ตอนที่ 107 แผนร้ายของแต่ละฝ่าย (2)

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“คุณหนู แม้หงหลัวซาจะดูเซ่อซ่าไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้โง่งมถึงเพียงนั้น นางจะหลงกลหรือเจ้าคะ?” หลังจากแน่ใจแล้วว่าอยู่ไกลพ้นสายตาของพวกสือหย่าฉี ปี้ลั่วก็กล่าวถามอย่างกังวล

“ในเมื่อข้ากล้าวางแผนนี้ ก็ย่อมมั่นใจว่านางต้องหลงกลอย่างแน่นอน!” หวงเซียวเซียงมั่นใจในตัวเองมาก แม้ว่าความมั่นใจเช่นนี้จะเป็นสบประมาทสือหย่าฉีและอวี้เมิ่งเหยาก็ตาม

“แต่ว่าคุณหนู คุณชายซั่งกวนไม่ได้ตอบรับว่าจะแต่งท่านเข้าตระกูลนี่เจ้าคะ” ล่าเหมยพูดเรื่องที่ไม่ควรยกมาพูดขึ้นมา ประโยคนี้ของนางทำให้หวงเซียวเซียงถลึงตามองอย่างดุดัน

“เรื่องนี้จริงหรือเท็จ มีเพียงพวกเราสามคนและพี่เจวี๋ยที่รู้ เจ้าคิดว่าพวกนางจะกล้าวิ่งโร่ไปถามกับพี่เจวี๋ยรึ? พวกนางจะถือสิทธิ์อันใดมาทำอย่างนั้น?” หวงเซียวเซียงถลึงตากล่าวกับล่าเหมย “อีกอย่าง ข้าก็รู้ว่าเรื่องนี้พวกนางไม่อาจเชื่อ หากมันเป็นความจริง ข้าก็คงไม่จำเป็นต้องน้อยเนื้อต่ำใจ ฝืนรั้งกายอยู่ที่เรือนหิมะสุขใจไม่ไปไหน ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องเข้าตระกูลซั่งกวนมาพร้อมกับพวกนาง!”

“แต่ท่านก็ยังพูดไปเช่นนั้น…” ล่าเหมยกล่าวอย่างกระอึกกระอักทั้งแผ่วเบา แต่ทั้งสองก็ยังคงได้ยินอย่างชัดเจน

“พวกนางอาจจะไม่เชื่อว่าพี่เจวี๋ยรับข้าเข้าเป็นภรรยารอง แต่พวกนางย่อมคิดว่าพี่เจวี๋ยคงจะใจอ่อนยอมรับข้าเป็นอนุภรรยาแล้วอย่างแน่นอน และเพราะข้าไม่พอใจกับตำแหน่งเช่นนั้น จึงได้เข้ามาที่ตระกูลซั่งกวนพร้อมกับพวกนาง หาใช่เพื่อแต่งเข้าตระกูลซั่งกวนไม่ แต่เป็นการวางแผนชิงตำแหน่งที่ดีกว่านั้นต่างหาก! เข้าใจรึยัง?” หวงเซียวเซียงแทบจะประเคนฝ่ามือให้กับนางอยู่รอมร่อ

“แต่หากสือหย่าฉีไม่หลงกลล่ะเจ้าคะ?” ล่าเหมยพูดเตือนสติหวงเซียวเซียง ทว่าหวงเซียงเซียวกลับมองข้ามความปรารถนาดีไป

“หากนางเป็นคนโง่ย่อมเดินเข้าไปถามว่าเรื่องนี้จริงหรือเท็จกับพี่เจวี๋ยอย่างตรงๆ แน่นอน แต่หากฉลาดล่ะก็ คงจะคิดวางแผนอะไรบางอย่าง ถีบปัญหามาที่อวี้เมิ่งเหยาหรือข้า!” หวงเซียวเซียงกล่าวอย่างเยือกเย็น “แต่นางไม่ได้เป็นคนประเภทโง่งม และก็ไม่ใช่คนที่ฉลาดล้ำผู้อื่นเช่นกัน ดังนั้นแม้จะกระจ่างใจว่าเป็นแผนที่วางไว้ของข้า นางก็จำต้องก้าวเข้าไปเช่นกัน!”

“แต่ว่าคุณหนู ท่านเคยกล่าวว่าหงหลัวซานั้นภายนอกงุ่มง่ามภายในร้ายลึก รับมือยากยิ่งกว่าอวี้เมิ่งเหยา หญิงสาวที่ชอบแสร้งวางมาดผู้นั้นไม่ใช่หรือเจ้าคะ?” ล่าเหมยไม่เข้าใจ ในเมื่อสือหย่าฉีรู้ว่านี่เป็นกับดัก เหตุใดจะต้องพาตัวเองตกลงไปด้วย

“เพราะว่าเรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ข้ามีทางถอย อวี้เมิ่งเหยาก็มีทางถอย แต่สือหย่าฉี นางกลับไม่มีทางให้ถอย ท่านพ่อมีข้าที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว พวกท่านพี่ก็โปรดปรานข้าเป็นอย่างมาก หากข้าไม่อาจแต่งงานกับพี่เจวี๋ยได้ ก็ยังคงมีทางอื่นที่ดีอยู่ หาสักตระกูลที่มีฐานะตำแหน่งขาวสะอาด จอมยุทธ์ที่มีชาติตระกูลดีอยู่บ้าง หรือไม่ก็แต่งกับลูกชายภรรยาเอกของตระกูลเล็กๆ ส่วนอวี้เมิ่งเหยา แม้ว่าฐานะทางบ้านจะธรรมดา อีกทั้งถดถอยอยู่เรื่อยๆ หากไม่แต่งงานออกไปอีก ตระกูลของนางย่อมไร้กำลังที่จะสนับสนุนให้นางเทียวไปเทียวมาในยุทธภพอีกแล้ว แต่มันก็เท่านั้น  นางมีหน้าตาที่สะสวย ทั้งแสร้งวางมาดสูงส่งยากที่จะเอื้อม ยังคงมีผู้ชายมากมายที่สนใจผู้หญิงอย่างเช่นนางนี้ ไม่มีพี่เจวี๋ย นางก็ย่อมหาที่พึ่งพิงที่ดีให้กับตัวเองได้ เพียงแต่…เมื่อได้เปิดหูเปิดตา ใช้ชีวิตที่หรูหราเช่นนี้ในตระกูลซั่งกวนแล้ว หากจะให้นางกลับไปใช้ชีวิตอยู่แบบธรรมดา ตัวนางเองคงรับไม่ได้เป็นแน่ แต่สือหย่าฉีไม่เหมือนกัน นางสามารถกลายเป็นสาวคนสนิทของพี่เจวี๋ยที่ร่ำลือนั้นได้ ทั้งสำนักดรุณีอวี้ล้วนแทบจะกระโดดโลดเต้น ตั้งตาคอยให้นางกลายเป็นอนุภรรยาของตระกูลซั่งกวนในเร็ววัน พวกศิษย์พี่ศิษย์น้องที่อยู่หลังสำนัก ก็อาจจะมีโอกาสเชื่อมสัมพันธ์กับพวกคุณชายตระกูลใหญ่ๆ หาทางเดินที่ดีได้ไปด้วย แต่หากว่านางล้มเหลว อาจารย์ที่สักจะเอาแต่ผลประโยชน์ผู้นั้นของนางย่อมไม่ปล่อยนางไว้ พวกศิษย์พี่ศิษย์น้องที่วาดฝันไว้อย่างสวยงาม คิดอยากจะเป็นคางคกขึ้นวอนั้นก็คงไม่ปราณีปราศรัยนางเช่นกัน ด้านหลังของนางมีแต่หุบเหวโอบล้อม ถอยไปหนึ่งก้าว ย่อมตกตายไร้ชีวิต!” หวงเซียวเซียงเข้าใจในสถานการณ์ยากลำบากของสือหย่าฉีดี ดังนั้นจึงได้กล้าหลอกใช้ประโยชน์จากนาง ให้นางจำต้องออกหน้าลงมือเป็นคนแรก

“แต่ว่าคุณหนู สิ่งที่หงหลัวซาต้องการก็เพียงแค่ตำแหน่งอนุภรรยา สำหรับคุณชายซั่งกวนแล้ว จู่ๆ ได้อนุภรรยาเช่นนี้ ก็นับเป็นเรื่องดีนะเจ้าคะ และสำหรับสะใภ้ใหญ่ที่จิตใจคับแคบผู้นั้น ฐานะอนุภรรยาก็ย่อมไม่อาจกระทบกับตำแหน่งของนาง นางไม่มีความจำเป็นต้องยืนกรานปฏิเสธ แบกรับชื่อเสียงที่อิจฉาริษยา หรือเป็นคนไร้เมตตา หากหงหลัวซาเพียงเอ่ยหยั่งเชิง นางก็ตกปากรับคำ…” ปี้ลั่วกังวลว่าคุณหนูของตนจะยิ่งทำยิ่งเสีย ไม่ได้ทำให้สือหย่าฉีโผล่หัวออกมาลงมือ กลับกันอาจจะเป็นการทำให้นางสมปรารถนาแทน

“เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่อาจไม่รู้ได้ว่าฮูหยินใหญ่ซั่งกวนเป็นคนรับพวกเราสามคนกลับมา เจ้าว่า นางจะคิดว่าอย่างไร?” หวงเซียวเซียงเชื่อว่า เยี่ยนมี่เอ๋อร์ต้องทราบอย่างแน่นอนว่าซั่งกวนเจวี๋ยไม่ได้เป็นคนรับพวกนางทั้งสามคนเข้ามา นางย่อมคิดว่าซั่งกวนเจวี๋ยไม่มีความรู้สึกดีใดๆ กับพวกนางทั้งสาม เช่นนั้นนางก็ไม่มีความจำเป็นต้องตอบรับให้สือหย่าฉีเข้าตระกูลเพื่อเอาอกเอาใจซั่งกวนเจวี๋ย

 “นางต้องคิดว่าพวกเราได้ตกลงอะไรกับฮูหยินใหญ่ซั่งกวนไปแล้ว” ปี้ลั่วตาใสกระจ่างขึ้นมา แทบที่จะคิดทะลุปรุโปร่งทั้งหมด “นางย่อมเป็นกังวล ก้าวแรกคือฮูหยินใหญ่ซั่งกวนรับพวกท่านเข้ามา ส่วนก้าวที่สองคือให้พวกท่านเข้าตระกูล ทั้งนี้ก็เพื่อเปิดทางให้กับทั่วป๋าฉินซิน ให้ทั่วป๋าฉินซินสามารถเข้าตระกูลมาได้อย่างราบรื่น ถึงแม้นางจะไม่มองว่าพวกท่านเป็นภัยคุกคาม แต่ย่อมต้องใคร่ครวญถึงเรื่องแต่งงานครั้งต่อไป ไม่กล้ารับปากอย่างง่ายดาย และเมื่อนางไม่รับปาก หงหลัวซาก็คงเข้าตาจนเสี่ยงทำเรื่องที่คนคาดไม่ถึงออกมา!”

“คุณหนู ท่านว่าพอหงหลัวซาทราบว่านางไม่สามารถแต่งเป็นอนุภรรยาได้ นางจะทำอย่างไรเจ้าคะ?” ล่าเหมยกล่าวทั้งยิ้มอย่างเริงร่า “นางเป็นหญิงสาวที่โหดเหี้ยมอำมหิต จะหาโอกาสลอบสังหารให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยหรือไม่เจ้าคะ?”

“เรื่องนี้รึ?” หวงเซียวเซียงครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัว “นางไม่ถึงขนาดทำเรื่องที่โง่เขลาขนาดนั้นได้หรอก หากว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ตาย ล้วนไม่เป็นผลดีกับนางเลยสักนิด กลับกันจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ทั่วป๋าฉินซิน ยิ่งไปกว่านั้น ลงมือสังหารคนในตระกูลซั่งกวน เกรงว่านางคงจะไม่มีความกล้าถึงเพียงนั้น นางย่อมไม่อาจทำเรื่องโหดเหี้ยมที่ไม่ยั้งคิดเช่นนั้นได้หรอก”

“เช่นนั้นคุณหนูคิดว่านางจะทำอย่างไรเจ้าคะ?” ล่าเหมยอยากรู้เป็นอย่างมาก ในงานประลองยุทธ์ปีก่อน หงหลัวซาก็ได้จัดการชายบ้าตัณหาที่กล้ามาลวนลามนางอย่างไม่ออมมือแม้แต่น้อย พละกำลังที่มากมายเช่นนั้นนับว่ายากที่จะได้พบ

“ให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้ลิ้มรสยาที่ไม่แสบไม่คัน มีพิษไม่ถึงตายเช่นนั้น ทั้งยังเป็นสิ่งที่ทำให้คนเจ็บปวดจนต้องรู้สึกเสียใจที่ได้อยู่ในโลกมนุษย์ ให้หญิงสาวที่ไม่เคยพบกับความโหดร้ายของยุทธภพได้ประสบกับความน่าหวาดกลัวที่สุด หรืออาจจะนัดเยี่ยนมี่เอ๋อร์ออกมาพูดคุย แล้วลอบขัดขานาง ให้นางล้มจนจมูกเขียวหน้าบวม เมื่อทราบถึงความร้ายกาจแล้ว ก็จะหลบเลี่ยงเกรงกลัว หรือบางที สวนดอกไม้ของตระกูลซั่งกวนมีสระน้ำขนาดใหญ่ถึงเพียงนั้น แม้ว่าจะไม่ลึก ทั้งไม่แน่ว่าจะทำให้คนจมน้ำตายได้ แต่คุณหนูที่อ่อนแอบอบบางเช่นนั้น หากตกลงไป ถึงไม่ตายก็คงสาหัสเอาการเช่นกัน รอจนนางได้ลิ้มรสึงความขื่นขมแล้ว ยามที่ได้รู้ถึงความร้ายกาจ สือหย่าฉีย่อมค่อยๆ เปิดเผยให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ หากยังดึงดันไม่ให้พวกเราเข้าตระกูลล่ะก็ ครั้งต่อจะไม่ใช่แค่ครึ่งเป็นครึ่งตาย แต่จะเป็นตายแล้วตายอีกต่างหาก” หวงเซียวเซียงคิดว่าตัวเองเข้าใจสือหย่าฉีเป็นอย่างมาก เชื่อว่าสือหย่าฉีย่อมไม่ทำเรื่องที่โง่เง่าอย่างตัดสินใจกำจัดเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไปอย่างตรงๆ หรอก

“ผู้หญิงคนนั้นย่อมหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะพูดอะไรก็คงไม่กล้าคัดค้านเป็นแน่เจ้าค่ะ” ล่าเหมยนึกไปถึงสถานการณ์เช่นนั้นก็รู้สึกเบิกบานใจเป็นอย่างมาก “คุณหนู หรือพวกเราก็สอดมือเข้าไปด้วยดีเจ้าคะ?”

“ไม่อนุญาตให้ทำเรื่องยุ่ง!” หวงเซียวเซียงกล่าวตำหนิ “เรื่องพวกนี้พวกเราไม่อาจแปดเปื้อนไปด้วย ตระกูลซั่งกวนย่อมไม่ยอมให้มีเรื่องชั่วร้ายที่น่าละอายหรือปล่อยให้เรื่องที่ชีวิตของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ถูกนำมาข่มขู่เกิดขึ้นได้หรอก ข้างกายเยี่ยนมี่เอ๋อร์ต้องมีบ่าวของตระกูลซั่งกวนที่ร่ำเรียนวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็กอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกนางจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา แต่หากเป็นการมองแผนอย่างทะลุปรุโปร่งย่อมไม่ใช่ปัญหา ต้องการจะให้เรื่องนี้สำเร็จ ไม่ได้เป็นเรื่องง่าย และถึงแม้ว่าสือหย่าฉีจะทำสำเร็จ ตระกูลซั่งกวนก็จะส่งคนออกมาสืบเสาะไล่เค้นเรื่องนี้อยู่ดี พวกเจ้าคิดว่าตระกูลซั่งกวนจะจัดการกับผู้ที่ลงมืออย่างไรล่ะ?”

“สังหารไปเลย?” ล่าเหมยขมวดคิ้ว “แม้ว่าตระกูลซั่งกวนจะเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ มีอำนาจมากบารมีในลี่โจว แต่ชาวยุทธภพล้วนรู้ทั่วกันว่าพวกเราอยู่ที่ตระกูลซั่งกวน เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่กล้าทำเรื่องเช่นนี้เจ้าค่ะ!”

“โง่เขลาสิ้นดี!” หวงเซียวเซียงไม่เข้าใจว่าข้างกายของตนมีสาวใช้ที่โง่เง่าถึงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน กล่าวอย่างเจ็บใจ “ตระกูลซั่งกวนย่อมไม่ทำอะไรกับพวกเรา แต่แขกที่ไม่เป็นที่ต้อนรับ ไม่อาจฆ่าระบายความแค้น แต่จะปิดประตูไม่ต้อนรับไม่ได้ด้วยอย่างนั้นรึ? ถึงเวลานั้นเมื่อถูกขับไล่ออกมา ผู้คนทางยุทธภพก็จะเอาแต่พูดว่าตระกูลซั่งกวนนั้นมีเมตตา กล่าวว่าพวกเรานั้นโหดเหี้ยม ยามนั้นไม่เพียงแต่ความฝันที่จะแต่งเข้าตระกูลซั่งกวนของข้าจะมลายหายไปดั่งฟองอากาศ แต่มันยังจะกระทบไปถึงข้าในภายหลังอีก ข้าไม่อาจเอาตัวเองไปรับความเสี่ยงนี้ ดังนั้นเจ้าควรจะตั้งใจเชื่อฟังคำสั่งของข้าดีกว่า พรุ่งนี้เช้าตรู่เก็บข้าวของแล้ว ก็ออกจากตระกูลซั่งกวนทันที!”

“คุณหนู ท่านจะให้ข้ากลับเยว่ลู่จริงๆ หรือเจ้าคะ? แต่ว่ายามที่นายท่านและคุณชายซั่งกวนยกเรื่องพวกท่านมาพูดกัน ไม่ใช่ว่าถูกคุณชายซั่งกวนบ่ายเบี่ยงหรอกหรือเจ้าคะ? หากนายท่านมาแล้ว คุณชายซั่งกวนเอาเรื่องนี้มาพูดอย่างชัดเจน ท่านไม่เพียงจะเสียหน้า แต่ยังต้องออกจากตระกูลซั่งกวนอีกนะเจ้าคะ นั่นจะไม่ใช่ว่าได้ไม่คุ้มเสียหรือเจ้าคะ?” ล่าเหมยรู้ว่าเรื่องงานแต่งที่หวงเซียวเซียงกล่าวว่าหวงเซิ่งและซั่งกวนเจวี๋ยได้พูดกันเสร็จสรรพแล้วนั้น แท้จริงก็เป็นเพียงเรื่องโกหกเท่านั้น

“ใครบอกว่าจะให้เจ้ากลับเยว่ลู่ล่ะ? ข้าแค่บอกว่าให้เจ้าออกไปจากตระกูลซั่งกวน!” หวงเซียวเซียงเกือบจะโมโหเพราะนางอยู่รอมร่อ

“ล่าเหมย ความหมายของคุณหนูคือหลังจากที่เจ้าออกจากตระกูลซั่งกวนไปแล้ว ให้หาที่พำนักสักแห่งในลี่โจว รอคุณหนูส่งสัญญาณมาก็พอแล้ว เพียงแค่เจ้าออกไป หงหลัวซา เทพธิดาอวี้ย่อมต้องคิดว่าที่คุณหนูพูดมาเป็นความจริง เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกนางก็จะลนลานทำอะไรไม่ถูก ไม่ว่าคุณหนูจะพูดอะไร หรือไม่ว่าคุณหนูจะทำอะไร พวกนางย่อมขจัดอุปสรรคที่ขวางหน้าคุณหนูออกไปให้ทั้งหมด!” ปี้ลั่วเข้าใจถึงความตั้งใจของหวงเซียวเซียง “เจ้าอย่าได้อยู่ที่โรงเตี๊ยมจะดีที่สุด หาที่ไม่สะดุดตาสักแห่งพำนักอยู่เถิด รอแค่คุณหนูส่งสัญญาณไปก็พอแล้ว”

คำพูดของปี้ลั่วทำให้หวงเซียวเซียงค่อยๆ ผ่อนคลายลง ยังดีที่ปี้ลั่วเป็นคนหลักแหลม หากว่าเป็นอย่างล่าเหมยอีกล่ะก็ นางก็คงไม่รู้ว่าสาวใช้ข้างกายตนเองนั้นมีไว้ช่วยเหลือหรือถ่วงแข้งถ่วงขากันแน่

“เป็นเช่นนี้หรอกรึ?” ล่าเหมยมองหวงเซียวเซียงที่เผยใบหน้าบูดบึ้ง รู้ว่าตัวเองได้พูดผิดไป “เช่นนั้นข้าจะติดต่อพวกท่านอย่างไรล่ะเจ้าคะ?”

“ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าติดต่อกับพวกเรา ทุกวันเว้นวันให้เจ้าไปเดินไปดูรอบๆ ‘หรูฮวาอี่อวี้’ ตรอกขายเครื่องประทินโฉมที่ใหญ่ที่สุดในลี่โจว หากข้ามีเรื่องที่ต้องการบอกเจ้า ก็จะให้ปี้ลั่วทิ้งของเอาไว้ หลังจากนั้นเจ้าก็แค่ไปเอาจดหมายที่ ‘โต๊ะรับแขก’ ของที่นั่น!” หวงเซียวเซียงก็จนปัญญากับคนโง่งมผู้นี้เช่นกัน กระนั้นก็ยังดีที่นางนับว่าจงรักภักดีกับเจ้านาย

“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!” ล่าเหมยผงกศีรษะ “ช่วงนี้ชุนเยี่ยนมักจะส่งของเล็กๆ น้อยๆ มาให้ข้าเพื่อผูกสัมพันธ์ คุณหนู ท่านว่าข้าควรจะเปิดเผยอะไรให้นางหรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่ต้อง!” หวงเซียวเซียงส่ายหัว “เจ้าเอาแต่พูดว่าจะกลับเยว่ลู่ก็เพียงพอแล้ว”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!” ล่าเหมยพยักหน้า และในเวลานี้ด้านหลังก็ปรากฏเสียงของสือหย่าฉีตะโกนขึ้นมา “พี่หวง ท่านรอข้าก่อน…”

หวงเซียวเซียงเปลี่ยนเป็นทำท่าทีไม่พอใจ เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นไปอีก แสร้งคล้ายกับไม่อยากจะสนทนากับสือหย่าฉี

“พี่หวง ท่านโกรธจริงๆ หรือนี่!” สือหย่าฉีไล่ตามมาอย่างกระหืดกระหอบ ประดับรอยยิ้มบนใบหน้า “ก็ได้ น้องผิดไปแล้ว ท่านอย่าโมโหกันเลย!”

“น้องหย่าฉี ข้าหวังว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ข้าหวงเซียวเซียงไม่ใช่คนที่ใครจะมาข่มขู่อะไรก็ได้!” หวงเซียวเซียง

กล่าวอย่างเรียบเย็น

“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว! ไม่มีครั้งต่อไปแน่นอน ไม่มีครั้งต่อไปแน่!” สือหย่าฉีกล่าวยิ้มๆ ทำท่าทีราวกับไม่ได้คิดอะไรมาก จากนั้นทั้งสองคนก็ทำคล้ายกับไม่เคยมีเรื่องอันใดเกิดขึ้น  พูดคุยหัวเราะกันขึ้นมา…

———————————