ตอนที่ 122 ขวดพลังชีวิต

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ทันใดนั้นแสงสีแดงบนกำแพงหินสว่างจ้า แสงสีแดงจากข่ายพลังประกายขึ้น ยันต์มากมายไหลเวียน ข่ายพลังขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนผนังในทันใด ถึงแม้จะฝึกกับอวิ๋นเจี่ยวมาเดือนกว่า แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ยังดูไม่ออกว่านั่นคือข่ายพลังอะไร 

 

 

นาทีถัดมา ทหารผีที่บินว่อนอยู่รอบด้านนั้นราวกับถูกแรงดึงดูดขนาดใหญ่ ดูดเข้าไปในข่ายพลัง ไม่ถึงชั่วครู่ก็ถูกดูดจนหมดเกลี้ยงก้นหลุมเงียบสงบลงทันใด ทุกคนถึงได้โล่งใจ 

 

 

เจียวเหิงอีก็เช่นกัน เขาเก็บมือที่วางไว้บนตาของข่ายพลัง จากนั้นนั่งหอบหายใจหนักลงบนพื้น! เกือบไปแล้ว ยังดีที่สหายอวิ๋นวางข่ายพลังทัน 

 

 

“สหายอวิ๋น นี่เป็นข่ายพลังอะไรกันแน่” เขาถาม 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้ว สีหน้ายังคงเคร่งขรึมเหมือนเดิม “ข่ายพลังชั้นสุดท้ายไม่สมบูรณ์ ข้าไม่แน่ใจว่ามันคือ…” นางยังพูดไม่ทันจบ เจ้าสำนักสวีที่อยู่ตรงข้ามสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะตะโกนบอกพวกเขาทั้งสองคนด้วยความเกรงกลัว “ระวังด้านหลัง!” 

 

 

ทั้งสองคนผงะ รู้สึกเพียงเย็นวาบที่หลังพัดเข้ามาทางพวกเขา ส่วนตรงกลางของข่ายพลังสีแดงนั้นปรากฏหลุมดำขึ้นมา ราวกับสัตว์ใหญ่ที่กำลังอ้าปากกว้าง มันกลืนกินอวิ๋นเจี่ยวและเจียวเหิงอีเข้าไป 

 

 

“สหายอวิ๋น!” 

 

 

“หัวหน้าห้อง!” 

 

 

เจ้าสำนักสวีและท่านอาวุโสอีกสามคนวิ่งเข้ามา แต่ไม่ทันการ ข่ายพลังที่อวิ๋นเจี่ยวแก้ไขนั้นราวกับรับความดันจากหลุมดำนั้นไม่ได้ มันแหลกสลายไป นาทีถัดมาแม้แต่ปากหลุมนั้นก็สลายหายไปต่อหน้าทุกคน 

 

 

“…” 

 

 

—————— 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกเพียงร่างกายของตนเองกำลังตกลงข้างล่าง บริเวณรอบข้างมืดสนิท อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ พวกเขาใช้เวลาในการร่วงลงมาถึงสามนาที ตรงหน้าถึงปรากฏแสงสีเขียวขึ้นมาเล็กน้อย อีกทั้งยังสามารถมองเห็นทรายบริเวณรอบข้างที่มืดสลับ อีกทั้งยังใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ… 

 

 

ทราย? เฮ้ย…ร่อง! 

 

 

นางถึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองกำลังร่วงจากที่สูง กำลังคิดจะหยิบยันต์ตัวเบาออกมาแต่ก็ไม่ทัน นาทีถัดมาก็ล้มลงบนกองทรายแล้ว แต่ที่น่าแปลกคือ…ไม่เจ็บ?! 

 

 

นาทีถัดมาได้ยินเพียงเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทรายด้านล่าง 

 

 

“อู้…อู้…อู้อวี๋ อ้าอู่อ้านอ้าง (สหายอวิ๋น ข้าอยู่ด้านล่าง)” 

 

 

“…” อวิ๋นเจี่ยวผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นถึงได้พบว่าหัวหน้าห้องที่ถูกทับอยู่ด้านล่างจนแทบจะจมลงไป นางจึงรีบดึงคนขึ้นมา “ไม่เป็นไรใช่หรือไม่” 

 

 

“ไม่…ไม่เป็นไร ข้าพักหายใจก่อน!” หัวหน้าห้องเจียวอ้าปากสูดลมหายใจ นาทีสุดท้ายตอนที่ตกลงมา เขาได้ใช้ยันต์ตัวเบาในการลดความเร็วลงแล้ว เดิมทีคิดจะดึงสหายอวิ๋นเอาไว้ สุดท้ายเนื่องจากบาดเจ็บไม่อาจเอื้อมมือออกไปได้ ทำให้ตนเองถูกทับอยู่ด้านล่าง 

 

 

“นี่…นี่คือที่ไหน” เขาตั้งสติได้ มองไปยังรอบด้าน พบว่าที่นี่แปลกประหลาดอย่างมาก สามารถเห็นเพียงความอ้างว้าง รอบด้านก็มืดมนน่ากลัว เพียงแต่ยังสามารถเห็นแสงสีเขียวในระยะไกล อีกทั้งพลังรอบข้างก็แปลกประหลาด “ทำไมที่นี่ถึงมีพลังผีหนักขนาดนี้ เหมือนกับ…” 

 

 

“ยมโลก!” อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าดำทะมึน ก่อนจะพูดคำตอบออกมา 

 

 

หัวหน้าห้องเจียวหายใจเข้าด้วยความตะลึง ก่อนจะพูดขึ้น 

 

 

“ยม…ยมโลก!” คงไม่ใช่ยมโลกที่เขาคิดนะ? 

 

 

“ยมโลกนั้นแหละ!” อวิ๋นเจี่ยวพูดดับฝันของเขาในทันที 

 

 

“…” 

 

 

“ข่ายพลังชั้นสุดท้ายนั้นที่ข้าดูไม่ออกนั้น ตอนนี้ข้านึกขึ้นได้แล้ว ชั้นนั้นคือเส้นทางเชื่อมยมโลก” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ หลุมดำที่ปรากฏบนข่ายพลังนั้นช่างคุ้นตา เหมือนกับประตูยมโลกที่อาจารย์ปู่เคยเปิด เพียงแต่ว่าประตูของอาจารย์ปู่มีความเสถียรมากกว่า ส่วนประตูเมื่อกี้เหมือนกับประตูชั่วคราว และด้วยเหตุนี้ ถึงได้ส่งพวกเขามาที่นี่ 

 

 

“ข้าควรจะนึกได้ตั้งแต่แรก สถานที่ที่ทหารผีจากมา นอกจากยมโลกแล้วไม่มีที่อื่น ขอโทษด้วย! ทำให้เจ้าเดือดร้อน” 

 

 

“สหายอวิ๋นอย่าพูดเช่นนี้! เจียวเหิงอีส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ “ท่านเพียงแค่ต้องการจัดการทหารผีเหล่านั้น อีกทั้งใครจะคิดว่าตรงนั้นจะมีทางเชื่อมสู่ยมโลกอยู่” เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่นางควบคุมได้ 

 

 

“เรื่องที่สำคัญในตอนนี้คือ เราต้องมาคิดว่าต่อไปจะทำอย่างไร พวกเรา…เอ๊ะ? นั่นคืออะไร” 

 

 

เขาพูดเพียงครึ่งเดียว ก่อนจะชี้ไปยังด้านหลัง สีหน้าตกตะลึง อวิ๋นเจี่ยวมองตามทิศทางที่เขาชี้ เมื่อกี้ไม่ทันสังเกต ตอนนี้ถึงได้พบว่าบนพื้นด้านหลังของพวกนาง มีขวดสูงเท่าเอวจำนวนมาก ขวดเหล่านั้นล้วนเป็นสีขาวล้วน ในนั้นยังมีแสงสีขาวส่องออกมา ดูเหมือนเป็นขวดหยกที่สวยงาม 

 

 

ที่น่าแปลกคือ พื้นดินที่อยู่รอบขวดราวหนึ่งนิ้ว เต็มไปด้วยพืชสีเขียว เมื่ออยู่ในยมโลกที่อ้างว้างนี้จึงโดดเด่นเป็นพิเศษ 

 

 

ทั้งสองคนสบตากัน ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไป ยังไม่ทันได้เข้าใกล้เส้นประสาทในร่างกายกลับตื่นตัวขึ้น ภายในร่างกายผุดพลังที่ราวกับไม่มีวันหมดขึ้นมา พลังร้ายรอบด้านหายไป หลงเหลือเพียงพลังบริสุทธิ์ 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวชะงักลง สีหน้าดำทะมึน 

 

 

“ในขวดนี้คืออะไร” เจียวเหิงอีถามขึ้น 

 

 

“พลังชีวิต!” อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้ามองเส้นด้ายสีเงินนับไม่ถ้วนบนอากาศ ก่อนจะตอบอย่างมั่นใจ 

 

 

“อะไรนะ!” เจียวเหิงอีเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อ แม้แต่เสียงก็กดต่ำลง “ที่นี่…ทั้งหมด…ล้วนเป็น…” 

 

 

“พลังชีวิตของคนบนโลกมนุษย์” นางพูด 

 

 

เจียวเหิงอีเบิกตาโตยิ่งขึ้น ภายในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเขือง โกรธจนตัวสั่นเทา เขากวาดตามองขวดที่อยู่บนพื้นราวหลายร้อยใบนั้น ไม่อยากยอมรับแต่ก็มั่นใจว่าที่อวิ๋นเจี่ยวพูดคือความจริง มองไปยังพืชสีเขียวใต้ขวด ยมโลกเป็นที่แห่งความตาย หากจะบอกว่ามีอะไรที่ทำให้ยมโลกกลายเป็นโลกที่มีชีวิต ก็คงมีเพียงพลังชีวิต 

 

 

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า คนที่กักขังพลังชีวิตเหล่านี้มาจากยมโลก มิน่าพวกเขาคิดหาทุกวิถีทางในการเรียกพลังชีวิตของคนเหล่านั้นกลับมาแต่ก็ไร้ผล…ที่แท้ก็อยู่ที่นี่ 

 

 

ขวด…จำนวนมากมายเช่นนี้ ภายในคงจะไม่ได้มีเพียงพลังชีวิตของคนในเมืองตะวันตก แต่อาจจะมีคนที่อาศัยอยู่ในที่แห่งอื่นที่พวกเขาไม่รู้ถูกแย่งชิงพลังชีวิตมาอีกด้วย 

 

 

“เลว! วิญญาณร้ายพวกนี้กล้าดีอย่างไรที่จะไปแย่งชิงพลังชีวิตในโลกมนุษย์ หรือว่าไม่มีคนคุมหรือไง?!” ยิ่งคิดความโกรธภายในใจเขายิ่งมีมาก ก่อนจะหยิบอาวุธออกมาตีขวดข้างตัวแตกไปหนึ่งใบ 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวอ้าปากเหมือนจะห้าม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ออกเสียง 

 

 

เขายังไม่หายโกรธ หยิบยันต์ที่เหลืออีกหลายใบออกมา ได้ยินเพียงหลายเสียงดังขึ้น เปลวเพลิงน้ำแข็งอีกทั้งมีลมต่างปรากฏขึ้น ก่อนที่จะโจมตีเข้าไปยังขวดขาวที่เหลือบนพื้น ทันใดนั้นเสียงดังกึกก้อง ขวดสีขาวราวหิมะเต็มพื้นถูกทำลายจนหมดสิ้น แสงสีขาวที่ถูกเก็บไว้ในนั้นก็ลอยออกมาหมด 

 

 

แสงสีขาวราวกับหิ่งห้อยที่ถูกปล่อยออกจากขวดแก้ว บินว่อนอยู่กลางอากาศ ก่อนจะหายลับไปในท้องฟ้าที่มืดสลัว เมื่อไม่มีการกักขังจากขวด พลังชีวิตเหล่านี้คงจะสามารถกลับไปหาเจ้าของของตนได้แล้ว 

 

 

ความโกรธของเจียวเหิงอีได้รับการระบาย นาทีถัดมาได้ยินเสียงเย็นเสียงหนึ่งส่งมาจากทางไกล 

 

 

“เสียงอะไร…ใครอยู่ตรงนั้น?” 

 

 

ทั้งสองคนตกใจ…เฮ้ย!