บทที่ 92 ของขวัญจากท่านโหราจารย์

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

“นี่คือประเด็นสำคัญที่ข้าต้องการคุยกับทุกท่านในการสอนครั้งนี้” สวี่ชีอันนั้นเชี่ยวชาญในการจับใจความสำคัญ เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาก็จงใจหยุดชั่วคราว แล้วยิ้มเผชิญกับสายตาอยากรู้อยากเห็นของบรรดานักเล่นแร่แปรธาตุ

หางตาของเขาเหลือบมองออกไปนอกประตู เห็นเว่ยเยวียนกำลังจ้องมองตัวเอง และเห็นหญิงงามที่อยู่ข้างๆ เว่ยเยวียนกำลังจ้องมองตัวเอง

นางเป็นใคร? จึงได้งดงามถึงเพียงนี้…สวี่ชีอันกระแอมครั้งหนึ่ง แล้วพูดว่า “ในทุกสรรพสิ่ง ล้วนมีสสารที่เล็กมาก สสารพวกนี้ประกอบขึ้นเป็นจักรวาลในสายตาเรา สสารเหล่านี้มีล้วนความเชื่อมโยงและมีกฎ ใช้ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดในการอธิบาย ยาหนึ่งเม็ดต้องใช้สมุนไพรสิบกว่าหรือหลายสิบชนิดในการกลั่นยา แต่ในสมุนไพรแต่ละชนิดสรรพคุณก็แตกต่างกันอย่างชัดเจน เป็นเพราะอะไรเหรอ เนื่องจากสสารในสมุนไพรบางชนิดมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกัน ดังนั้นพวกมันจึงสามารถทำปฏิกิริยาต่อกันและหลอมรวมเข้าด้วยกันได้ การสกัดโลหะก็มีหลักการเดียวกัน”

สวี่ชีอันพยายามใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายที่สุดในการอธิบาย ไม่ได้ใช้คำศัพท์ทางเคมีเช่น ‘อะตอม’ ซึ่งจะทำนักเล่นแร่แปรธาตุเข้าใจยากยิ่งขึ้น

แววตาของนักเล่นแร่แปรธาตุเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะพวกเขารู้คุณค่าของความรู้เหล่านี้มากกว่าใคร

ไม่เฉพาะแต่พวกเขาเท่านั้น แต่องค์หญิงใหญ่และเว่ยเยวียนที่อยู่ข้างนอก ทั้งคู่ต่างมีพรสวรรค์ ความรู้ยิ่งล้ำลึกคลุมเครือมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งสนใจมากขึ้นเท่านั้น และยังตระหนักว่าเนื้อหาที่สวี่ชีอันพูดนั้นเป็นเทคนิคลับขั้นสูงในด้านการเล่นแร่แปรธาตุ

องค์หญิงผู้สูงศักดิ์และขันทียืนอยู่อย่างนั้น ฟังอย่างอดทน

สวี่ชีอันพูดต่อว่า “ตำราลับในการเล่นแร่แปรธาตุที่ไม่สมบูรณ์เล่มนั้น ได้บันทึกสูตรของคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันของสารไว้ ข้าเรียกสูตรนี้ว่า ตารางธาตุ”

ทันใดนั้น เสียงหายใจถี่ดังก้องในห้องโถง บรรดานักเล่นแร่แปรธาตุของสำนักโหราจารย์พากันกำหมัดแน่น ต่างตื่นเต้นยินดี

“ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้ว!” ซ่งชิงตระหนักในทันใด ยืนขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น และจ้องไปที่สวี่ชีอัน ราวกับกำลังหาข้อพิสูจน์

“สาเหตุที่การเล่นแร่แปรธาตุของสิ่งมีชีวิตของข้าล้มเหลว เป็นเพราะพวกมันไม่มีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกัน ใช่แล้ว ใช่แล้ว แมวกับต้นไม้จะมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันได้อย่างไร เป็นของสองอย่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”

…ท่านเข้าใจเช่นนี้ก็นับว่าสมเหตุสมผลอยู่! สวี่ชีอัน ยิ้มและกล่าวว่า “ศิษย์พี่ซ่ง สมกับที่เป็นอัจฉริยบุคคลของการเล่นแร่แปรธาตุ ความสามารถในการทำความเข้าใจยอดเยี่ยมกว่าใคร”

นี่คือความจริง!

ซ่งชิงขมวดคิ้ว “แม้ว่าข้าจะเข้าใจเหตุผลของเจ้า แต่คุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันของสิ่งมีชีวิตจะตรวจสอบได้อย่างไร ทิศทางที่ถูกต้องของการเล่นแร่แปรธาตุของสิ่งมีชีวิตอยู่ที่ไหน”

เป็นคำถามที่ดี ข้ารอเวลานี้ที่จะเปลี่ยนแปลงท่าน

สวี่ชีอันเอามือไขว้หลัง ยืนตัวตรง ราวกับปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้ก่อตั้งสำนัก กล่าวด้วยท่าทางสบายๆ ว่า “ทิศทางของการเล่นแร่แปรธาตุของสิ่งมีชีวิตก็คือเซลล์”

“เซลล์เหรอ” ซ่งชิงตกตะลึง เป็นอีกคำที่ไม่คุ้นเคยและไม่เคยได้ยินมาก่อน

ถูกต้อง เซลล์ แต่ก่อนหน้านั้น ท่านต้องพิจารณาสร้างกล้องจุลทรรศน์เป็นต้น ข้าก็ไม่ค่อยมีความรู้เช่นกัน ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า…หากประสบความสำเร็จก็แสดงว่าข้าสอนมาดี หากล้มเหลวก็เป็นเพราะเจ้าโง่เขลา

สวี่ชีอันหยิบหนังสือออกมาจากอกเสื้อ “นี่เป็นหนังสือปกฟ้าเล่มที่สองที่ข้ามอบให้สำนักโหราจารย์ ข้างในบันทึกสูตรของตารางธาตุ และคำอธิบายส่วนตัวของข้า นอกจากนี้ยังมีทิศทางที่ถูกต้องของการเล่นแร่แปรธาตุของสิ่งมีชีวิตของศิษย์พี่ซ่งชิงด้วย มันอยู่ในนี้ทั้งหมด”

ซ่งชิงอดใจไม่ไหว ถลาเข้ามาคว้าหนังสือไป พลิกอ่านราวกับคนหิวกระหาย

ประโยคแรกของบทเริ่มต้น เซลล์คือจุดเริ่มต้นของชีวิต!

‘ฮ่า ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ…’

อ่านไปซ่งชิงก็กำหนังสือไว้แน่น แล้วเงยหน้าหัวเราะ

ในหนังสือเขียนอะไรไว้…อยากรู้จริงๆ อยากรู้จริงๆ อยากรู้จริงๆ…สายตาร้อนผ่าวของนักเล่นแร่แปรธาตุมากกว่าสี่สิบคนมองหนังสือที่อยู่ในมือของซ่งชิง รู้สึกเหมือนมีแมวกำลังข่วนหัวใจของพวกเขา

ซ่งชิงยิ้มบางๆ พูดอย่างสุขุมว่า “เมื่อครู่สวี่หนิงเยี่ยนได้บอกแล้ว ขอบเขตของสิ่งมีชีวิตนั้นลึกซึ้งเกินไป ความรู้พวกเจ้ายังไม่ถึงขั้น รอให้ข้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อน ข้าจะถ่ายทอดแทนอาจารย์อย่างแน่นอน”

อาจารย์ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงสวี่ชีอัน แต่หมายถึงท่านโหราจารย์

ทุกคนล้วนสังเกตเห็นว่าข้อนิ้วมือของซ่งชิงที่กำหนังสือไว้ซีดลงเล็กน้อย

ความตื่นเต้นในหัวใจของเขานั้นมากกว่าที่แสดงออกมามากนัก

ขอบเขตด้านต่างๆ ที่ครอบคลุมของวิชาเคมี เช่น เคมีไฟฟ้า เคมีนิวเคลียร์ และเคมีควอนตัม…

สวี่ชีอันเองก็รู้แค่งูๆ ปลาๆ จึงไม่ได้คิดที่จะสอนต่อ และมันไม่ง่ายเลยที่จะล้วงเอาความอยู่รอดทั้งหมดออกมาในคราเดียว แล้วพวกเขาก็ไม่ใช่ฝูเซียง และพวกเขาก็ไม่คู่ควรที่เขาจะถ่ายทอดความรู้ให้ทั้งหมด

เรื่องการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียมกัน ต้องค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ

‘พรึบ~’

นักเล่นแร่แปรธาตุยืนขึ้น ท่าทางพร้อมเพรียง แสดงการคารวะสวี่ชีอัน “ขอบคุณคุณชายสวี่สำหรับความเมตตาในการถ่ายทอดความรู้”

ด้านนอกประตู องค์หญิงใหญ่เห็นทุกอย่าง พระพักตร์เหม่อลอย

นักเล่นแร่แปรธาตุแห่งสำนักโหราจารย์แสดงตัวเป็นศิษย์ของทหาร นี่อาจเป็นประวัติการณ์ครั้งแรก นับตั้งแต่ก่อตั้งสำนักโหราจารย์มา

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ สวี่ชีอันคนนี้ก็เพียงพอที่จะถูกบันทึกลงในหนังสือประวัติศาสตร์แล้ว

ซ่งชิงถอนหายใจ แล้วตบแขนของฉู่ไฉ่เวยที่อยู่ข้างๆ “ศิษย์น้อง องค์หญิงใหญ่เสด็จมาหาเจ้าน่ะ”

ซ่งชิงสังเกตเห็นการมาถึงของเว่ยเยวียนและคณะนานแล้ว และในที่นี้ก็มีเขาเพียงคนเดียวที่บำเพ็ญเพียรสูงสุด

แต่ถึงจะมาแล้ว ซ่งชิงก็จะไม่ขัดจังหวะการเรียน เพียงเพราะฐานะอันสูงส่งขององค์หญิงใหญ่และอำนาจอันสูงเสียดฟ้าของเว่ยเยวียนอย่างแน่นอน

เพราะไม่ว่าจะเป็นองค์หญิงใหญ่ผู้สูงศักดิ์และงดงาม หรืออำนาจและอิทธิพลของเว่ยเยวียน ล้วนเป็นคนธรรมดา

เมื่อฉู่ไฉ่เวยได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองด้วยความดีใจ แล้วก็เห็นองค์หญิงใหญ่ผู้สง่างามจริงๆ

สวี่ชีอันก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กอบหมัดคำนับพูดว่า “เว่ยกง”

เว่ยเยวียนยิ้ม และแสดงสีหน้าชี้ไปทางหญิงงามที่สวมกระโปรงยาวที่อยู่ข้างๆ เขา “พระองค์คือองค์หญิงใหญ่”

เมื่อมองใกล้ๆ สวี่ชีอันก็รู้สึกตะลึงกับความงามขององค์หญิงใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง กอบหมัดคำนับพูดแล้วว่า “ขอบพระทัยองค์หญิงใหญ่ที่ทรงฝากฝังพ่ะย่ะค่ะ”

หลี่อวี้ชุนบอกเขาว่าเขาได้เข้าร่วมหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล เพราะองค์หญิงใหญ่เป็นผู้ฝากฝัง

สวี่ชีอันจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ได้ แต่ถ้าพูดก็จะทำให้องค์หญิงใหญ่ทรงประทับใจที่เขารู้จักสำนึกบุญคุณ

องค์หญิงใหญ่ยิ้มและพยักพระพักตร์ พระสุรเสียงน่าฟัง “ตำราลับในการเล่นแร่แปรธาตุรึ”

“ตอนที่กระหม่อมยังเด็กได้รับการชี้แนะจากผู้รู้ ได้ถ่ายทอดความรู้ในตำราลับในการเล่นแร่แปรธาตุเล่มหนึ่งให้กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” สวี่ชีอันตอบ ต่อจากนั้นถ้าองค์หญิงใหญ่หรือเว่ยเยวียนขอดู เขาก็จะบอกว่าเขาไม่ทันระวังจึงทำหายไปแล้ว แต่เนื้อหาได้ถูกบันทึกไว้ในสมองหมดแล้ว

อาศัยความรู้แบบเดียวกัน หลังจากที่หลอกนักเล่นแร่แปรธาตุของสำนักโหราจารย์แล้ว ก็หลอกองค์หญิงใหญ่กับเว่ยเยวียนอีกครั้ง ใครจะไปรู้ องค์หญิงใหญ่จะเพียงแย้มพระสรวลเท่านั้น แล้วก็ไม่ได้ทรงถามอะไรอีก

ฉือจิ้วพูดถูก องค์หญิงพระองค์นี้เป็นคนมีของ อย่างน้อยก็เป็นผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดมาก…ทรงพระสิริโฉมจริงๆ…รูปร่างก็ดีด้วย…สวี่ชีอันสายตาทำท่าทางเคร่งขรึม

หนึ่งหญิงเรือนกายหอมกรุ่น รูปร่างอรชรอ่อนหวาน ขนคิ้วเรียวงามดำกล ดวงตาสดใสเป็นประกาย…น้ำเสียงดังเกริกก้อง กังวานทั่วทั้งปฐพี เพียบพร้อมด้วยศีลธรรมจรรยา คู่ควรกับสวี่ชีอัน

หลังจากการสอนเมื่อครู่นี้ เว่ยเยวียนรู้สึกชื่นชมฆ้องทองแดงคนนี้มากขึ้นกว่าเดิม เขาพูดว่า “เจ้าไปพบท่านโหราจารย์พร้อมข้า”

พบท่านโหราจารย์…ท่านโหราจารย์ผู้เป็นสุดยอดของการเล่นแร่แปรธาตุ…สวี่ชีอันหายใจถี่อย่างยากจะควบคุม

ชั้นบนสุดของหอดูดาว เป็นแท่นแปดทิศที่สร้างขึ้นจากหินสีดำ

สวี่ชีอันเดินตามเว่ยเยวียนไปถึงแท่นแปดทิศก็เห็นท่านโหราจารย์ที่นั่งหันหลังให้พวกเขาอยู่ที่ข้างโต๊ะ

ผมขาวราวกับน้ำค้างแข็ง เสื้อผ้าขาวกว่าหิมะ ด้านหลังของชายชราคนนี้ มองแวบแรกก็ดูธรรมดาไม่มีอะไรแปลก แต่เมื่อมองอย่างละเอียด ก็จะพบว่าเขาอยู่ไกลสุดขอบฟ้า มองเห็นแต่สัมผัสไม่ได้

“เจ้ามาแล้วรึ” เสียงคนชราดังลอยมา

ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดหรือไม่ สวี่ชีอันรู้สึกว่า ‘เขากำลังพูดกับเรา’

“ข้ามาแล้ว”

เว่ยเยวียนที่จอนผมขาวโพลน เดินไปที่ขอบของแท่นแปดทิศ ตำแหน่งเสมอบ่าเสมอไหล่กับท่านโหราจารย์พอดี

สวี่ชีอันไม่ใช่คนที่ไม่รู้ธรรมเนียมของวงราชการ เมื่อเห็นภาพนี้ก็รู้สึกตกใจ

เว่ยเยวียนยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านโหราจารย์

“ไม่ได้เล่นหมากล้อมมานานมากแล้ว ท่านโหราจารย์จะเล่นเป็นเพื่อนข้าสักตาได้หรือไม่”

ท่านโหราจารย์ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่โบกมือไปมา

บนโต๊ะปรากฏกระดานหมากล้อมขึ้น และหมากสองกล่องโดยพลัน

เว่ยเยวียนหัวเราะสะบัดชายเสื้อ แล้วนั่งลงตรงข้ามกับท่านโหราจารย์

“ท่านโหราจารย์ระยะนี้ได้เฝ้าดูโลกมนุษย์อยู่หรือไม่” เว่ยเยวียนวางหมาก พร้อมเริ่มบทสนทนา

“แก่แล้วสายตาเลือนราง มองไม่ชัดเจนแล้ว” ท่านโหราจารย์กล่าว แล้วก็วางหมาก

ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรอีกเป็นเวลานาน จดจ่ออยู่กับการเล่นหมากล้อม

“นิกายปฐพีผู้นำเต๋าเสียสติไปแล้ว” เว่ยเยวียนกล่าว

“ทุกสรรพสิ่งเมื่อพัฒนาไปถึงขีดสุดแล้วย่อมย้อนกลับ บำเพ็ญเพียรจนเป็นเซียนจะง่ายอย่างนั้นเชียวหรือ” ท่านโหราจารย์กล่าว

“ข้าได้ข่าวว่า มีพวกเศษเดนของอาณาจักรหมื่นปีศาจแอบซ่อนอยู่ในเมืองหลวง”

“มีแต่ตัวละครเล็กๆ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เว่ยเยวียนก็พยักหน้าอย่างโล่งอก

หลังจากวางหมากอยู่ครู่หนึ่ง เว่ยเยวียนก็พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “ถ้าหากจำไม่ผิด นิกายมนุษย์ได้ย้ายมาอยู่ในเมืองหลวงเมื่อ 19 ปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้ฝ่าบาททรงวิงวอนขอความรู้สู่หนทางแห่งความเป็นเซียน แต่ทั้งพรรคฟ้าดิน นิกายปฐพี และนิกายมนุษย์ต่างไม่สนใจไยดี”

ท่านโหราจารย์เงียบขรึมไม่พูดจา

“เมื่อเร็วๆ นี้ พวกเศษเดนของอาณาจักรหมื่นปีศาจได้มีการเคลื่อนไหวรอบๆ เมืองหลวง อีกสามวันก็จะเป็นวันบวงสรวงบรรพบุรุษของฝ่าบาทแล้ว ท่านโหราจารย์จะต้องจับตาดูเมืองหลวงให้ดีๆ”

“การโจรกรรมในอวิ๋นโจวเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฝ่าบาททรงไม่มีกะจิตกะใจจะปราบโจร ทำให้ผู้คนต่างกังวลใจ”

“นักเล่นแร่แปรธาตุที่อยู่เบื้องหลังคดีเงินภาษี ท่านโหราจารย์มีความคิดเห็นอย่างไร”

ทั้งสองวางหมากเร็วขึ้นทุกขณะ ในที่สุดพวกเขาแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย จนกระทั่งหมากขาวดำเรียงอยู่เต็มกระดาน

เสมอกัน

ท่านโหราจารย์โบกมือไปมาเพื่อทำให้กระดานหมากรุกอันตรธานไป แล้วเงยหน้าชราที่เต็มไปด้วยความลำบากใจขึ้น จ้องหน้าเว่ยเยวียน

“ในวันที่เจ้าฝึกวิทยายุทธ ข้าเคยทำนายว่าต้าฟ่งจะมีขุนนางระดับสอง และในที่สุดเจ้าก็เลิกล้มการฝึกเอง”

“มันน่าเบื่อ” เว่ยเยวียนส่ายหัว

“เหตุใดจึงไม่เดินตามลัทธิขงจื๊อและลัทธิเต๋าเล่า”

“อยู่ร่วมกับปัญญาชนสำนักอวิ๋นลู่มันแสนน่าเบื่อ”

“ยี่สิบห้าปีที่แล้วข้าเคยถามเจ้าว่ายินดีจะเป็นศิษย์ของข้าหรือไม่”

“ข้าไม่สนใจในเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุ”

ท่านโหราจารย์เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ยอดเยี่ยมมาก สหายน้อยสอนศิษย์แทนข้า ข้าก็มีของขวัญจะมอบให้สหายน้อยชิ้นหนึ่ง”

……………………………………………….