ตอนที่ 114

เสน่ห์คมดาบ

“ศัตรูของเขาตามมาฆ่าเขาน่ะ หลังจากฆ่าแล้วก็ไปเลย” แคลร์ไม่ได้ตั้งใจจะให้ทุกคนรู้เรื่องเทพเจ้าแห่งความมืด จึงพูดไปแบบนี้ 

 

 

มันเป็นเช่นนี้หรือ? ทุกคนมองแคลร์อย่างสงสัย แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น การตายของคนๆ นั้นจะเป็นอะไรได้ล่ะ? เป็นไปไม่ได้ที่แคลร์จะฆ่าเขา อีกทั้งท่าทีหยิ่งผยองของคนๆ นั้นก็ยิ่งไม่น่าจะหนีไปเองด้วย หรือว่าจะเป็นศัตรูที่ตามล่าเขาจริงๆ? 

 

 

“พวกเจ้า ทำไมไปแล้วยังจะกลับมาอีกล่ะ?” แคลร์ขมวดคิ้วและมองทุกคน จากนั้นก็มองไปที่มังกรดำที่กลับไปเป็นร่างมนุษย์แล้วถามด้วยความตำหนิ 

 

 

“ก็เป็นห่วงเจ้าน่ะสิ” หลายเสียงพูดออกมาพร้อมกัน 

 

 

“เห้อ จริงๆ เลย” แม้ว่าแคลร์จะตำหนิ แต่หัวใจของนางก็รู้สึกอบอุ่น นางหันหน้าไปหามังกรดำและพูด “เจ้าทำสิ่งที่ข้าบอกไม่สำเร็จ ดังนั้นครั้ง นี้ไม่นับ” 

 

 

ปากของมังกรดำกระตุก ในเวลานี้แคลร์ยังจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อีก 

 

 

แคลร์มองขึ้นไปที่ดวงจันทร์ที่สว่างอยู่บนท้องฟ้าในยามค่ำคืน ในใจของนางรู้สึกเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆ ในโลกนี้ ยอดฝีมือก็มีมากมายเหมือนก้อนเมฆ มีภูเขาลูกหนึ่งก็ยังมีภูเขาอีกลูกที่สูงกว่า นางยังห่างไกลจากความแข็งแกร่ง มากนัก 

 

 

ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าดวงตาของจินเหยียนและเหลิ่งหลิงยวิ๋นมีความไม่พอใจอยู่ คราวนี้พวกเขาได้พบกับศัตรูที่แข็งแกร่งและพวกเขาทั้งหมดดูอ่อนแอมาก จินเหยียนวางมือลงบนด้ามดาบ นี่เป็นครั้งแรกจาก ก้นบึ้งของหัวใจที่เขารู้สึกว่าอยากจะได้รับความแข็งแกร่งมากขึ้นในทันที 

 

 

“เอาล่ะ เรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ” คามิลล์พูดเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของเขา 

 

 

ทุกคนพยักหน้า ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ควร อยู่เป็นเวลา นาน เลย 

 

 

ทันทีที่แคลร์จะ ก้าวเดิน เงาดำก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง ทุกคนไม่ได้สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกบอลสีดำบินไปที่ไหล่ของแคลร์อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าและก็อ้าปากกัดคอขาวของนาง! คราวนี้แม้แต่ไป๋ตี้ก็มาหยุดไม่ทัน! 

 

 

“จิ๊บ!” ไป๋ตี้ตะโกนด้วยความโกรธ เขากระโดดและวิ่งไปบนไหล่ของแคลร์ 

 

 

แต่มันสายเกินไปแล้ว พลัง ล้นเหลือที่ คุ้นเคยกำลังหลั่งไหลเข้ามาในร่างของแคลร์อีกครั้ง นี่คือการบังคับให้สร้างพันธะ 

 

 

ร่างของแคลร์สั่นและไม่สามารถหยุดได้ จินเหยียนที่อยู่ใกล้แคลร์มากที่สุดจับมือแคลร์ไว้ 

 

 

“แคลร์!” ทุกคนอุทาน นี่มันเป็นช่วงเวลาแห่งความไม่สงบจริงๆ 

 

 

“ข้าชื่อเฮยหยู่” เสียงบ้าคลั่งบุกเข้ามาในจิตใจของแคลร์ แคลร์รู้แล้วว่าที่แท้ลูกบอลสีดำนี้ก็ชื่อว่าเฮยหยู่นี่เอง! 

 

 

หัวของแคลร์มึนงง พลังที่เอาแต่ใจปะทะกันโดยพลการในร่างกายของนาง เฮยหยู่พยายามขับไล่ความสัมพันธ์ระหว่างแคลร์และไป๋ตี้ออกไปเพื่อที่เขาจะเข้ามาแทนที่ 

 

 

สองกำลังที่ทรงพลังและเอาแต่ใจเริ่มต่อสู้กันในตัวของแคลร์อย่างไม่ยอมหลีกทางให้กัน แต่มันเดือดร้อนที่แคลร์! สองกำลังที่ทรงพลังและเท่าเทียมกันโหมกระหน่ำอยู่ภายในร่างกายของแคลร์ ต่างฝ่ายต่างต้องการเข้ามาแทนที่กันและกัน สีหน้าของแคลร์เจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายดูเหมือนจะระเบิดออกมาด้วยความเจ็บปวด 

 

 

“แคลร์! เกิดอะไรขึ้น?” สีหน้าของเหลิ่งหลิงยวิ๋นเปลี่ยนไปและเขาก็ใช้เวทย์รักษาทันที แต่ ไม่ได้ผลเลย ใบหน้าของแคลร์เริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ มีเหงื่อเย็นออกมาจากหน้าผากของแคลร์อย่างต่อเนื่อง 

 

 

สีหน้าของจินเหยียนก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาจับมือของแคลร์ไว้และรู้สึกได้ว่าด้านหลังของแคลร์ชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น! 

 

 

“เจ้าทำบ้าอะไร?” หลี่เยว่เหวินโกรธและยื่นมือไปจับเจ้าลูกบอลสีดำ 

 

 

ลูกบอลสีดำบินขึ้นไปในอากาศ กระพือปีกและร้องสองครั้งพลางเอียงหัวมองไปที่แคลร์ 

 

 

“จิ๊บ!” ไป๋ตี้กระโดดไปที่ไหล่ของหลี่เยว่เหวินและร้องไห้อย่างกังวลราวกับบอกหลี่เยว่เหวินว่าอย่าทำลูกบอลสีดำ 

 

 

“ดูเหมือนว่าเขาจะบอกว่าอย่าทำร้ายเจ้าลูกบอลสีดำนะ” คามิลล์ลูบคางของเขาอย่างสงสัยและพูด “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” 

 

 

“เจ้าสร้างพันธะใช่หรือไม่?” จินเหยียนพูด สถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นกับแคลร์เมื่อตอนที่ไป๋ตี้ปรากฏตัว 

 

 

“อะไรนะ? สร้างพันธะ? คนหนึ่งคนสามารถมีสัตว์เวทย์พันธะได้เพียงตัวเดียวเท่านั้นนะ!” หลี่เยว่เหวินยิ่งกังวลมากขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางรู้ว่าไป๋ตี้เป็นสัตว์เวทย์พันธะของแคลร์ไปแล้ว 

 

 

“ตอนนี้ข้าควรทำอย่างไรดี?” ซัมเมอร์รู้สึกกังวลเมื่อได้ยินเช่นนั้น “แคลร์จะตายหรือไม่?” 

 

 

“ไร้สาระ ไม่หรอกน่า!” เฉียวฉู่ซินดุซัมเมอร์ทันที “แคลร์จะไม่เป็นอะไร” 

 

 

“ตอนนี้ไม่สามารถแตะต้องเจ้าลูกบอลสีดำได้ เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะทำให้แคลร์บาดเจ็บหรือไม่ ตอนที่ เจ้าแตะต้องมัน ไป๋ตี้ก็คอยป้องกันไม่ให้เจ้าจับเจ้าลูกบอลสีดำ ไป๋ตี้ น่าจะรู้อะไรบางอย่าง เจ้าอย่าเพิ่งทำอะไร เราออกไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยคุยกัน” จินเหยียนพูดเสียงเข้ม เสร็จแล้วก็อุ้มแคลร์ที่เจ็บปวดจนจะเป็นลมขึ้นมา 

 

 

“ใช่ กลับไปที่โรงแรมก่อน ให้แคลร์พักผ่อนก่อน” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างรีบร้อนหลังจากที่นางได้สติ คืนมา 

 

 

“กลับไปที่โรงแรมอะไรล่ะ เราก็ตรงไปยังสถานที่ที่จะไปเลยสิ อย่างไรสัมภาระทั้งหมดก็อยู่ ในแหวนมิติของแคลร์อยู่แล้วนี่?” เบนพูดแล้วคืนร่างเดิม จากนั้นเขาก็หันไปเผชิญหน้ากับทุกคนแล้วตะโกนอย่างไม่สบายใจ “ข้าจะ ยกเว้นแ ให้มนุษย์อย่างพวกเจ้าขี่หลังข้าในครั้งนี้ จะไม่มีครั้งต่อไปอีก รีบขึ้นมาเร็วๆ เข้า” 

 

 

“ขอบคุณนะ” ซัมเมอร์มองใบหน้าที่ซีดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ของแคลร์ และขอบคุณเบนด้วยความโล่งใจ 

 

 

“เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าอาเจียนใส่หลังของข้า เจ้าจะอยู่ที่นี่เหมือนเดิม” เบนพูดพร้อมกับคว้าซัมเมอร์ไว้ในกรงเล็บ 

 

 

“อ๊า! เจ้ามังกรไร้มารยาท !” ซัมเมอร์ร้องโวยวาย แต่ไม่สามารถทำอะไรกรงเล็บของมังกรดำได้ 

 

 

เมื่อทุกคนขึ้นไปบนหลังของมังกรดำแล้ว เฮยหยู่ก็บินขึ้นไปเช่นกัน หลังจากนั้นมัน ก็นั่งลงบนไหล่ของจินเหยียน มังกรดำกางปีกแล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับเสียงกรีดร้องของซัมเมอร์ แล้วทั้งกลุ่มก็ออกเดินทาง ซัมเมอร์กรีดร้องไปทั่วและ อาเจียนไม่หยุด ก่อนหน้านี้ตอนที่หนี นางอยู่บนหลังมังกรดำนางรู้สึก ไม่กลัวความสูงและไม่อาเจียน แต่ครั้งนี้กลับอาเจียนไม่หยุด 

 

 

มังกรดำบินเร็วมาก โดยทีหลี่เยว่เหวินเป็นผู้บอกทาง และเพื่อหลีกเลี่ยงความตื่นตระหนกของผู้คน พวกเขาก็ร่อนลง นอกเมือง ลากัค ถึงแม้ประตูเมืองจะปิดไปแล้ว แต่เมื่อหลี่เยว่เหวินและหลี่หมิงหยู่เปิดเผยตัว หัวหน้าที่ดูแลเมืองก็เปิดประตูให้ แม้ว่าตระกูลหลี่จะตกต่ำลงไปมาก แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่และไม่ใช่สิ่งที่คนเหล่านี้จะสามารถทำให้ขุ่นเคืองได้ 

 

 

ใบหน้าของจินเหยียนแย่ลงเรื่อยๆ เพราะแคลร์ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาหมดสติไปแล้ว! คิ้วของแคลร์ขมวดแน่นแสดงให้เห็นว่านางกำลังประสบกับความเจ็บปวดอย่างมากที่คนทั่วไปไม่สามารถทนได้ 

 

 

คนกลุ่มหนึ่งเดินไปบนถนนอย่างเร่งรีบ ขณะที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นทางตะวันออก ท้องฟ้า ใกล้จะสว่างแล้ว 

 

 

หลี่เยว่เหวินและหลี่หมิงหยู่เดินนำทุกคนไป ในที่สุดก็หยุดอยู่หน้าบ้านโบราณและกว้างขวางหลังหนึ่ง 

 

 

ชายหนุ่มสองคนยืนอยู่ที่ประตู แววตาของพวกเขาดูประหลาดใจเมื่อคนสองคนที่พวกเขาคุ้นเคยปรากฏตัวขึ้น 

 

 

“นายใหญ่ คุณหนูรอง ทั้งสองกลับมาแล้ว! บรรดาผู้อาวุโสเอาแต่มาวุ่นวายกับพวกเราทั้งวันเลยครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดอย่างมีความสุขขณะที่มองหลี่หมิงหยู่ 

 

 

“เอาล่ะ เราค่อยพูดเรื่องนี้ ทีภายหลังแล้วข้าจะจัดการให้ ตอนนี้เพื่อนของข้าต้องพักผ่อนก่อน” หลี่เยว่เหวินโบกมืออย่างกังวล 

 

 

สายตาของทั้งสองคนมองไปที่แคลร์ที่จินเหยียนอุ้มอยู่ในอ้อมแขนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เพื่อน? นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำนี้จากปากของคุณหนู! คุณหนูที่หยิ่งและบ้าอำนาจมีเพื่อนจริงหรือ? คนเหล่านี้ทั้งหมดเลยหรือ? นี่ไปไม่นานพวกเขาพาคนกลับมาเยอะขนาดนี้เลยหรือ? 

 

 

หลี่เยว่เหวินไม่ได้พูดอะไรมากแล้วเดินนำไปข้างหน้า คนอื่นๆ ก็เดินตามมาอย่างใกล้ชิด 

 

 

ชายหนุ่มทั้งสองยืนอยู่ตรงนั้นแล้วมองแผ่นหลังของกลุ่มคนที่เดินไป ก่อนที่พวกเขาจะมองหน้ากัน ทั้งสองเห็นความประหลาดใจ ความสุขและความหวังในดวงตาของกันและกัน 

 

 

“เจ้าได้ยินหรือไม่? คุณหนูรองบอกว่าเป็นเพื่อนของนางหรือ?!” 

 

 

“ข้าได้ยิน! ข้าคิดว่าข้าได้ยินผิดไป แต่คุณหนูรองพูดแบบนั้นนะ ดูคุณหนูรองกังวลเกี่ยวกับหญิงผู้นั้นด้วย” 

 

 

“เจ้าสังเกตหรือไม่ว่าใน กลุ่มนี้มีคนเก่งหลายคน! พวกเขามาที่นี่เพื่อช่วยนายใหญ่และคุณหนูรองหรือไม่?” 

 

 

“ข้าก็หวังอย่างนั้นนะ อ่า! ลืมถามนายใหญ่กับคุณหนูรองเลยว่าพวกเขาได้อะไรจากการเดินทางครั้งนี้บ้าง” 

 

 

“ต้องได้อะไรมาบ้างล่ะ ผู้อาวุโสพวกนั้นเอาแต่หาข้ออ้างจะให้นายใหญ่ลงจากตำแหน่งให้ได้ ฮึ่ม! พวกผู้อาวุโสที่รู้แค่วิธีกินและดื่มพวกนั้น” 

 

 

ไม่นานแคลร์ก็ถูกวางลงบนเตียงขนาดใหญ่ที่ อบอุ่นและ รายล้อมไปด้วยผู้คนที่มีใบหน้าห่วงใย เหลิ่งหลิงยวิ๋นนั่งข้างเตียงและตรวจแคลร์ ทุกคนมองเหลิ่งหลิงยวิ๋นด้วยสายตาเป็นห่วงและมีความหวัง พวกเขาหวังว่าเหลิ่งหลิงยวิ๋นจะพูดอะไรบางอย่างที่จะทำให้พวกเขาสบายใจ 

 

 

“มีพลัง สองฝ่ายต่อสู้อยู่ในร่างกายของแคลร์ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้แคลร์เจ็บปวดมากขนาดนี้” เหลิ่งหลิงยวิ๋นขมวดคิ้วและพูดประโยคดังกล่าวออกมาหลังจากตรวจ 

 

 

“อะไรนะ?!” ทุกคนอุทาน พวกเขารู้เลยว่าพลัง ทั้งสองคงจะเป็นพลังของสัตว์เวทย์สองตัวที่ต่อสู้กันอยู่ คนหนึ่งคนสามารถมีสัตว์เวทย์พันธะได้เพียงตัวเดียว! ตอนนี้ร่างกายของแคลร์กลายเป็นสนามรบไปแล้วหรือ?! 

 

 

“เช่นนั้นจะทำอย่างไรกันดีล่ะ? จัดการเจ้าลูกบอลสีดำนั่นหรือ? เจ้าลูกสีดำนี่มันตัวอะไรกันแน่?” วัลโดถามอย่างหงุดหงิดและมองเจ้าลูกบอลสีดำที่หมอบอยู่ข้างหมอนของแคลร์อย่างดุร้าย 

 

 

“ไม่ได้นะ ถ้าทำเช่นนั้นแคลร์จะตกอยู่ในอันตราย” เหลิ่งหลิงยวิ๋นส่ายหัวอย่างเคร่งขรึม 

 

 

“เช่นนั้นจะทำอย่างไรล่ะ? หรือว่าไม่มีทางอื่นเลยหรือ?” วัลโดถามอย่างโกรธเคือง 

 

 

“ต้องรอเท่านั้น” เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองกลับไปที่ใบหน้าซีดเซียวของแคลร์และพูดอย่างจนใจ “ทั้งหมดที่เราทำได้ตอนนี้ก็คือรอ รอให้พลังพันธะของสัตว์เวทย์หนึ่งในสองตัวครอบงำอีกตัวหนึ่งให้ได้” 

 

 

“แล้วแคลร์จะไม่เป็นอันตรายมากหรือ?!” หลี่เยว่เหวินถามอย่างกังวล 

 

 

“รอไปก่อน ข้าเชื่อว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับแคลร์” คามิลล์พูดเบาๆ 

 

 

“ใช่ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับแคลร์ มันจะต้องไม่มีอะไรผิดพลาด!” เฉียวฉู่ซินนั่งข้างเตียง จับมือของแคลร์ไว้แน่นและพูดอย่างมั่นคง 

 

 

“ไม่ตาย ตายแล้ว ไม่มีใคร ให้กิน” น้ำเสียงของตงเฟิงโฮ่วพูดคำที่ไม่ชัดเจนออกมาด้วยดวงตาที่เศร้าหมอง เขามองทุกคนที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ด้วยความสงสัยว่าเขาพูดอะไรผิดไปหรือ 

 

 

…………………………………………………………………………….