หลี่เฟิ่งเซียนยืนขึ้น โค้งตัวแสดงความเคารพฟางเจิ้ง “ขอบคุณไต้ซือที่ชี้แนะ ฉันหาพบแล้ว อีกเดี๋ยวจะลงเขา จะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ฉันหลี่เฟิ่งเซียนมีคุณค่าในตัวเอง!”

พูดถึงตรงนี้หลี่เฟิ่งเซียนมีราศีจับ ราวกับเซียนหงส์ในความฝัน!

ฟางเจิ้งมองหลี่เฟิ่งเซียนที่ราศีจับพลางยิ้มอย่างพอใจ เขาพบว่าการช่วยคนมันไม่ได้รู้สึกฟินธรรมดาจริงๆ! ความรู้สึกพอใจแบบนี้เป็นรองแค่การนับเงิน…

“ไต้ซือ พูดจริงๆ นะ ฉันขึ้นเขามาครั้งนี้เพื่อใส่ร้ายท่าน คนที่ชื่อเฉินจิ้งจ้างให้ฉันมาใส่ร้ายท่าน บันทึกวิดีโอส่งให้เขา ส่วนไปใช้ยังไงเขาไม่บอก แต่ฉันคิดว่าท่านน่าจะเข้าใจ” หลี่เฟิ่งเซียนบอก

ฟางเจิ้งอึ้งไปเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าเฉินจิ้งคิดจะใส่ร้ายเขา! และคาดไม่ถึงอีกว่าเจ้านี่จะใช้กลยุทธ์หญิงงาม…ฟางเจิ้งโกรธแล้ว เฉินจิ้งทำเกินไปหน่อยมั้ง! พูดจาไม่เคารพบนเขา หาเรื่องต่างๆ มากมาย ปีนกำแพงวัด ยั่วยุอะไรพวกนี้ยังพอปล่อยวางได้ ลงเขาไปแล้วเขียนข่าวสาดโคลนเขาก็ทนไหว ตอนนี้ยังหาผู้หญิงมาใส่ร้ายเขาอีก!

หลังส่งหลี่เฟิ่งเซียนไปแล้ว ฟางเจิ้งถูจมูก หรี่ตาลง “ระบบ ฉันโกรธแล้ว! ทำไมครั้งนี้นายไม่มาขวางล่ะ”

“ผู้รับทุกเรื่องได้ไม่ได้แปลว่าไม่มีความโกรธ” ระบบตอบ

ฟางเจิ้งงงงวย จากนั้นยิ้ม “ระบบ ฉันชักชอบนายแล้วสิ”

“น่าเกลียด ฉันไม่นัดเดทกับนายหรอกนะ!” ระบบตอบเล่นๆ เป็นครั้งแรก

ฟางเจิ้งงงไปอีกรอบ…

“ยินดีด้วย ช่วยคนให้เดินบนทางถูกต้อง จับรางวัลไหม?”

“แบบนี้ก็ได้จับเหรอ?” ฟางเจิ้งอึ้งงัน เดิมทีคิดว่าอย่างมากสุดก็ได้คะแนนบุญกุศลเล็กน้อยเท่านั้น ถึงยังไงตอนเรื่องซ่งเอ้อโก่วเขาไม่ได้โอกาสจับรางวัล

“ซ่งเอ้อโก่วไม่ใช่คนเลวอะไร นายแค่ชักนำให้เขาเดินบนเส้นทางถูกต้องเท่านั้น แต่หลี่เฟิ่งเซียน ครึ่งก้าวเข้าไปในนรกแล้ว นายดึงเธอกลับมาเท่ากับเป็นคนใหม่ บุญกุศลมากกว่า ดังนั้นเลยมีรางวัล” ระบบตอบ

“แล้วมัวพูดมากอะไรอยู่ล่ะ จับสิ!” ฟางเจิ้งพูด

“ติ๊ง! ยินดีด้วยนายได้รับอภินิหารปลุกเสก!”

“อภินิหารปลุกเสก อะไรน่ะ? หรือว่าฉันปลุกเสกสิ่งของธรรมดาให้มีพลังเหนือมนุษย์ได้เหรอ?” ฟางเจิ้งคิดขึ้นตามจิตใต้สำนึก จับผีมาตัดชิ้นส่วน ของที่ไต้ซือปลุกเสกแล้วจะใช้สยบมารปีศาจได้

ระบบตอบ “อภินิหารปลุกเสกจะทำให้นายมีความสามารถบางอย่างของเทพที่บูชาในวัดนายได้ ยกตัวอย่างเช่นถ้านายบูชาเทพแห่งความมั่งคั่ง นายจะเปลี่ยนดวงชะตาคนคนหนึ่งให้มีโชคลาภเงินทองราบรื่นได้”

ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันที วัดเขาบูชาอะไรก็จะมีความสามารถแบบที่เทพมีได้ และตอนนี้เขาบูชาพระแม่กวนอิมปางประทานบุตร…

ฟางเจิ้งถามขึ้นด้วยความแปลกใจ “ระบบ ถ้าอย่างนั้นฉัน…ก็ให้ลูกคนอื่นได้อย่างนั้นเหรอ?”

“ใช่ นายจะให้ลูกใครก็ได้ที่นายเคยเห็นเข้ามาในวัด!” ระบบตอบ

“ผู้ชายได้ไหม?” ฟางเจิ้งเกิดสงสัย

“ได้!”

“นอกจากให้ลูกแล้วยังให้อย่างอื่นได้ไหม?”

“ได้!”

“อมิตพุทธ ประเสริฐแท้! ฮ่าๆ…” ฟางเจิ้งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ชี้ท้องฟ้าพลางตะโกนเสียงดัง “ถ้าฉันโกรธรับรองว่าหนักแน่!”

บรู้ว! หมาป่าเดียวดายหอนร่วมด้วย…

‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้’ เฉินจิ้งโทรศัพท์ไปสิบกว่าสาย แต่สุดท้ายก็ปิดเครื่องไป

เฉินจิ้งอดไม่ได้ด่าทอออกไป “ไอ้เวรเอ๊ย เธอทำบ้าอะไรเนี่ย? เมื่อวานยังโทรติดอยู่เลย วันนี้ปิดเครื่อง?”

ขณะเดียวกันหลี่เฟิ่งเซียนลงเขามาแล้วก็โยนซิมการ์ดในถุงขยะ จากนั้นซื้อซิมใหม่ ล้างเครื่องสำอางหนาออก หลังแต่งหน้าเบาๆ แล้วก็ขึ้นรถโดยสารทางไกลออกจากอำเภอซงอู่

“เฉินจิ้งนายโทรหาใครน่ะ? แฟนเหรอ?” ผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามเฉินจิ้งถามหยอกล้อ

เฉินจิ้งมองค้อน “ไม่ใช่ แค่ไอ้คนสารเลวเท่านั้นแหละ อย่าพูดถึงเธอเลย ถังถัง เอ่อ เธอว่าพวกเรา…”

“อ่า เอ่อ พวกเราดื่มก่อนดีกว่า” ผู้หญิงพลันขัดคำพูดเฉินจิ้ง ยกแก้วสุราขึ้น

เฉินจิ้งเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ดื่มเป็นเพื่อน เงยหน้าขึ้นยกซดอึกใหญ่ ตอนนี้เองเฉินจิ้งพ่นสุราใส่หน้าผู้หญิงคนนั้น!

ถังถังกำลังจะโกรธก็เห็นเฉินจิ้งกุมท้องล้มลงกับพื้น ร้องโอดครวญอย่างน่าเวทนา

ถังถังตกใจสะดุ้ง รีบเรียกรถแท็กซี่พาเฉินจิ้งไปส่งโรงพยาบาล

สิบนาทีต่อมา…

ในห้องฉุกเฉิน เฉินจิ้งไม่เจ็บแล้ว แต่พยาบาลสองคนตาค้าง

“หมอซุน นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมฉันรู้สึกว่าเขา…เหมือนเอ่อ…ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม?” พยาบาลคนหนึ่งพูดด้วยความตึงเครียด

หมอซุนมีสีหน้างงเหมือนกัน ดูผลตรวจอัลตราซาวด์แล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “ไม่ได้ตาฝาด…นี่มันปาฏิหาริย์จริง”

เฉินจิ้งร้องถาม “หมอ ทำไมเหรอ?”

หมอซุนก็ไม่รู้ว่าจะพูดกับเฉินจิ้งยังไง “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ กล้ามเนื้อหดตัวน่ะ ไปห้องผู้ป่วยก่อนเถอะ”

พูดจบหมอซุนเดินออกจากประตูไป ข้างนอกมีคนมารอแล้ว นั่นคือถังถังที่กินข้าวกับเฉินจิ้งก่อนหน้า

“หมอคะอาการเป็นยังไงบ้าง?” ถังถังถาม

หมอซุนยิ้มแห้ง “เอ่อ…คุณเป็นอะไรกับคนไข้ครับ?”

“เพื่อนค่ะ” ถังถังตอบ

“ให้ครอบครัวเขามาเถอะ อาการคนไข้พิเศษอยู่เล็กน้อย” หมอซุนกล่าว เรื่องนี้เขาไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี เลยเลือกปกปิดความลับไว้

“มะเร็งเหรอคะ?” ถังถังเห็นดังนั้นก็จิตตก หยั่งเชิงถามไปโดยจิตใต้สำนึก

ตอนนี้เองเฉินจิ้งถูกเข็นออกมา ได้ฟังสองคำนี้พอดีก็ตกใจจนแทบจะกลิ้งตกเตียง “มะเร็ง? มะเร็งอะไร? ถังถังพูดให้ชัดซิ!”

ถังถังรีบบอก “อย่าๆๆ…นายอย่าใจร้อน ฉันแค่เดาเอง”

หมอซุนพูดต่อ “ใจเย็นๆ ครับ เธอคาดเดาไปเองจริงๆ คุณไม่ได้เป็นมะเร็ง”

ไม่อธิบายยังพอว่า พออธิบายเฉินจิ้งรู้สึกว่าโลกดำมืด หัวเราะแห้งๆ สองที “เหอะๆ…พวกคุณหลอกผม! รวมหัวกันหลอกผม! กลัวว่าผมรู้ความจริงใช่ไหม? วางใจเถอะ ใจผมแข็งพอ…แข็ง….ฮือๆๆ…ว๊าก…ทำไมฉันถึงเป็นมะเร็ง….อ๊าก…” ยังพูดไม่จบ เฉินจิ้งก็ร้องไห้ฟูมฟาย

ถังถังรีบเข้ามากดเขาไม่ให้ขยับมั่วซั่ว หมอซุนก็อธิบายไม่หยุด แต่เฉินจิ้งไม่เชื่อ! เอาแต่ร้องไม่หยุด “อย่าหลอกผม….ฮือๆๆ ผมเข้าใจ! ฮือๆๆๆ ชีวิตผมจะมีความหมายอะไรอีก ผมจะไม่อยู่ที่นี่ ผมจะออกจากโรงพยาบาล!”

เหตุการณ์ร้องไห้ฟูมฟายดึงดูดความสนใจของผู้ป่วยและครอบครัวผู้ป่วยในโรงพยาบาลนับไม่ถ้วน พอได้ยินคำว่ามะเร็งที่เฉินจิ้งตะโกน ทุกคนต่างมองมาด้วยแววตาเห็นใจ

เฉินจิ้งเห็นดังนั้นก็ถูกกระแทกเจ็บหนักกว่าเดิม ร้องไห้เสียใจกว่าเดิม

หมอซุนไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ เลยกดเฉินจิ้งแล้วกระซิบข้างหูเขา “คุณไม่ได้เป็นมะเร็ง แต่คุณตั้งครรภ์!”

……………