บทที่ 68 ฉันกลัวคุณโกรธ

บัญชามังกรเดือด

“ไอ้สารเลว! ”  

เจิ้นเทียนหนานโกรธจัด ลุกขึ้นยืน   

เขาไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน ความเจ็บปวดใบหน้าที่โดนชาร้อนลวก ในตาข้างหนึ่งที่เหลือ ฉายแววสังหารออกมาอย่างพลุ่งพล่าน  

“ รนหาที่ตาย! ”ในเวลาเดียวกันกับเสียงคำรามต่ำ นักฆาตหลายคนก็รีบพุ่งเข้ามา ปิดทางล่าถอยของฉินเทียน  

ฉินเทียนเพิกเฉย  

สีหน้าเขาไม่เปลี่ยน จ้องไปที่เจิ้นเทียนหนาน พูดอย่างเย้ยหยัน : “ฉันเคยให้เถียหยิงนำคำพูดมา ”  

“ถ้ายายแก่นั่นกล้าส่งคนมารังควานฉันอีกละก็ มาหนึ่งคน ฉันฆ่าหนึ่งคน มาสองคน ฆ่าคู่หนึ่ง ”  “

“ คุณไม่รู้เลยหรือ? ”  

“ หรือว่า คุณไม่กลัวตาย? ”  

เจิ้นเทียนหนานกัดฟันแล้วพูดว่า: “ ตามคำบัญชาของนายหญิงใหญ่ ให้นำตัวเป็นๆของคุณกลับไป ”  

“ดังนั้น เจ้าควรดีใจนะไอ้หนู วันนี้ฉันไม่ฆ่าเจ้า ”  

“รอฉันเสร็จเรื่องราวในฉู่โจว ทางที่ดีสุดเจ้าจงเชื่อฟังแล้วตามฉันกลับเสียดีๆ ”  

“มิเช่นนั้น — ”  

“ คุณตายไม่ได้ เพราะว่านายหญิงใหญ่ยังรอไขกระดูกของคุณ แต่ว่า คนข้างกายคุณอาจจะไม่นะ ”  

“คุณชายใหญ่ ภรรยาของคุณสวยมาก ”  

“คุณกล้าดียังไง! ” ฉินเทียนตาเบิกกว้าง ทันใดนั้นมือคว้าไปที่คอของเจิ้นเทียนหนาน  

ความเร็วของเขาเร็วเกินไป เจิ้นเทียนหนาน รวมถึงนักฆาตหลายคน ไม่สามารถรับมือได้ทัน  

ด้วยพลังแห่งฟ้าร้อง ฉินเทียนคว้าเจิ้นเทียนหนานด้วยมือข้างเดียว แล้วเหวี่ยงตกลงไปในพุ่มไม้ไกลๆ  

โครม!  

เจิ้นเทียนหนานร้องเสียงดัง  

ขณะเดียวกัน ในพุ่มไม้นั่น มีเสียงอุทานลอยออกมา เงาดำหนึ่งกลิ้งไปมาด้วยความตื่นตกใจ ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังตันไม้ใหญ่ข้างๆ  

นำปืนดำมืดกระบอกหนึ่ง เล็งไปที่ฉินเทียน  

มือสังการที่สัมผัสได้ ไม่ได้มาจากเจิ้นเทียนหนาน แต่เป็นนักฆาตคนนี้ที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้  

ฉินเทียนไม่สงสัยเลยว่า นี่คือพลแม่นปืนระดับขั้นเทพ  

เดิมที่ต้องการกำจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่เหล่านี้ให้ราบเรียบในหมัดเดียว ทันใดนั้นได้ยินเสียงเชียร์ดังปานแผ่นดินไหวมาจากด้านล่าง นับไม่ถ้วนว่ามีคนวิ่งกี่คน  

เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของซูซู หมุนตัวกลับ เดินลงจากภูเขาอย่างรวดเร็ว  

“ ยิงปืนเร็วสิ! ”  

“ เหล่าเชียง คุณรออะไร! ” เจิ้นเทียนหนานอายจนโกรธ ตะโกนเสียงดังออกมา  

“ฉันรับรอง เมื่อปืนดังขึ้น ต้องเป็นคุณที่ตาย ” ฉินเทียนทิ้งคำพูดอย่างเย็นชา  

กับนักฆาตที่ไม่ได้เห็นหน้าคนนั้น

  

คำพูดที่ไม่แยแส กับเบื้องหลังความมั่นใจ ทำให้ไอ้มือปืนที่ยิงร้อยนัดถูกร้อยนัดซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ รู้สึกว่าไกปืนหนักมากกว่าพัน  

ในที่สุด ได้แต่มองดูฉินเทียนลงเขาไป  

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก  

แรงกดดันจาการฆาตกรรมครั้งใหญ่ที่สุดก็สลายไปแล้ว  

เขารู้สึกเหมือนเขาตายอีกครั้ง  

เป็นไปได้อย่างไร? ทำไมมีชายหนุ่มที่น่ากลัวแบบนี้บนโลกนี้ได้อย่างไร?  

ชั่วชีวิตของเขาสังหารคนมานับไม่ถ้วน นำการสังหารมาด้วยตัวเอง แต่สิ่งที่ทำให้เขายอมแพ้โดยไม่ต้องต่อสู้ ก่อนหน้านั้น เขารู้แค่คนเดียว   

ตอนนี้ เพิ่มฉินเทียนเข้าไป เป็นสองคนแล้ว  

“รับเงินคน เพื่อช่วยคนขจัดภัยพิบัติ ”  

“คุณวางใจ เขาหนีไม่รอดหรอก ” แววตาไอ้นักฆาต เผยความแน่วแน่ที่จะต่อสู้เหมือนหมาป่า  

พลแม่นปืนขั้นเทพ เป็นแค่ทักษะที่เขาใช้เพื่อปกปิดตัวตนของเขา  

หากเขาแสดงทักษะการสังหารที่แท้จริง เขาเชื่อว่า คนที่ตายเป็นฉินเทียนนั่นเอง

  ……  

“คนแซ่หลิงถูกจับแล้ว! ”  

“ที่แท้เขาไม่ได้กระโดดลงแม่น้ำ แต่หลบซ่อนตัวอยู่ในป่า”  

“รีบมาดูเร็ว คนที่จับคือถงชวนจอมยุทธหนุ่ม! ”  

“จอมยุทธหนุ่มถงทรงพลัง! ”  

“ขจัดความชั่วเพื่อประชาชน สร้างคุณธรรมเพื่อฟ้า”  

“จอมยุทธหนุ่มถงเป็นดาวนำโชคในฉู่โจวของเรานะ! ”  

ฝูงชนตื่นเต้นทั้งร้องทั้งเต้นอยู่รอบตัวถงชวน  

ถงชวนอารมณ์ดีเหมือนตัวลอย ในมือหิ้วคนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดที่เปื่อยยุ่ยของหมอนั่น  

เป็นอาชญากรไร้มนุษยธรรมที่ต้องการตัวในหนังสือพิมพ์อย่างแน่นอน แซ่หลิง  

ไม่คิดว่า ถงชวนจะจับเขาได้รวดเร็วเช่นนี้ แม้แต่ฉินเทียนยังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าแสดงความชื่นชม  

สัญญาณตำรวจดังขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธหนักหลายคนมาถึง นำตัวคนแซ่หลิงไป  

ผู้นำแซ่หลิง ตบไหล่ถงชวน ก่อนเดินจากไป ปล่อยเขาไปสำนักงานเพื่อรับเงินรางวัล  

ขณะเดียวกันร้องขอถงชวน มีโอกาสสอนการต่อสู้ให้ทีมงานตำรวจสักสองสามบท  

“ถงชวน แม้แต่ทีมตำรวจยังเชิญชวนคุณ ตอนนี้ คุณกลายเป็นดาราดังแล้วนะ! ”  

“ยินดีกับคุณด้วย! ”หลินหยางดูเหมือนตื่นเต้นยิ่งกว่าถงชวน  

ถงชวนตบตบหน้าอก พูดว่า: “ ชื่อเสียงโชคลาภอะไร สำหรับฉันก็คือปุยเมฆที่ล่องลอย”  

“ที่สำคัญคือการที่สามารถให้บริการเพื่อประชาชนได้”  

ทันใดนั้น เขาเห็นฉินเทียนเดินผ่านฝูงชนด้านนอกเข้ามา หัวเราะเสียวดัง ฮ่าฮ่า  

“คิดไม่ถึงว่าคุณยังกล้ากลับมา? ”  

“เป็นไงบ้าง ตอนนี้คุณยอมแพ้แล้วหรือยัง? ”  

“ถ้าหากยอมแพ้แล้ว ก็ยินยอมไปจากคุณซูเถอะ ยังไงคุณก็ไม่คู่ควรกับเธออยู่แล้ว ”  

ความหมายก็คือ มีเพียงเขาเท่านั้น ที่สามารถคู่ควรกับซูซู  

หยางหลินพูดอย่างเร่งรีบ: “ลูกพี่ลูกน้อง วีรบุรุษหนุ่มแบบนี้ คุณไม่ใจเต้นหรือ? ”  

“ฟังฉันนะ ทิ้งคนแซ่ฉินเถอะ ”  

เดิมทีซูซูยังมีส่วนชื่นชมพฤติกรรมของถงชวน พอฟังคำพูดนี้แล้ว ก็เขินอายจนโกรธ  

“เรื่องของฉัน คุณไม่ต้องมายุ่ง ”  

“แม่ กลับไปก่อนเถอะ ฉันกับฉินเทียนไปเดินๆหน่อย ” เธอเบียดออกจากฝูงชน ลากมือฉินเทียน กระโดดขี้นรถรับจ้างคันหนึ่ง หนีออกไป  

“ถงชวน คุณอย่าท้อแท้ ผู้หญิงอ่ะนะ ค่อนข้างขี้อาย ”  

“ไป ตามฉันกลับบ้าน”  

“เราไปรอที่บ้าน ”  

“อาหญิง รีบขึ้นรถเถอะ ”  

หยางยู่หลันมองดูทิศทางที่ซูซูกับฉินเทียนจากไปอย่างเป็นกังวล ได้แต่ขึ้นรถของหยางหลินก่อน  

ฉู่โจวมีพันธมิตรฉู่ และการมีอยู่ของวีรบุรุษหนุ่มอย่างถงชวน น้อยคนนักที่จะทำผิด ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยกังวลความปลอดภัยของซูซูและฉินเทียน   

ไม่ได้กลับมาเป็นเวลาห้าปี ตอนนี้เธอคิดถึงญาติพี่น้องบ้างแล้ว  

“บอกฉันมาตอนนี้สิ ทำไมวิ่งไปบนภูเขาด้านขวา? ”  

“หรือว่าคุณกลัวจริงๆ? ” บนรถ ซูซูดูเหมือนถามอย่างไม่เป็นทางการ  

ในที่สุดเธอยังห่วงใยนิดหน่อย ช่วงเวลาสำคัญของผู้ชายตัวเอง ทำการหนีทัพ  

หลินเทียนพูด: “ฉันกลัวคุณโกรธอ่ะ ”  

“อืม? ฉันโกรธอะไร? ”ซูซูไม่เข้าใจ  

ฉินเทียนแกล้งทำเป็นสำนึกผิดพูดว่า: “คุณพูดเองไม่ใช่เหรอ ว่าเกลียดฉันกับการต่อสู้และเข่นฆ่ามากที่สุด? ”  

“ฉะนั้นฉันตัดสินใจว่าต่อไปจะเชื่อฟังคำพูดของเมีย เป็นผู้ชายที่ดี ”  

“ถุย! ” ซูซูอดไม่ได้ที่จะถ่มน้ำลายออกมา  

“ตัวเองขี้ขลาดตาขาว ยังมาโทษฉัน ”  

“คุณไม่ต้องพูดเลย ฉันรู้สึกว่าถงชวนคนนั้นเก่งจริงๆ คือสิ่งที่ชายหนุ่มควรจะเป็น ”  

ฉินเทียนรู้ทั้งรู้ว่าเธอจงใจกระตุ้นตัวเอง แต่ก็อดหึงหวงไม่ได้  

“หันหลังกลับไป! ”  

“ฉันจะแสดงให้เขาเห็นว่า ปรมาจารย์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร ”  

“โอว พอแล้วคุณ! ”เธอพูดอย่างประชดประชัน: “ พูดล้อเล่นนะ ยังนึกว่าจริง ”  

“ไม่ง่ายเลยที่กลับมาอีกครั้ง ไปเดินรอบๆเป็นเพื่อนฉัน! ”  

ฉินเทียนเห็นว่าเธอไม่ค่อยแสดงท่าทีที่มีเสน่ห์ของสาวน้อยออกมา ปลื้มในใจมาก  

เวลานี้ เมื่อเทียบกับการมากับภรรยาแสนดี ตงชวน ไอ้นักฆาตของเจิ้นเทียนหนานกับเหล่าเชียงอะไรก็ไม่สำคัญแล้ว  

กิจการที่ยิ่งใหญ่อันยาวนาน ดุจดังปุยเมฆที่ล่องลอย  

“ว้าว ซุปเส้นหมี่เป็ดนี้อร่อยมากมากนะ ไม่ได้ทานอาหารแท้ๆแบบนี้มานานแล้ว ”  

“อ่อ รีบไปเลย เอาเต้าหู้เหม็นให้ฉันหนึ่งชุด เติมพริกมากหน่อย ”  

 

“ปลาหมึกฉันก็จะเอา……เอิ๊ก! ”  

ฉินเทียนตะลึงงัน  

“เมียจ๋า กินไม่ได้แล้วนะ ”

“ใกล้เที่ยงแล้ว ทุกคนต้องรอแน่นอน คุณแน่ใจว่ายังอยากเดินเตร็ดเตร่ต่อไป? ”  

ซูซูเช็ดปากเสร็จ ครุ่นคิดสักครู่ ดูเหมือนจะตัดสินใจได้ในที่สุด  

เหมือนกับนักเรียนในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ยากที่จะเดินเข้าสนามสอบเหมือนกัน  

“มากับฉัน! ”ดึงฉินเทียน มาถึงห้างสรรพสินค้าที่คึกคัก