บทที่ 199 จุดจบของหยางชุ่ย + บทที่ 200 เจ้าตั้งครรภ์ได้หรือไม่

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 199 จุดจบของหยางชุ่ย

หยางชุ่ยส่ายศีรษะอย่างต่อเนื่อง พลางจับเสื้อของหลี่เวยเพื่ออ้อนวอน “นายท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ ข้ามิได้ทำจริงๆ ต้องมีใครบางคนจัดฉากเป็นแน่เจ้าค่ะ”

หลี่เวยมองหยางชุ่ยอย่างเย้ยหยัน ขณะที่นางกำลังร้องขอความเมตตา ดวงตาของเขาฉุนเฉียว ก่อนจะพูดขึ้น “จัดฉากหรือ คู่รักสองคนนั้นเข้ามาหาเจ้าเอง ตอนที่เจ้ากำลังเดินเล่นอยู่หรืออย่างไร เจ้าต่างหากที่เข้าไปหาเรื่องพวกเขา และยังพูดพล่ามเรื่องไม่จริงต่างๆ เจ้าบอกว่ามีคนจัดฉากเช่นนั้นรึ แล้วมีใครเหวี่ยงร่างของตัวเองใส่ชายอื่น อย่างที่เจ้าทำบ้างเล่า”

ทันใดนั้น มือของนางที่กำลังจับเสื้อผ้าของเขาอยู่ก็ร่วงลงพื้น ใบหน้าของหยางชุ่ยซีดขาวในทันที ‘เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเลย แล้วตอนนี้นางจะทำเช่นไรดี นางจะทำเช่นไร’

แม้ว่านางมิได้หักหลังหลี่เวย แต่การกระทำของนางก็น่าอับอายยิ่งนัก

“เจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่หรือไม่ หยางชุ่ย เจ้าจงอย่าคิดว่าข้าเป็นคนโง่สิ มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง!” หลี่เวยเอ่ยอย่างถากถาง ก่อนจะตะโกนเรียกบรรดาข้ารับใช้ซึ่งยืนอยู่ด้านนอก

“ขอรับนายท่าน”

“นำตัวนางออกไปเสีย ข้ายกนางให้พวกเจ้าทุกคน” หลี่เวยมองหยางชุ่ยอย่างไร้ความรู้สึกใดๆ ในเมื่อนางโหยหาผู้ชายนัก เขาก็จะจัดให้ตามที่นางต้องการ

หยางชุ่ยเบิกตากว้าง และมองหลี่เวยอย่างไม่อยากเชื่อ “ไม่นะเจ้าคะ ท่านทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้นะเจ้าคะ นายท่าน ข้ามิได้ทำอะไรเลยจริงๆ เจ้าค่ะ อย่า…”

หลี่เวยเตะหยางชุ่ย ก่อนจะหัวเราะเยาะ “เจ้ายังคงมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้เพราะเจ้ามิได้ทำอะไร และหากเจ้าทำอะไร ข้าคงจะไม่เก็บเจ้าไว้แน่”

หยางชุ่ยทรุดลงไปกองกับพื้น ก่อนจะมองเขาด้วยแววตาน่ากลัว “หลี่เวย เจ้าไม่ตายดีแน่ หากข้าตายเป็นวิญญาณไป ข้าจะจองเวรจองกรรมกับเจ้า”

“ถ้าเช่นนั้นก็รอจนกว่าเจ้าจะกลายเป็นวิญญาณแล้วกัน” เขาทนไม่ไหว ก่อนจะโบกมือเรียกให้ข้ารับใช้ทั้งหลายนำตัวนางไป

หลี่เวยมองดูหยางชุ่ยโดนลากตัวออกไปอย่างไม่สะทกสะท้าน แววตาของนางเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น

จงเยว่ได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากด้านนอกจึงขมวดคิ้วเบาๆ เนื่องจากไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หลี่เวยจึงเดินเข้ามากอดนางบนเตียง

“เยว่เอ๋อร์ เจ้ายังคงเป็นคนดีที่หนึ่งเลย”

“เกิดอะไรขึ้นหรือ” นางรู้สึกว่าสามีทำตัวแปลกไป

“ข้าจัดการนังจิ้งจอกนั่นมาน่ะ นางสมควรได้รับบทลงโทษแล้ว และข้าก็ไม่อยากให้เจ้าต้องอารมณ์ไม่ดีน่ะ” ท่านหมอเคยบอกหลี่เวยมาว่าหญิงตั้งครรภ์นั้นควรจะต้องอารมณ์ดีอยู่เสมอ มิเช่นนั้นอาจจะเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่าย เขาไม่อยากให้ภรรยาของเขามีอาการเช่นนั้น

ในเมื่อหลี่เวยไม่อยากพูดถึง จงเยว่จึงไม่ถามเซ้าซี้ ก่อนจะเอนตัวพิงสามีและผงกศีรษะอย่างแผ่วเบาเพื่อแสดงว่านางเข้าใจ

หลังจากบรรดาข้ารับใช้พาตัวหยางชุ่ยออกมา สายตาของพวกเขาที่มองดูนางนั้นเต็มไปด้วยตัณหาราคะ

พวกเขาเคยได้ยินเสียงครวญครางของนางตอนกำลังใกล้ชิดกับนายน้อย ทำให้ความต้องการของพวกเขาถูกกระตุ้นมานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นพวกเขาทำได้แค่ปรารถนาแต่ไม่อาจเอื้อมถึง แต่ทว่าตอนนี้โอกาสนั้นเปิดให้แล้ว พวกเขาจึงไม่ปล่อยนางให้รอดพ้นน้ำมือไปได้อย่างแน่นอน

พวกเขาสองสามคนเริ่มฉีกเสื้อผ้าหยางชุ่ย ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ไม่นะ ออกไป ข้าเป็นผู้หญิงของนายน้อยนะ พวกเจ้าทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้!”

“ผู้หญิงของนายน้อยเช่นนั้นหรือ นายน้อยไม่ต้องการเจ้าแล้ว และยังยกเจ้าให้กับพวกเราอีกด้วย ฉะนั้นตอนนี้เจ้าจงยอมเสียดีๆ ” เขาตบหน้าหยางชุ่ยอย่างแรง จนนางมึนงง

มีชายหนุ่มมากหน้าหลายตากระทำชำเรานางตลอดทั้งวัน หลังจากคนก่อนหน้าจากไป ก็จะมีคนอื่นเข้ามาต่อ นางจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพวกเขามาจากไหนกันบ้าง

จนในที่สุดร่างกายของหยางชุ่ยก็แน่นิ่งไปราวกับเป็นตุ๊กตา ดวงตาคู่นั้นค่อยๆ ว่างเปล่าและมืดสนิทลง จากนั้นลมหายใจของนางก็หมดไป

หลี่เวยไม่สะทกสะท้านกับข่าวการตายของหยางชุ่ยเลยแม้แต่น้อย เขาสั่งให้ข้ารับใช้ของตนฝังร่างของนาง ส่วนครอบครัวของหยางชุ่ย พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกสาวของพวกเขาหายไป ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ แต่พวกเขากลับไม่อาจทำอะไรหลี่เวยได้ เนื่องจากคนที่ทำผิดตั้งแต่แรกนั้นคือหยางชุ่ยเอง

หลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง หยางชู่ก็รับรู้ถึงสาเหตุว่าเป็นเพราะนางไม่ยับยั้งใจและแอบไปพบเจอชายอื่น ข่าวลือดังกล่าวนั้นเป็นดั่งสายฟ้าฟาด ที่ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่ก็ทำให้นางเฉินรู้สึกฉุนเคืองอย่างยิ่ง แต่ไม่กล้าหาเรื่อง เนื่องจากท้ายที่สุดแล้วมันคือความผิดของหยางชุ่ยทั้งหมด

บทที่ 200 เจ้าตั้งครรภ์ได้หรือไม่

ตั้งแต่หยางชุ่ยเสียชีวิต นิสัยหยิ่งผยองของนางเฉินก็เปลี่ยนไป ในทางกลับกันบรรดาชาวบ้านต่างรู้สึกสะใจกับเรื่องของนาง ‘นางแต่งงานกับตระกูลผู้มั่งมีแล้วจะสำคัญอะไรเล่า ในเมื่อนางมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน’

บรรดาชาวบ้านต่างหัวเราะเยาะ จนนางเฉินรู้สึกฉุนเฉียว แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากจะพูดคุยกับหยางฮว๋าว่า “ฮว๋าเอ๋อร์ เจ้าจะต้องสอบให้ผ่านนะ แม่จะได้เอาไปอวดพวกที่หัวเราะเยาะเรา”

หยางฮว๋าขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหยางชุ่ยนัก หลังจากบรรดาสหายในสถานศึกษาทราบเรื่องดังกล่าว แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้พูดอะไรต่อหน้าและยังคงเป็นมิตรกับเขาเช่นเคย แต่พวกเขาคงจะต้องนินทากันลับหลังเป็นแน่  การเสียชีวิตของหยางชุ่ยนั้น ทำให้คนอื่นๆ ต่างมองดูเขาอย่างเหยียดหยาม

“ท่านแม่ เป็นเพราะว่าท่านตามใจนางมากเกินไป แล้วดูจุดจบของนางสิ!” หยางฮว๋าตะคอกอย่างหมดความอดทน

นางเฉินมองลูกชายอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้าพูดกับข้าว่าอะไรนะ”

“ข้าพูดผิดหรืออย่างไรกัน นางไม่รู้วิธีปรนนิบัติสามีของตนหลังจากแต่งงานไป หนำซ้ำยังทำเรื่องน่าอายอีกด้วย นางสมควรตายแล้ว” หยางฮว๋าเอ่ย

นางเฉินไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ‘ชายผู้นี้ใช่ลูกของนางจริงๆ หรือ ใช่หยางฮว๋าคนเดียวกันกับที่คอยประคบประหงมหยางชุ่ยเช่นนั้นหรือ’

นางรู้สึกว่าเขากลายเป็นคนอื่นโดยสิ้นเชิง

“ฮว๋าเอ๋อร์ นางเป็นน้องสาวของเจ้านะ”

“แน่นอน ข้ารู้ว่านางคือน้องสาวของข้า มิเช่นนั้นแล้ว ท่านคิดว่าข้าจะยอมสละเวลาอันมีค่าของตนเองให้กับนางหรือ” เขาเอ็นดูนางก็จริง แต่ขณะเดียวกัน นางก็ไม่ควรทำให้เขาเดือดร้อน

นางเฉินมองลูกชายอย่างไม่อยากเชื่อ ‘นั่นใช่คำพูดที่ลูกชายของนางอยากจะพูดออกมาจริงหรือ’

“หยางฮว๋า เจ้า…”

“พอเถอะท่านแม่ นางจากไปแล้ว อย่าบอกข้านะว่าท่านอยากจะร้องเรียนเรื่องการตายของนางต่อท่านเจ้าเมือง ท่านต้องคิดถึงพี่ใหญ่และภรรยาของเขา รวมถึงการสอบขุนนางของข้าด้วย หากเขาไม่พอใจพวกเราขึ้นมา ข้ามั่นใจว่าท่านเองก็รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราบ้าง” หยางฮว๋าพูดกับนางเฉินอย่างโมโห

‘นางเป็นใครกัน คิดจะเทียบชั้นกับผู้อื่นหรืออย่างไร หากนางยังสร้างปัญหาอยู่เช่นนี้ อนาคตของลูกชายทั้งสองก็จะถูกทำลายด้วยฝีมือของนางเองนั่นแหละ’

นางเฉินสงบลงหลังจากได้ยินคำพูดของหยางฮว๋า “อย่าบอกข้านะว่าเราจะยอมปล่อยให้เรื่องเป็นเช่นนี้ต่อไป”

“แล้วท่านต้องการจะทำอะไรอีกหรือ” หยางฉว๋ามองหน้าผู้เป็นแม่อย่างสุดทน

หลังจากฟังคำพูดของเขา นางเฉินจึงหมดคำพูด ‘นางยังคงมีลูกชายอีกสองคนที่พอจะพึ่งพาได้ในอนาคต นางจึงไม่อยากทำให้พวกเขาต้องเดือดร้อน เพราะการตายของผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว’

เฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยาต่างตกใจเล็กน้อยหลังจากรับรู้ข่าวว่าหยางชุ่ยเสียชีวิตแล้ว โดยไร้ซึ่งความรู้สึกอื่นเลยแม้แต่น้อย

“จู่ๆ ข้าก็อยากกินเมล็ดบัวน่ะ” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยอย่างกระตือรือร้น พลางมองเฉียวเทียนช่างข้างๆ

เมื่อไม่นานมานี้ ดอกบัวในสระน้ำต่างบานสะพรั่ง หนิงเมิ่งเหยาจึงเด็ดดอกบัวบางส่วนเพื่อกลั่นเหล้า แต่ก็มีจำนวนไม่มากนัก ดังนั้นทั้งสองคนจึงแอบเก็บเอาไว้เพื่อดื่มกินในวันหน้า จากนั้นพวกเขาจึงนำดอกบัวส่วนที่เหลือมาเพาะเมล็ดบัวต่อ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเขาจึงมีฝักเมล็ดบัวที่สุกจนสามารถทานได้

“ไปกันเถิด ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นเอง” เฉียวเทียนช่างประคองหนิงเมิ่งเหยาให้ลุกขึ้น ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสระน้ำ

ตรงริมสระ มีเรือขนาดเล็กจอดอยู่ หลังจากทั้งคู่นั่งบนเรือ ชายหนุ่มจึงเริ่มพาย “เจ้ารู้วิธีพายเรือด้วยหรือ”

“ผู้ชายของเจ้าคนนี้ทำได้ทุกอย่าง” เฉียวเทียนช่างพูดพลางเลิกคิ้วขึ้น

หนิงเมิ่งเหยามองชายตรงหน้าอย่างไร้เดียงสา “เช่นนั้น เจ้าตั้งครรภ์ได้หรือไม่”

เขาสีหน้าเปลี่ยนในทันใด จากนั้นจึงจ้องมองหญิงสาวที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างคลุมเครือ “ข้าทำให้เจ้าตั้งครรภ์ได้ก็แล้วกัน”

หนิงเมิ่งเหยาอึ้งและพูดไม่ออกไปชั่วครู่ ก่อนจะหันมองบึงดอกบัวที่บานสะพรั่งตรงริมสระ

นางเอื้อมมือเด็ดดึงดอกบัวมาไว้บนเรือ จากนั้นจึงแกะเมล็ดบัวออกจากฝัก

“เทียนช่าง คืนนี้ทำข้าวต้มเมล็ดบัวกันเถอะ” หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่าง

“ได้เลย”

หนุ่มสาวทั้งสองคนใช้เวลาอยู่ในสระน้ำแห่งนี้ตลอดช่วงบ่าย โดยในตอนแรกนั้นพวกเขาเด็ดฝักบัวเพื่อเอาเมล็ดบัว แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งคู่ก็จอดเรือกลางสระน้ำ ก่อนจะชมวิวทิวทัศน์ของดอกบัวและใบบัวอย่างเพลิดเพลินแทน

“เราจับปลามาทำกับข้าวสักสองตัวดีหรือไม่” หนิงเมิ่งเหยาเสนอตอนกำลังจะกลับ

เฉียวเทียนช่างลูบหัวหญิงสาวอย่างอดไม่ได้ “เราต้องมีแหเพื่อจับพวกมันน่ะ”

“นั่นสิ”