ตอนที่ 124 รู้สึกร้อนนิดหน่อย

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 124 รู้สึกร้อนนิดหน่อย

ตอนที่เจียงป่าวชิงฝังเข็มให้กงจี้ในช่วงบ่าย นางรู้สึกว่าสายตาของกงจี้มีความแปลกประหลาดไปนิดหน่อย

เมื่อฝังเข็มเสร็จ เจียงป่าวชิงก็ชำเลืองมองเขาด้วยความแปลกใจ “ทำไมรึ ? จู่ ๆ ก็พบว่าข้าเป็นคนสวยไร้ที่ติแล้วหรืออย่างไร ?”

นิ้วมือของกงจี้เคาะลงไปบนแขนเบา ๆ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ “ตื่น รับรู้ความเป็นจริงไม่ดีหรอกรึ ?”

เจียงป่าวชิงส่งเสียงอุทานอย่างไม่ใส่ใจ “แล้วทำไมสายตาของเจ้าถึงได้แปลกขนาดนั้นเล่า ?”

กงจี้ยืดตัวตรง ไป๋จีที่อยู่ด้านข้างก็วางหมอนไว้ข้างหลังกงจี้พร้อมกับส่งสายตาไปด้วย

กงจี้อิงบนหมอนแล้วพูดขึ้น “ข้ากำลังคิดเกี่ยวกับปัญหาอย่างหนึ่ง”

เจียงป่าวชิงทำสีหน้าประมาณว่า ‘เจ้าพูดมาสิ ข้ารอฟังอยู่’

กงจี้พูดอย่างครุ่นคิด “ถ้าวันหนึ่ง คนที่นี่พบว่าเจ้าลูบคลำขาของผู้ชาย พวกเขาจะจับเจ้าแช่กรงหมูหรือเปล่า ?”

เจียงป่าวชิงเกือบสำลักน้ำลายตัวเองอยู่รอมร่อ นางก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัวและกระแอมไอออกมาเล็กน้อย “อ่ะแฮ่ม คุณชายกง เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ?”

กงจี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “หรือว่าที่เจ้าลูบคลำขาของข้าไม่ใช่ความจริง ?” ในคำพูดของกงจี้มีน้ำเสียงของการซักถามอยู่เล็กน้อย

เจียงป่าวชิงรู้สึกหมดคำพูดกับไอ้โรคจิตที่ไม่รู้ว่ามีวงจรอะไรอยู่ในหัวของเขาคนนี้จริง ๆ “เจ้า… ข้าทำการรักษาให้เจ้า นี่เป็นวิธีรักษา ไม่ใช่จงใจลูบคลำ… เจ้า…”

‘เจ้าอยากฆ่าข้าให้ตายรึ ?’ ประโยคนี้เจียงป่าวชิงไม่ได้พูดออกไป แต่นางประณามกงจี้ด้วยสายตาตามความจริง

กงจี้มองปฏิกิริยาของเจียงป่าวชิงอย่างนึกสนุก

ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร  บรรยากาศจึงแปลกประหลาดไปเล็กน้อย

ไป๋จีเองก็ไม่กล้าพูดอะไร เขายืนก้มหน้าและพยายามลดการมีตัวตนของตัวเองลงเพื่อแสร้งทำเป็นตัวเองไม่อยู่ที่นี่

ฝูฉูถือผลไม้ที่ล้างเสร็จแล้วเข้ามาก็เห็นว่าบรรยากาศภายในห้องแปลกประหลาดไป นางกระแอมไอเล็กน้อย “อะแฮ่มแม่นางเจียง กินผลไม้หน่อยไหม ?”

เจียงป่าวชิงดึงสติกลับมาอย่างกะทันหัน ไม่รู้ทำไมนางถึงได้รู้สึกร้อนที่แก้มนิดหน่อย นางยกมือขึ้นมาพัดลมเข้าหาตัว “ข้ารู้สึกร้อนนิดหน่อย…” นางพูดไปด้วยและถอยห่างพื้นที่ที่กงจี้นั่งไปด้วย จากนั้นนางก็หยิบลูกท้อในจานผลไม้โดยแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น และกัดมัน

เมื่อกลับมาในช่วงบ่ายของวันถัดไป เจียงป่าวชิงก็พบว่าภายในห้องเย็นขึ้นไม่น้อยเลย เจียงป่าวชิงลูบแขนตัวเองและรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

นางอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำ “เหตุใดในห้องถึงเย็นแบบนี้ล่ะ ?”

กงจี้ไม่ยกเปลือกตาขึ้น แต่เขากลับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เมื่อวาน เจ้าบอกว่าร้อนไม่ใช่รึ ? ช่างกะล่อนจริง ๆ”

เจียงป่าวชิงชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นนางก็หันไปมองรอบ ๆ และพบว่ามีน้ำแข็งวางอยู่ทั่วทุกมุมห้อง

ในหมู่บ้านบนภูเขาแห่งนี้ น้ำแข็งเป็นของหายากที่ไม่ค่อยเห็นได้บ่อยนัก มีคนขุดอุโมงค์เก็บน้ำแข็งที่ในอำเภอ เพื่อให้พวกขุนนางชั้นสูงได้ใช้ในช่วงฤดูร้อนโดยเฉพาะ

เจียงป่าวชิงคิดว่าสิ่งที่วางอยู่ไม่ใช่น้ำแข็ง แต่เป็นเงินที่ใช้ไปโดยเปล่าประโยชน์

“เจ้า” เจียงป่าวชิงยกนิ้วโป้งให้เขา “เจ้าช่างเป็นคนรวยที่ไม่ใช้เงินจริง ๆ เจียงลื่อเทียนยังต้องยอมแพ้เจ้าเลย”

กงจี้ยิ้มอย่างเย็นชาเสียจนเจียงป่าวชิงรู้สึกว่ามันหนาวเกินไป นางพูดขึ้น “ไม่ได้การ ข้าต้องกลับไปเพิ่มเสื้อผ้าหน่อยแล้ว”

ไป๋จีพูดขึ้นอย่างเป็นกันเอง “แม่นางเจียงไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก ข้าหยิบเสื้อคลุมของนายท่านให้เจ้าคลุมเอาไหม ?”

กงจี้มองไป๋จีเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร

เจียงป่าวชิงรีบปฏิเสธทันที “ไม่ต้อง หากว่าข้าทำสกปรกอีกมันจะไม่ดี”

เสื้อคลุมสีเขียวเปลือกไม้ไผ่ที่เปื้อนน้ำลายนางตัวนั้น นางซักอยู่ตั้งนานกว่าจะซักสะอาด ต่อมา เมื่อเอามาส่งและตากเสร็จแล้ว ฝูฉูก็บอกกับนางเสียงเบาว่าที่จริงไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ เพราะท่านชายของนางมีนิสัยรักความสะอาดมากเกินไป แม้ว่าจะซักจนสะอาดแล้ว เขาก็จะไม่นำมาใส่เป็นครั้งที่สองเด็ดขาด

และเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เจียงป่าวชิงก็ไม่เห็นกงจี้ใส่เสื้อคลุมสีเขียวเปลือกไม้ไผ่ตัวนั้นอีกเลย

ในที่สุดกงจี้ก็พูดขึ้นอย่างทนไม่ไหว “ไป๋จี ย้ายน้ำแข็งออกไป”

เจียงป่าวชิงที่กำลังจะกลับชะงักไปทันที ตอนนี้ไป๋จีได้ทำการย้ายน้ำแข็งออกไปข้างนอกอย่างคล้อยตามเสียแล้ว

เจียงป่าวชิงมองน้ำแข็งสี่กะละมังที่วางอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ นี่มันคล้ายกับว่านางเห็นเงินสี่กะละมังค่อย ๆ ละลายกลายเป็นน้ำอย่างช้า ๆ

เจียงป่าวชิงทอดถอนใจ คนรวยบางคนชอบโยนเงินเล่นจริง ๆ  แต่นี่เป็นเงินของคนอื่น เจียงป่าวชิงจะไม่สอดปากสอดคำเกี่ยวกับการใช้เงินของคนอื่นอย่างเด็ดขาด

เงินทองล้วนหามาได้อย่างยากลำบากกันทั้งนั้น เขาเต็มใจใช้จ่ายอย่างไรก็ปล่อยเขาไป อย่าว่าแต่ซื้อน้ำแข็งมาละลายเล่นเลย ต่อให้เขาใช้เงินปาลงไปในน้ำแทนหิน นางจะไปก้าวก่ายเขาได้หรือ ?

เจียงป่าวชิงคิดได้แล้ว

เมื่อฝังเข็มเสร็จ นางก็วัดชีพจรและจ่ายยา จากนั้นก็ลุกขึ้นพูด “คุณชายกง พรุ่งนี้ข้าจะไปตลาด ดังนั้นเวลาในการฝังเข็มก็เหมือนก่อนหน้านั้น คือเลื่อนไปเป็นครึ่งชั่วยามต่อมา”

กงจี้ไม่ได้พูดอะไร เขาทำเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย

เจียงป่าวชิงฮัมเพลงกลับไป

ชายหนุ่มล้ำค่าผู้เลอโฉมขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดกับไป๋จีอย่างไม่พอใจ “ไป๋จี เหตุใดข้ารู้สึกว่าทุกครั้งที่นางมาช้า นางจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ?”

ไป๋จีกล้ารับคำพูดนี้ที่ไหนกัน

กงจี้ขมวดคิ้วมองออกไปนอกหน้าต่าง มองจากตรงนี้ เขาก็สามารถมองเห็นลานบ้านของเจียงป่าวชิงได้อย่างพอดิบพอดี  เจียงป่าวชิงกำลังถามเจียงหยุนชานอยู่ในลานบ้าน น้ำเสียงของนางฟังได้อย่างชัดเจนมาก “พี่ คืนนี้อยากกินอะไรรึ ?”

“อะไรก็ได้แล้วแต่เจ้าเลย”

“ถ้าอย่างนั้นข้าออกไปซื้อผักแล้วนะเจ้าคะ จะไปดูหน่อยว่ามีผักอะไรบ้าง”

เจียงป่าวชิงถือตะกร้าผักออกจากบ้าน จากนั้นกงจี้ก็หันไปหาไป๋จีอีกครั้ง “เหตุใดนางถึงไม่เคยถามข้าว่าข้าอยากกินอะไร ?”

“…” ไป๋จีเงียบไป เขาไม่รู้ว่าจะตอบอะไรเลยจริง ๆ

ชายหนุ่มล้ำค่าขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหล่าเต็มไปด้วยความรังเกียจ “เจียงป่าวชิง! ที่ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าเคารพข้า ดูเหมือนจะเป็นแค่การพูดส่ง ๆ ไปอย่างนั้นสินะ”

ไป๋จีเช็ดเหงื่อ  ตั้งแต่แม่นางเจียงเริ่มรักษาพิษที่ขาให้เจ้านายของเขา อารมณ์ของเจ้านายของเขาก็คุ้มดีคุ้มร้ายขึ้นเรื่อย ๆ

มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นองครักษ์ในทุกวันนี้

……

เช้าตรู่ของฤดูร้อน ยังคงมีความชื้นในอากาศเหมือนกับน้ำตาที่ไหลออกมาในยามค่ำคืน เช้านี้เจียงป่าวชิงตื่นเร็ว แต่เจียงหยุนชานกลับตื่นเร็วกว่า

เจียงหยุนชานกำลังออกกำลังกายเลียนแบบท่าสัตว์ตามที่เจียงป่าวชิงสอนอยู่ในลานบ้าน เขารดน้ำผักในบ้านและไปตักน้ำที่ริมแม่น้ำมาเติมให้เต็มถังน้ำ เสร็จแล้วถึงจะจุดไฟบนเตา และต้มโจ๊กกับท่องหนังสือไปด้วย

ในตอนที่ควันหมุนเป็นเกลียว เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานสบตากันยิ้ม ๆ

เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว เจียงหยุนชานก็ส่งเจียงป่าวชิงไปด้านนอกแล้วกลับไปอ่านหนังสือต่อ  เดิมทีเจียงป่าวชิงคิดจะไปที่บ้านซุนต้าหู แต่เดินไปได้เพียงครึ่งทาง นางก็หยุดฝีเท้าลงทั้งอย่างนั้น  นางคิดอะไรได้จึงถอนหายใจออกมา จากนั้นก็หมุนตัวไปที่ทางเข้าหมู่บ้านเพื่อรออยู่ที่นั่น

ตอนนี้ตรงทางเข้าหมู่บ้านมีชาวบ้านที่เตรียมตัวไปตลาดเริ่มทยอยมากันแล้ว มีใครคนหนึ่งนั่งยอง ๆ อยู่ข้างทางและมีคนพูดคุยกันอยู่ แต่ทั้งหมดล้วนปลอดภัยมาก

ตอนใกล้ถึงเวลา ซุนต้าหูก็จูงรถล่อมาที่นี่ และเป็นอย่างที่คิดไว้ ข้างกายเขามีป๋ายรุ่ยฮัวที่อุ้มเฟิ่งเอ๋อร์ตามมาด้วยจริง ๆ

เมื่อซุนต้าหูเห็นเจียงป่าวชิงรออยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย  เมื่อก่อนถ้าหากว่าเจียงป่าวชิงจะไปตลาด นางก็จะไปหาเขาที่บ้านตลอด ทั้งสองคนจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในชีวิตประจำวันสักครู่ จากนั้นถึงจะไปที่ทางเข้าหมู่บ้านด้วยกัน

“น้องป่าวชิง” ซุนต้าหูยกแขนและโบกมือให้เจียงป่าวชิง

เจียงป่าวชิงยิ้มให้ซุนต้าหูและพยักหน้า “พี่ต้าหู”

และนางก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

ถึงแม้ว่าซุนต้าหูจะไม่ได้พูดอะไร เขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ส่วนป๋ายรุ่ยฮัว เมื่อนางเห็นเจียงป่าวชิง ใบหน้าของนางก็ตึงขึ้นเล็กน้อย

.