บทที่ 125 คุณหนูห้าผู้เอาชนะโลกได้

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 125

คุณหนูห้าผู้เอาชนะโลกได้

“ดูเหมือนที่เหมือนหลวงจะค่อนข้างวุ่นวายนะ”

หลังจากที่อ่านไปอยู่พักใหญ่ๆ เจียงหวายเย่ก็ได้ยิ้มที่ขึ้นมาที่มุมปากของเขาด้วยรอยยิ้มที่ช่วยร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแค่นั้นแต่ยังดูสนุกสนานอีกต่างหาก

หลังจากสามวันผ่านไปที่เอาแต่อยู่บนเตียงไม่ได้ไปไหน บาดแผลของหลินซีเหยียนก็เริ่มตกสะเก็ดหมดแล้ว หากว่านางไม่ได้ทำอะไรที่ออกแรงเยอะๆแล้ว ก็ไม่น่าจะปัญหาอะไร

“ท่านแม่ ท่านกำลังจะไปที่ไหนเหรอขอรับ?” เพราะ เทียนเอ๋อนั้นได้ไปทำอะไรผิดมาแต่ไม่ได้บอกแม่ของเขา จึงได้รู้สึกผิดขึ้นแบบแปลกๆในใจของเขา ในช่วง2-3วันที่ผ่านมานี้เขาจึงได้ทำตัวเป็นเด็กดีและอยู่กับหลินซีเหยียนตลอด

ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก

ดังนั้นเมื่อเขาเห็นท่านแม่ของเขาทำท่าเหมือนจะออกข้างนอกนั้น เจ้าลูกชิ้นขาวก็ได้ทำตัวติดหนึบเป็นแบะแซทันทีเลย ซึ่งหลังจากที่ถามจบเขาก็คิดว่าท่านแม่ของเขาจะไปที่ไหนกัน?

ซึ่งหลินซีเหยียนนั้นจะเดาไม่ออกว่าเจ้าตัวแสบนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ได้อย่างไร?

หลินซีเหยียนจึงได้ก้มตัวลงแล้วบิดแก้มเจ้าลูกชิ้นขาว “ท่านแม่ของเจ้าก็จะออกไปหาอะไรสนุกๆทำเสียหน่อย ว่าจะไปดูคุณหนูห้าผู้เลิศเลอเสียหน่อย

“คนของจวนมหาเสนาบดีมีแต่คนไม่ดี มีอะไรน่าดูเหรอขอรับ?”

เทียนเอ๋อก็ได้แก้มป่องแล้วคิ้วขมวด แล้วกล่าวอย่างรังเกียจ “เทียนเอ๋อไม่ชอบพวกเขาเลยจริงๆ”

แววตาของหลินซีเหยียนก็มืดดำเล็กแล้วก็พูดขึ้นมาอย่างสงสาร “เทียนเอ๋อ ลูกน่ะเป็นเด็กดีของแม่เสมอ ใครจะพูดอะไรก็เป็นเหมือนแค่ผายลม ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก”

ถึงจะพูดเช่นนั้นแต่คนพวกนั้นชอบเรียกเทียนเอ๋อว่าเด็กไม่มีพ่อ ทำให้เทียนเอ๋อรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

ระหว่างทาง พบผู้คนทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ยืนอออยู่กันเต็มไปหมด ซึ่งทำให้หลินซีเหยียนกับเจ้าลูกชิ้นขาวรู้สึกตกตะลึง

“ท่านแม่ ท่านอุ้มเทียนเอ๋อหน่อย เทียนเอ๋อมองไม่เห็นเลยขอรับ” เทียนเอ๋อพยายามกระโดดสูงๆแต่เขาก็ยังไม่เห็นอะไรเลย จึงได้มองมาทางหลินซีเหยียนอย่างโมโห

หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้แล้วก็อุ้มเจ้าตัวแสบขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง

เพราะในเวลานี้ความสูงของเทียนเอ๋อเท่ากับ หลินซีเหยียนบวกด้วยตัวเขาแล้ว เทียนเอ๋อจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน ตอนแรกหลินซีเหยียนคิดว่าเทียนเอ๋อนั้นจะอยู่ดูนานกว่านี้ แต่หลังจากนั้นสักพักเทียนเอ๋อก็เลิกดูแล้ว

“ท่านแม่ขอรับ ผู้หญิงคนนั้นงดงามสู้ท่านแม่ก็ไม่ได้ ไม่เห็นน่าดูเลยขอรับ”

เด็กนั้นมักพูดอะไรตรงๆเสมอ แต่ทว่าก็ได้ดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนมากมาให้ หลินรั่วจิงนั้นเป็นหญิงงามที่เป็นที่นิยมที่สุดในเมืองหลวงแล้ว ตอนแรกพวกเขาจึงอยากที่จะโต้แย้ง แต่พอพวกเขาเห็นหลินซีเหยียนแล้วต่างก็พากันปิดปากเงียบทันที

เพราะที่เจ้าลูกชิ้นขาวกล่าวนั้นเป็นความจริง คุณหนูห้านั้นงามไม่เท่าแม่ของเขาจริงๆ

แต่แน่นอนว่าย่อมมีผู้ที่ตาบอด เป็นชายหนุ่มที่ตัวผอมเหลือง แต่กลับสวมเครื่องเงินและทองเต็มตัวที่ไม่ยอมรับความจริงข้อนี้ ที่หน้ามืดตามัวแล้วเดินออกไปหาหลินซีเหยียน

“เจ้าหนู รู้ไหมว่าเจ้าพูดอะไรไร้สาระอยู่น่ะ? แม่นางคนนั้นน่ะเป็นถึงลูกศิษย์ของปรมาจารย์เสียนอวิ๋นเลยนะ ในเวลานี้นางได้รับตำแหน่งเป็นอาจารย์ถึงวัยออกเรือนแล้วด้วย ถ้าเกิดว่ามีใครที่โชคดีพอได้รับความชื่นชอบจากนางแล้ว….”

เมื่อพูดจนถึงตอนนี้ ชายคนนั้นก็เหมือนกับตกอยู่ในห้วงของจินตนาการของตัวเอง

เทียนเอ๋อก็ได้บิดริมฝีปากของเขาอย่างรังเกียจแล้วกล่าว “ท่านแม่ ข้าเจอคนบ้าล่ะ อยู่ให้ห่างๆเขาเถอะท่านแม่”

คำพูดเสียดสีของเด็กได้ทำให้คุณชายท่านนั้นจ้องกลับมาอย่างโมโห “อย่างเจ้าจะไปรู้อะไร? ถ้าได้หญิงสาวเช่นนั้นมาครองนะ อย่าว่าแต่ความมั่งคั่งเลย ตำแหน่ง, ลาภยศ แม้แต่อยากจะครองโลกนี้ก็ยังไม่ใช่ว่าเป็นไม่ได้เลย”

“วิเศษขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลินซีเหยียนถามกลับได้ด้วยเสียงเบาๆอย่างไม่ค่อยเชื่อ

“ก็ใช่น่ะสิ เจ้าก็ลองคิดดูท่านปรมาจารย์เสียนอวิ๋น่ะ เคยใช้ปัญญาของท่านช่วยให้รัฐเจียงนั้นมีปึกแผ่นแข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดาทั้งสามรัฐมาแล้ว แล้วหญิงสาวที่ทั้งฉลาดและหลักแหลมอย่างคุณหนูห้านั้นไปเป็นศิษย์ของเขาอีก เผลอๆนางอาจจะเก่งกาจกว่าอาจารย์ของนางก็ได้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้เป็นประกายขึ้นมา หากใครเอาชนะใจหลินรั่วจิงได้ก็จะเอาชนะโลกได้อย่างนั้นเหรอ?

ไม่แปลกใจเลยที่จะดึงดูดผู้คนได้มากขนาดนี้?

ในขณะที่นางกำลังตกตะลึงอยู่นั้น เทียนเอ๋อก็ได้ดึงมุมเสื้อของนาง เมื่อหลินซีเหยียนก้มมาก็พบว่าเจ้าลูกชิ้นขาวกำลังกะพริบตาปริบๆให้นางอยู่

“เจ็บตาเหรอ?”

“………..”

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ ไม่ใช่ว่าเปิ่นหวางบอกเจ้าแล้วเหรอว่าอย่าออกจากพระราชวังจนกว่าเจ้าจะหายดีน่ะ?” เสียงที่คุ้นเคยก็ได้ดังขึ้นมาในหูของหลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนก็ได้ตัวแข็งทื่อทันทีราวกับโจรที่ถูกจับได้ แต่หลังจากที่คิดเช่นนี้ นางก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรที่ผิดปกติไป ทำไมนางจะต้องเชื่อฟังองค์ชายเย่ด้วย

นั่นสิทำไมนะ?

“ก็อยู่ที่ราชวังตลอดมันน่าเบื่อ ข้าก็อยากจะออกมาเดินยืดเส้นยืดสายข้างนอกบ้าง ไม่เป็นอะไรเลย?” หลินซีเหยียนก็ได้เชิดหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ทำราวกับว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่ง

แต่หารู้ไม่ว่า ท่าทีเช่นนี้ของนางนั้นได้เผยต้นคอที่เรียวงามของนางให้เจียงหวายเย่ได้เห็น

เจียงหวายเย่นั้นก็ได้ถึงกับกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกวิ่งขึ้นลง ก่อนที่จะหลบสายตาไปเล็กน้อย “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าไม่ได้ ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้าเท่านั้น”

เพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่สนใจ ในเวลานี้เจียงหวายเย่นั้นได้สวมหน้ากากสีดำธรรมดาๆออกมา ซึ่งไม่ได้ดูสูงศักดิ์เหมือนกับหน้ากากหยกขาว และก็ไม่ได้มีอำนาจคุกคามและดุดันเหมือนกับหน้ากากสีดำและทอง

ถึงแม้จะเป็นหน้ากากธรรมดาๆ แต่ด้วยใบหน้าของ เจียงหวายเย่แล้ว ก็ยังดูเหมือนจะเปล่งประกายอยู่ดี

“ใกล้จะถึงจุดน่าตื่นเต้นแล้ว ไปกันเถอะ!”

เจียงหวายเย่ก็ได้อุ้มเจ้าลูกชิ้นขาวด้วยมือข้างหนึ่งแล้วอีกข้างหนึ่งก็ได้จูงมือของหลินซีเหยียน จากมุมมองของคนภายนอกแล้ว พวกเขาดูเป็นครอบครัวที่แสนสุขและอบอุ่นมาก

แต่ใครจะรู้ว่า ด้วยท่าทีและการกระทำของพวกเขาเมื่อสักครู่นั้นได้ตกอยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่งที่อยู่ในความมืด

มันเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้ตัวนางนั้นต้องถูกขับไล่ออกมาจากพระราชวังรัตติกาล นางจึงต้องหาทางทำให้องค์ชายนั้นรู้ว่าหญิงสาวคนนั้นมีคู่อยู่แล้วให้ได้

เมื่อนางคิดได้เช่นนี้ อวี่ตี๋เอ๋อก็ได้สะกดรอยตาม หลินซีเหยียนไปอย่างเงียบๆ

หลินซีเหยียนนั้นระแวดระวังมาก แค่ในชั่วขณะแรกนางก็พบว่านางนั้นถูกสะกดรอยตามอยู่ แล้วจากนั้นนางก็ได้กะพริบตาให้กับเจียงหวายเย่ ซึ่งก็เหมือนกับเข้าใจความหมายของนางและได้เดินหลบไปยังตรอกแห่งหนึ่ง แล้วในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังคิดจะวิ่งสุดกำลัง

แต่ในขณะที่นางไม่ทันได้ตั้งตัว นางก็ถูกคนคนหนึ่งอุ้มขึ้นมาในขณะที่นางกำลังจะวิ่งสุดตัว

“เจ้า” เจ้าคิดที่จะทำอะไรน่ะ?

หลินซีเหยียนที่พูดออกมาได้แค่คำเดียว ก็ถูก เจียงหวายเย่ที่ใช้วิชาตัวเบาพานางและเทียนเอ๋อลอยขึ้นมาบนหลังคาของบ้านหลังหนึ่ง

พวกเขาก็ได้เอนตัวลงมามองและคอยมองดูคนที่สะกดรอยตามพวกเขาโผล่มาอย่างเงียบๆ

“ท่านแม่ ผู้หญิงคนนั้นคือใครเหรอขอรับ?”

เทียนเอ๋อก็ได้ถามอย่างสงสัยทันทีที่คนคนนั้นโผล่ออกมา แต่เจียงหวายเย่กับแม่ของเขานั้นกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา

เจียงหวายเย่ก็ได้กระแอมแล้วลูบหัวของเทียนเอ๋อ “ก็แค่ผู้หญิงไม่ดีที่มีแรงจูงใจไม่บริสุทธิ์น่ะสิ”

“อะไรคือแรงจูงใจที่ไม่บริสุทธิ์เหรอขอรับ?” คำที่มีความหมายลึกๆเช่นนี้เด็กอย่างเทียนเอ๋อนั้นย่อมไม่เข้าใจแน่นอน

หลินซีเหยียนก็ได้จ้องไปที่เจียงหวายเย่อย่างหยอกล้อ แล้วจากนั้นก็ได้กล่าวด้วยคิ้วที่โค้งของนาง “คนคนนั้นน่ะคือลูกท้อเน่าของอาจารย์เจ้าน่ะสิ”

สำหรับความหมายของลูกท้อเน่านั้นเทียนเอ๋อนั้นเข้าใจได้อย่างชัดเจน แล้วจากนั้นดวงตาของเขาก็ได้เบิกกว้างขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ

“ท่านอาจารย์ เทียนเอ๋อไม่อยากได้คนคนนั้นมาเป็นภรรยาของท่านอาจารย์นะขอรับ” เทียนเอ๋อกล่าวและบิดริมฝีปากน้อยๆของเขา ราวกับเกลียดชังอวี่ตี๋เอ๋อมาก

ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เจียงหวายเย่นั้นรู้สึกสงสัยขึ้นมานิดหน่อย “แล้วทำไมเทียนเอ๋อถึงไม่อยากให้นางมาเป็นภรรยาของอาจารย์ล่ะ?”

เทียนเอ๋อก็ได้ส่ายหัว ทำไมเขาถึงได้ขัดขวางความสุขของท่านอาจารย์ของเขากันนะ? แต่ทว่าผู้หญิงคนนั้นน่ะหน้าตาไม่ดีเอาเสียเลยเทียบไม่ได้กับท่านแม่ของเขาเลยสักนิด นางไม่คู่ควรกับท่านอาจารย์ของเขาหรอก