขาหมดแรงที่จะลุกขึ้นยืนทันทีเพราะรายได้เดียวของเขาคือมาจากบริษัทนี้เท่านั้น!!

“ประธานอวี้ คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ! ผ…ผม…”

ก่อนที่ผู้จัดการโหวจะพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานโบกมือสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทมาลากตัวฝั่งตรงข้ามออกไปจากบริษัททันที

ในระหว่างที่โดนลากตัวออกไป ผู้จัดการโหวก็ยังร้องโหยหวนขอความเมตตาไปตลอดทางจนพ้นประตูบริษัท

ทางด้านของพนักงานทั้งหลาย เมื่อเห็นว่าผู้จัดการโหวที่พวกเขาชิงชังถูกไล่ออกแบบสายฟ้าแลบ พวกเขาก็รู้สึกตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก

ประธานอวี้เด็ดขาดขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?

ในทันทีที่ที่พบว่าฝั่งตรงข้ามมีความผิดเขาไล่ออกทันทีเลย?

แต่แล้วหลังจากทุกคนได้สติ บรรดาพนักงานทั้งหลายต่างก็โห่ร้องกันออกมาด้วยความดีใจ

“ประธานอวี้จงเจริญ!!”

ทุกคนต่างคาดหวังกันว่าหลังจากที่ไม่มีผู้จัดการโหวจอมชั่วช้านั่นแล้ว ทุกคนคงจะได้กินอาหารที่ได้มาตรฐานเหมือนเก่าก่อน

“เรื่องที่เกิดขึ้นนี้อันที่จริงมันเป็นความผิดของผมด้วยส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ดูแลทุกอย่างในบริษัทให้ครอบคลุม เอาเป็นว่าเพื่อเป็นการขออภัยทุก ๆ คน ผมขอประกาศ ณ ที่นี้ว่านับจากนี้งบอาหารของร้านสวัสดิการพนักงานจะถูกเพิ่มขึ้นอีก 50% ผมต้องการให้พนักงานของผมทุกคนได้กินอาหารที่เหมาะสมในทุก ๆ วันที่มาทำงานให้กับผม!”

บรรดาพนักงานยิ่งรู้สึกเบิกบานกันมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินประกาศของอวี้ฮ่าวหราน

งบอาหารเพิ่มขึ้น 50%!

นี่มันหมายความว่าคุณภาพอาหารของร้านอาหารสวัสดิการพนักงานมันกลายเป็นดีกว่าร้านอาหารทั่วไปข้างนอกที่พวกเขาต้องซื้อกินซะอีก!

“ประธานอวี้ นับจากนี้ผมจะขยันทำงานให้มากกว่าเดิม!”

“ผมจะไม่ทำให้ท่านประธานผิดหวัง!”

“…”

โอกาสที่จะได้เจอหัวหน้าที่ดีนั้นเป็นเรื่องที่ยาก ดังนั้นพนักงานทุกคนจึงรู้สึกดีใจและยิ่งมีความภักดีต่อบริษัทมากกว่าเดิม

ที่ด้านนอกบริษัท เจ้าอ้วนแซ่โหวยังคงจ้องไปที่ประตูบริษัทด้วยแววตาไม่ยินยอม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเจิ้งเหวยกัว

ในออฟฟิศของเจิ้งเหวยกัว

“หา? เขาไล่แกออกยังงั้นเหรอ?” เจิ้งเหวยกัวตะโกนถามกลับเสียงดัง “ขนาดแกอ้างชื่อฉันมันยังไม่ไว้หน้าเลยงั้นเหรอ?”

“คุณลุง ที่ผมพูดเป็นเรื่องทั้งหมด อวี้ฮ่าวหรานไม่ไว้หน้าพวกเราเลย! เขาไล่ผมออกทันที ลุงต้องช่วยผมด้วยนะ!”

ด้วยความโมโหจนขาดสติ เจิ้งเหวยกัวเขวี้ยงโทรศัพท์ลงไปที่พื้นจนแตกกระจาย

“ไอ้เด็กเวรเอ๊ย! กล้าดียังไงถึงไล่หลานของฉันออกจากบริษัท!”

หลังจากปรับอารมณ์และครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เจิ้งเหวยกัว หยิบโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องจากในเก๊ะออกมาและกดปุ่มโทรออก

“นับจากนี้ใช้วิธีอะไรก็ได้ทำให้บริษัทปั่นป่วนให้มากที่สุด ฉันต้องการให้ไอ้อวี้ฮ่าวหรานมันคลั่งตาย!”

หลังจากพักเที่ยง

ผู้จัดการหวังเดินตามอวี้ฮ่าวหรานซึ่งกำลังสำรวจไปทั่วบริษัท

“หืม? นี่มันห้องอะไร?”

อวี้ฮ่าวหรานยืนหยุดที่หน้าห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่งซึ่งแปลกประหลาดกว่าห้องอื่นตรงที่กำแพงห้องนี้เป็นกระจกใสทั้งหมดจนสามารถมองเข้าไปเห็นด้านในได้ทั้งหมด

ที่ด้านในห้องมันเต็มไปด้วยพวกของเล่นสำหรับเด็กมากมายไม่ว่าจะเป็นพวกบ่อลูกบอล ปราสาทพลาสติก สไลเดอร์…

“เมื่อก่อนที่นี่ถูกเปิดให้เป็นพื้นที่สำหรับพนักงานพาลูกของตัวเองมาฝากไว้ในระหว่างที่ตัวพนักงานเองไปทำงาน แนวคิดของห้องนี้คือพนักงานคนไหนที่มีเหตุจำเป็นไม่อาจปล่อยให้ลูกของตัวเองอยู่บ้านได้ก็สามารถเอาลูกของตัวเองมาฝากไว้ที่ห้องนี้ได้ แต่หลังจากเปิดไปได้ไม่นานมันก็ถูกปิดลงเพราะบอร์ดบริหารส่วนใหญ่คิดว่ามันฟุ่มเฟือยเกินไป”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็เปิดประตูเข้าไปดูด้านในทันที

เมื่อได้เห็นสภาพภายในชัด ๆ มันทำให้เขาเกิดความคิดว่าหากทำความสะอาดที่นี่ดี ๆ เขาสามารถพาถวนถวนมาเล่นที่นี่ได้ในระหว่างที่เขาอาจจะต้องทำงานที่นี่ตอนวันหยุดสุดสัปดาห์

“ผู้จัดการหวัง ผมต้องการให้คนมาทำความสะอาดและปรับปรุงห้องนี้ให้ดีกว่าเดิม ไม่สิ ผมเห็นห้องข้าง ๆ ก็ยังว่างอยู่ ทุบกำแพงกั้นห้องออกซะแล้วขยายห้องนี้ให้กว้างกว่าเดิมด้วย! ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคนประเภทไหนที่กล้าออกคำสั่งยกเลิกสวัสดิการดี ๆ แบบนี้ของพนักงานออกไป?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยสั่งขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

“หะ?”

ผู้จัดการหวังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอวี้ฮ่าวหรานถึงอยากจะเปิดห้องเด็กเล่นนี้ใหม่ และยิ่งไปกว่านั้นเขากลับต้องการขยายห้องให้กว้างกว่าเดิมอีกต่างหาก

นี่มันไม่ต่างอะไรกับการใช้ทรัพยากรของบริษัทอย่างสิ้นเปลืองเลยไม่ใช่เหรอ?

อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของอวี้ฮ่าวหราน เขาก็ไม่กล้าเอ่ยขัดอะไรออกไปได้แต่พยักหน้าและทำตามคำสั่งทันที