บทที่ 106

แม่ทัพมอร์ฟีสผู้นั้นย่อมคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ดังนั้นจึงไม่ได้เตรียมรับมือ เลยได้แต่ล้มหน้าทิ่มลงไปบนพื้นทั้งแบบนั้น

เมื่ออยู่ในจังหวะตัดสินชีวิตเช่นนี้ ถังหยินก็ไม่รีรออีกต่อไป เขารีบเหวี่ยงเคียวเข้าใส่คอของแม่ทัพผู้นั้นทันที

“อ่า…”

เมื่อเห็นอาวุธสังหารกำลังเข้ามาใกล้ ร่างกายของแม่ทัพผู้นั้นกลับไม่ตอบสนอง มีเพียงแค่เสียงกรีดร้องเท่านั้นที่ดังออกมา

ตามมาด้วยเสียงตวัดอาวุธ ก่อนที่คอของแม่ทัพมอร์ฟีสนายนั้นจะขาดกระเด็นกลิ้งไปบนพื้น

ชายหนุ่มเดินออกมาข้างหน้า และเหยียบหัวของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะตะโกนออกไปว่า “ผู้นำทัพของพวกเจ้าตายแล้ว !”

เมื่อพวกทหารม้าเห็นหัวแม่ทัพตัวเอง พวกเขาก็ถึงตกตะลึงจนหน้าเปลี่ยนสี แต่หลังจากที่เงียบกันได้ไม่นาน พวกเขาก็พากันกรูเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว !

สีหน้าถังหยินดำคล้ำ มือของเขาถือหัวของแม่ทัพนายนั้นเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ถือเคียววิ่งเข้าใส่ศัตรู

ไม่ทันไรทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะกัน พวกทหารม้าแทงหอกเข้าใส่ถังหยิน หากทว่าชายหนุ่มก็หลบไปด้านข้างได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะฟาดฟันเคียวสวนกลับไป และด้วยชุดเกราะที่หนักอึ้งของพวกทหารม้าเกราะ พวกเขาจึงไม่อาจหลบเลี่ยงการโจมตีดังกล่าวได้เลย

เคร้ง !

ถังหยินฟันเคียวใส่ทหารม้าเหล่านี้อย่างจัง ซึ่งถ้าเป็นปกติ เป้าหมายจะต้องตัวขาดครึ่งไปแล้ว หากทว่าพวกเขาคือทหารม้าเกราะหนัก ดังนั้นการโจมตีครั้งนี้จึงไม่เป็นผลแต่อย่างใด

เคียวไม่สามารถฟันทะลวงเข้าไปได้และปักคาอยู่แบบนั้น สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือใบมีดติดแหง็กอยู่กับเกราะของอีกฝ่าย ทำให้ไม่สามารถดึงออกมาได้ตามปกติ คงมีแต่ต้องใช้แรงทั้งหมด และลากร่างของทหารม้าผู้นั้นออกมา จึงจะสามารถดึงออกมาได้

ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ๆ ย่อตัวลงเพื่อหาจังหวะพุ่งออกไปข้างหน้า ทำการหลบการโจมตีจากพวกทหารม้า และดึงตัวทหารผู้นั้นลงมาด้วยกัน ก่อนที่จะพบว่าเป้าหมายได้ตายไปก่อนหน้าแล้ว

ฉิบหายแล้ว !

เขาได้แต่กรีดร้องในใจ ก่อนใช้แรงทั้งหมดเพื่อดึงเคียวออกมา หากทว่ามันก็ยังคงติดอยู่เช่นนั้น !

และเมื่อเห็นพวกศัตรูกำลังเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็พลันตัดสินใจกระโดดหลบออกไปไกลหลาย 10 จั้ง อาศัยจังหวะที่ทหารม้าวิ่งเข้ามาซัดเคียวใส่เข้าไป

ใบมีดไม่ทันได้ปะทะกันเลย หากแต่ศพของทหารม้าคนก่อนก็ได้ลอยกระเด็นออกไปแล้ว

ก๊อง !

ด้วยเสียงดังก้อง ซากร่างของทหารม้านายนี้ก็ได้ตกกระทบเข้ากับม้าที่กำลังวิ่งตรงเข้ามา

ร่างของทหารนายนั้นหนักมากทีเดียว เมื่อบวกกับเกราะด้วยแล้ว จึงทำให้หนักกว่าเดิมหลายเท่าตัว ดังนั้นเมื่อร่างนั่นชนกับม้า ม้าเจ้ากรรมก็พลันเสียหลัก กระเด็นไปชนกับอีกตัวจนล้มไป

ทหารม้า 2 นายนอนตกลงกับพื้น พยายามหนีออกมาแต่ก็ไม่สามารถยืนได้เพราะเกราะอันหนักอึ้ง

เมื่อเห็นแบบนั้น ถังหยินก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากแล้ว เพราะอีกฝ่ายกำลังพุ่งทะยานเข้าหาแบบไม่ยั้งมือ !

ชายหนุ่มที่ตกอยู่ในกลางวงล้อม เขารู้สึกราวกับว่ากำลังจมน้ำอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแรงกระแทกที่ได้รับจากทหารม้าที่พุ่งเข้ามาหา ถ้าหากไม่ใช่เพราะวิชาตัวเบาละก็ เขาคงจะถูกเหยียบแบนไปแล้ว

หลังจากสังเกตอยู่นาน ในที่สุดถังหยินก็พอจะจับจุดของพวกทหารม้าเกราะหนักเหล่านี้ได้บ้างแล้ว ดังนั้นเขาจึงเลิกออมมือและใช้วิชาสับเปลี่ยนเงาเพื่อไปอยู่บนหลังม้าของทหารนายหนึ่ง ก่อนจะถีบคนผู้นั้นให้ตกลงไป

เมื่ออยู่บนม้า การเคลื่อนไหวก็สะดวกขึ้น เขาหยุดทำการโจมตีแบบซึ่ง ๆ หน้า และหันไปทำการปล่อยคลื่นพลังแบบต่อเนื่องแทน เพราะถึงแม้จะทำลายเกราะของพวกมันไม่ได้ แต่เขาก็สามารถบีบให้พวกมันตกจากหลังม้าลงไปนอนกองกับพื้นได้ !

ทว่าชายหนุ่มนั้นไม่สามารถทำแบบนั้นได้ในตอนนี้ เป็นเพราะเขายังไม่ได้ดูดกลืนพลังปราณเลย และการใช้ท่วงท่าแบบนั้นมันก็กินพลังงานเอามาก ๆ เสียด้วย ทำให้อ่อนล้าอย่างรวดเร็ว

ในตอนนี้เอง ที่พี่น้องฉางกวงได้เข้ามาช่วยทันเวลาพร้อมกับเฉิงจิน โอชิง และทหารอีก 2 พันนาย

หยวนอู่และหยวนเปียวนั้นมากไปด้วยพลัง ดังนั้นพวกเขาจึงได้ทำการบุกทะลวงเข้าไปอย่างบ้าคลั่งเพื่อช่วยถังหยินรับมือ

ชายหนุ่มอาศัยจังหวะนี้ รีบฟื้นฟูพลังกายในทันที และเมื่อเขามองกลับไปก็ได้เข้ากับเห็นทหารของตัวเอง ดังนั้นถังหยินจึงหันไปพูดกับสองพี่น้องว่า “ที่นี่ข้าจัดการเอง พวกเจ้ารีบไปที่เมืองชายแดนซะ !”

ความปลอดภัยของเมืองต้องมาก่อน อีกทั้งพวกทหารม้าเกราะหนักเองก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะล้มได้ง่าย ๆ

ได้ยินแบบนั้นทั้งสองก็พูด “ให้พวกเราช่วยท่านเถิด…”

ถังหยินพูดตัดบท “คิดว่าข้าต้องการหรือ ? ฟังคำสั่งข้าและพาพี่น้องไปช่วยเมืองเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นหัวเจ้าขาดแน่ !”

ต่อให้ไม่เห็นสีหน้า แต่พวกเขาก็พอจะคาดเดาอารมณ์ของอีกฝ่ายได้ ดังนั้นหยวนอู่จึงไม่พูดอะไรต่อ และยอมทำตามแต่โดยดี

“ช้าก่อน” ถังหยินตะโกน และยื่นหัวหลายหัวไปให้หยวนอู่ “ข้าตัดหัวแม่ทัพมันมาแล้ว”

“รับทราบ !” หยวนอู่พยักหน้า ก่อนจะเอาหัวเหล่านั้นพร้อมกับทหารอีก 2 พันนายตรงไปยังเมืองชายแดน

ทิ้งให้เฉิงชินและโอชิงที่ยังอยู่กับเขา

ชายหนุ่มไม่ได้บังคับทั้งสองแต่อย่างใดและพูดขึ้น “เกราะพวกมันหนามาก จงระวังให้ดี”

ทั้งสองพยักหน้ารับคำ พวกเขานั้นเข้าใจดีว่าถ้าเกิดไม่สามารถจัดการพวกม้าเกราะหนักได้ มันจะต้องเกิดการสูญเสียมากแน่

ถังหยินยกเคียวขึ้น ก่อนจะกู่ร้องสุดเสียงและพุ่งเข้าใส่พวกทหารม้า

ฝั่งศัตรูดูจะไม่ได้สนใจอะไร พวกมันพากันมุ่งเป้าไปที่ถังหยินเพียงอย่างเดียว เพื่อล้างแค้นให้กับแม่ทัพของพวกเขา

ทางด้านพวกทหารราบของพวกมอร์ฟีสเองก็เช่นกัน คนพวกนั้นพากันเข้าล้อม และพุ่งตรงเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

ทั้งสามคือผู้ใช้ศาสตร์มืด ดังนั้นจึงไม่กลัวการปิดล้อมครั้งนี้เลย มีแค่เกราะหน้าของพวกมันเท่านั้นที่ทำให้รู้สึกน่ารำคาญ

หลังจากต่อสู้ได้ไม่นานนัก ถังหยินก็ถูกแยกออกจากเฉินจินและโอชิง

ยิ่งสู้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเจอจุดอ่อนของอีกฝ่าย สำหรับพวกผู้ฝึกยุทธ์ การโจมตีทหารม้าเกราะหนักต้องใช้ความเร็วและแม่นยำ เน้นไปที่ลำคอ ดวงตา หรือข้อต่อ ไม่ก็ทำการโจมตีม้าของพวกเขาแทน ถึงจะไม่สามารถจัดการศัตรูได้ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการจัดการจุดแข็งของศัตรู

ดังนั้นการโจมตีโดยเล็งไปที่ขาของม้าจึงเป็นสิ่งที่น่าใช้งานที่สุด

ถังหยินเป็นคนแรกที่คิดได้ เขาจึงลงจากม้าและเลือกที่จะสู้บนพื้นตามปกติแทน

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลงจากม้า พวกม้าเกราะหนักก็พลันพุ่งเข้าใส่ถังหยินจากทุกทิศทาง

ชายหนุ่มแยกเคียวออกเป็นดาบซิมิทาร์ 2 เล่มอย่างรวดเร็ว เขากลิ้งตัวหลบหอกพวกนั้น และฟาดฟันขาของม้าจนพวกศัตรูล้มกันระเนระนาด

ถังหยินไม่หยุดแค่นั้น เขากลิ้งไปเรื่อย ๆ แล้วทำท่าเดิมอีกครั้งจนทำให้พวกทหารม้าล้มกันแทบทั้งกองพันที่พุ่งเข้ามา

ดาบซิมิทาร์ในมือของถังหยินนั้นทรงพลังอย่างมาก ยิ่งเขาใช้งานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งชำนาญมากยิ่งขึ้น เขาสามารถพุ่งเข้าใส่กองทหารม้าหรือแม้แต่กลิ้งลงแทงท้องม้าได้ด้วย

การต่อสู้ในบริเวณนี้กำลังดุเดือดมากทีเดียว แต่ทว่าทางเมืองชายแดนนั้น มันได้มาถึงจุดแตกหักแล้ว !