เล่ม 2 ตอนที่ 133 ปรมาจารย์ขั้นสอง

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

เมื่อกู้หมิงจูได้ยินคำว่า ‘ไม่ตายไม่เลิกรา’ หนังตาของนางพลันกระตุก

นางหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายแทบจะยืนทรงตัวไม่อยู่

“ฉู่หลิวเยว่ เจ้าอย่าทำให้ตกใจ อย่ามาเขียนเสือให้วัวกลัวไปหน่อยเลย! หมีแผงคอทองคำดุร้ายก็จริง แต่ข้ายังไม่ได้อุ้มลูกมันออกมาสักหน่อย ตอนนี้ยังสบายดีอยู่ในถ้ำของพวกมัน หมีแผงคอทองคำตัวนี้คงไม่เป็นอะไร…”

“จะเป็นหรือไม่เป็นอะไร เจ้าก็น่าจะรู้ดีกว่าพวกข้า!”

ราวกับมีน้ำค้างแข็งปกคลุมใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ สายตาเย็นเฉียบที่มองมาทำให้กู้หมิงจูรู้สึกประหม่า

นางกำลังจะอ้าปากหาข้ออ้างให้ตัวเอง แต่ภายใต้สายตาของฉู่หลิวเยว่ นางกลับพูดไม่ออกสักคำ สุดท้ายจึงทำได้เพียงหันหน้าหนีด้วยความอับอาย

อันที่จริง นางเองก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

หลังจากถูกหมีแผงคอทองคำจับได้ นางก็รู้สึกใจคอไม่ดี จึงรีบโยนลูกมันกลับคืนทันที ก่อนจะหันหลังแล้ววิ่งหนีออกมา

แต่ดูเหมือนหมีแผงคอทองคำต้องการจะกัดนางให้ได้ มันจึงวิ่งตามมาตลอดทาง

ไม่ว่านางจะไปหนแห่งใด มันก็ไล่ตามสุดหล้าฟ้าเขียว

และนี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมนางถึงได้ตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยความกระวนกระวายถึงเพียงนั้น…นางรู้ว่าหมีแผงคอทองคำไล่ตามหลังมาโดยตลอด แล้วพร้อมที่จะฆ่านางได้ทุกเมื่อ

นางรู้แก่ใจดีว่าคำพูดของฉู่หลิวเยว่ส่วนใหญ่เป็นความจริง

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของกู้หมิงจู มู่หงอวี๋และผู้อื่นที่ไม่เข้าใจอะไรเลยในคราแรก เวลานี้พวกเขาก็กัดฟันกรอดๆ ด้วยความโกรธ

นี่ก็เท่ากับว่าจะผลักพวกเขาเข้ากองไฟไปด้วย!

หากไม่ใช่เพราะกู้หมิงจู พวกเขาคงไม่ต้องเจออุปสรรคอันใหญ่หลวงเช่นนี้!

ทุกคนต่างมองหน้ากัน แล้วหมีแผงคอทองคำก็ใกล้เข้ามาอีกก้าว

ตึง! ตัง!

ผืนปฐพีสะเทือนเลื่อนลั่น ทำให้หัวใจพวกเขาเต้นระส่ำระสาย

ฉู่หลิวเยว่มองย้อนกลับไป

หมีแผงคอทองคำยืนอยู่ไม่ไกลต่อหน้าพวกเขา ต้นไม้หลายต้นรอบๆ ตัวมันถูกหักโค่นจนหมดก่อนจะร่วงระเกะระกะเต็มพื้น

มันมองลงมาที่พวกเขาด้วยดวงตาสีเทาขนาดเท่ากำปั้นที่ฉายแววเย็นชาและโหดร้าย!

ฉู่หลิวเยว่รู้สึกได้ถึงความโกรธในดวงตาของเขาอย่างชัดเจนและสายตาเหยียดหยามพวกเขาราวกับมดตัวเล็กๆ

โดยทั่วไปแล้ว สัตว์อสูรตัวขนาดนี้จะชนะด้วยความแข็งแกร่ง และค่อนข้างขาดความคล่องแคล่ว

แต่หมีแผงคอทองคำกลับเป็นข้อยกเว้น

ด้วยพลังความแข็งแกร่งของมัน การฆ่ากู้หมิงจูให้ตายนั้นเป็นเรื่องง่ายดาย

ทว่ากู้หมิงจูกลับรอดชีวิตมาได้จนถึงขณะนี้และยังหนีออกมาได้อีก!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องการใช้วิธีนี้บีบให้กู้หมิงจูสติแตกกระเจิง

มันจะไม่ทำอะไรจนกว่านางจะทนแรงกดดันและความเจ็บปวดไม่ไหว!

ไม่คาดคิดว่าเลยพวกเขาจะโชคร้ายมาบังเอิญเจอกู้หมิงจู!

เห็นทีคราวนี้หมีแผงคอทองคำคงต้องการจัดการกับพวกเขาไปด้วยแล้ว!

“หลิวเยว่ พวกเราจะหนีอย่างไรดี…”

แม้แต่มู่หงอวี๋ที่กล้าหาญอยู่เสมอ ก็ได้ตระหนักถึงความตึงเครียดของเรื่องนี้ นางจึงถามอย่างประหม่า

“หนีไม่พ้นหรอก พลังการต่อสู้ของหมีแผงคอทองคำที่โตเต็มวัยนั้นแทบจะเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า แม้ว่าเราจะเข้ารวมพลังกันก็ไม่มีโอกาสชนะ ที่สำคัญ ตอนนี้เราทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บ”

“แล้วเราจะทำอย่างไรดี หรือเราต้องมาตายที่นี่ในวันนี้”

ฉู่หลิวเยว่กลั้นหายใจ

“พวกเจ้าถ่วงมันเอาไว้ก่อน ส่วนข้าจะสร้างค่ายกล”

เมื่อวาจาเหล่านี้หลุดจากปาก ทุกคนพลันตกตะลึง

“ค่ายกล! ใช่! ตอนนี้พวกเราหลายคนบาดเจ็บกันอยู่ พลังของค่ายกลนั้นยิ่งใหญ่กว่ามาก!”

มู่หงอวี๋แอบโล่งใจ

ทันใดนั้นกู้หมิงเฟิงก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“ตอนนี้เจ้าเป็นปรมาจารย์ขั้นที่เท่าไหร่”

ฉู่หลิวเยว่ชะงัก

“ขั้นที่สอง”

เมื่อสิ้นเสียงของนาง บรรยากาศโดยรอบก็เงียบลงทันที

กู้หมิงจูทำราวกับว่าได้ยินเรื่องตกขบขัน นางหัวเราะ และถามอย่างล่วงเกิน

“ปรมาจารย์ขั้นสองเองรึ ฉู่หลิวเยว่ เจ้าไม่ได้เข้าใจผิดใช่หรือไม่ ระดับขั้นแค่นี้เจ้าก็คิดที่จะเอาชนะหมีแผงคอทองคำหรือ เจ้าฝันอยู่หรือเปล่า!”

ฉู่หลิวเยว่มีสีหน้าเรียบนิ่ง

นางเพิ่งกลับชาติมาเกิดได้ประมาณสองเดือน ความสามารถในการควบคุมพลังฟ้าดินมีขีดจำกัด ระยะนี้จึงทำได้เพียงไต่ระดับปรมาจารย์ขั้นสองเท่านั้น

แม้แต่มู่หงอวี๋และคนอื่นก็ยังแสดงสีหน้าผิดหวัง

เกรงว่าปรมาจารย์ขั้นสองคงไม่มีโอกาสแล้วจริงๆ…ก่อนหน้านี้กู้หมิงจูเพิ่งจะบรรลุปรมาจารย์ขั้นสาม แต่ก็ยังมิสามารถสู้กับหมีตัวนี้ได้ นับประสาอะไรกับพวกเขา

“เฉินหู่ หงอวี๋ ประเดี๋ยวพวกเจ้าหาทางถ่วงหมีแผงคอทองคำเข้าไว้ กู้หมิงเฟิงเจ้ามาช่วยข้าสร้างค่ายกล”

ฉู่หลิวเยว่อธิบายอย่างกระชับและมีพลัง

มู่หงอวี๋กับเฉินหู่มองหน้ากันแล้วพยักหน้า

“ได้!”

ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ต้องลองดูก่อน!

กู้หมิงเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ข้าไม่ใช่ปรมาจารย์ ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร”

ฉู่หลิวเยว่อธิบาย

“เดี๋ยวรอข้าสร้างค่ายกล เจ้าแค่ถ่ายเทพลังเข้าไปก็พอแล้ว”

กู้หมิงเฟิงยิ่งขมวดคิ้วมุ่น

“ปรมาจารย์สร้างค่ายกล จะสามารถยืมพลังของผู้อื่นได้อย่างไร”

หากเป็นกรณีนี้เมื่อปรมาจารย์สองคนกำลังต่อสู้กัน จะหาใครก็ได้มาช่วยได้งั้นหรือ

ในเมื่อพลังเข้ากันไม่ได้ แล้วจะสร้างค่ายกลออกมาได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสู้รบกับหมีแผงคอทองคำตัวนี้!

ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า

“ปัญหานี้ข้าจะแก้ไขเอง ขอเพียงเจ้าพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ก็พอแล้ว”

เมื่อกู้หมิงเฟิงเห็นสีหน้าแน่วแน่ของนาง พลันมั่นใจมากขึ้น หลังจากลังเลครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตอบตกลง

“ข้ายังคงเป็นหนี้คุณเจ้าอยู่ และข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด”

ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขาแล้วอมยิ้ม

“ข้าหวังว่าเจ้าจะทำสำเร็จดั่งที่กล่าวไว้”

หัวใจของกู้หมิงเฟิงเต้นผิดจังหวะ

ไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักจะรู้สึกว่าฉู่หลิวเยว่ราวกับเห็นอะไรบางอย่าง…

เขากำลังจะเปิดปากพูด กลับเห็นว่าฉู่หลิวเยว่กำลังกลั้นหายใจรวบรวมสมาธิพร้อมกับยกมือขึ้นเพื่อเริ่มสร้างค่ายกล!

มู่หงอวี๋และเฉินหู่ต่างก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อขัดขวางหมีแผงคอทองคำ!

หมีแผงคอทองคำหลุบตาลง แววตาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ราวกับกำลังเยาะเย้ยมนุษย์ผู้ไม่เจียมตัวพวกนี้

“เฉินหู่ ข้าอยู่ข้างหน้า เจ้าอยู่ข้างหลัง!”

มู่หงอวี๋ร้องตะโกนออกมาและกระโดดขึ้น!

“ได้!”

เฉินหู่ตอบสนองทันทีและบุกทะลุไปอีกทิศทางหนึ่ง!

หมีแผงคอทองคำมองมนุษย์ผู้ไม่เจียมตัวที่อยู่ข้างหน้ามันและยกมือตบอย่างไร้ความปรานี!

มู่หงอวี๋หลีกหนีได้อย่างหวุดหวิดและกระเด็นตกไปบนต้นไม้ด้านข้าง

แม้ว่าจะไม่โดนอุ้งเท้านั้นตบตรงๆ แต่พลังลมของอุ้งเท้าอันรุนแรงทำให้มู่หงอวี๋รู้สึกเจ็บแปลบที่ใบหน้า

จินตนการได้ไม่ยากเลยว่า หากอุ้งเท้าหมีหนาขนาดใหญ่นี้ตบโดนร่างกายจริงๆ จะเจ็บปวดสาหัสเพียงใด!

แม้มู่หงอวี๋กะพริบตาด้วยความหวาดผวาจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่นางไม่กล้าที่จะผ่อนปรน ในทางกลับกันนางพุ่งเข้าไปยั่วโมโหหมีแผงคอทองคำอีกครั้ง

“มาซิ!”

หมีแผงคอทองคำโกรธจัดและใช้อุ้งเท้าตบออกไปอีกหลายครั้งติดๆ กัน

มู่หงอวี่คล่องแคล่วปราดเปรียว นางออกแรงดีดตัวจากต้นไม้ต้นนั้นกระโดดข้ามหัวหมีแผงคอทองคำไปอีกฝั่งสำเร็จโดยเห็นเพียงแค่เงาร่างแวบวาบเท่านั้น

เพี๊ยะ!

ต้นไม้ต้นที่นางอยู่ก่อนหน้านี้ถูกมันหักโค่นทันที!

อีกด้านหนึ่ง เฉินหู่ยังพยายามหลอกล่อหมีแผงคอทองคำด้วยวิธีต่างๆทั้งสองคนผลัดกันหลอกล่อทำให้หมีแผงคอทองคำเกรี้ยวกราดด้วยอารมณ์เดือดดาล ต้นไม้บริเวณนั้นถูกมันหักโค่น

นิ้วของฉู่หลิวเยว่กระตุกเบาๆ ในอากาศ

เส้นโค้งคลื่นสีเงินดั่งธารารินไหลออกมาจากปลายนิ้วของนาง

ในไม่ช้าก็ปรากฏเส้นที่สอง…และเส้นที่สาม!

ในเวลาเพียงครู่เดียว เส้นสีเงินสิบกว่าเส้นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าฉู่หลิวเยว่!

เส้นซ้อนทับกันและร่างโครงร่างที่แปลกประหลาด

เมื่อมองไกลๆ ดูคล้ายลักษณะของค่ายกลแปดทิศ แต่หากลองสังเกตดีๆ มันแปลกประหลาดมากกว่านั้น

กู้หมิงเฟิงยืนอยู่ไม่ไกลจากนาง จ้องมองอย่างใกล้ชิด พลังในร่างกายของเขาพลุ่งพล่าน และพร้อมที่จะถ่ายเทพลังได้ทุกเมื่อ

ทว่าฉู่หลิวเยว่เอาแต่จ้องค่ายกลตรงหน้า และดูเหมือนจะไม่ต้องการให้เขาช่วยเหลือ

กู้หมิงเฟิงขมวดคิ้วมองค่ายกลที่น่าพิศวงนี้

เขาเคยพบเห็นปรมาจารย์สร้างค่ายกลมาก่อน ในความทรงจำดูเหมือนปรมาจารย์ขั้นสองจะใช้เวลาไม่นานนัก…อีกอย่าง ค่ายกลของฉู่หลิวเยว่ดูอย่างไรก็ยังแปลกอยู่ดี ดูเหมือน…ว่างเปล่าเกินไป

ในไม่ช้า เขาพบว่าฉู่หลิวเยว่ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว กลับกลายเป็นว่าเส้นสีเงินยังคงไหลออกมาจากปลายนิ้วของนางไม่หยุด!

…ค่ายกลของนางยังคงดำเนินต่อไป!