บทที่ 116: ความสามารถที่สอง

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 116: ความสามารถที่สอง

โรเอลตกตะลึงเมื่อนอร่าเอื้อมมือออกมาหาเขาแล้วบอกเขาว่าอย่าคุกเข่า

มันเป็นเรื่องปกติที่ขุนนางจะไม่คุกเข่าต่อหน้าราชวงศ์ในโลกนี้ เพราะราชวงศ์ก็เป็นเหมือนตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักร เป็นเพียงผู้นำของแวดวงขุนนาง พวกเขาไม่ใช่เจ้านายของเหล่าขุนนาง ดังนั้นพวกขุนนางจึงไม่ต้องลดตัวลงต่อหน้าราชวงศ์

ทว่าในพิธีการต่าง ๆ ถือเป็นข้อยกเว้นสำหรับกฎนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ การคุกเข่าเป็นเพียงการแสดงความเอาใจใส่ต่อประเพณีโบราณที่สืบทอดกันมาหลายยุคหลายสมัย

“ไม่ต้องคุกเข่า”

โรเอลเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาพบว่าตัวเองสบตาเข้ากับสายตาอันซาบซึ้งของนอร่า เขาลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคงบนสองเท้าของเขา เหยียดหลังให้ตรง ทันทีที่เขายืนขึ้น ความปั่นป่วนของฝูงชนก็เพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเขาถึงลุกขึ้นอีกครั้งกันล่ะ?”

“ฝ่าบาทขอให้เขายืนขึ้น”

“จริงเหรอ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ภาพดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมทุกคนถึงตกตะลึง อาจถึงกับสิ้นหวังเลยด้วยซ้ำ บางคนกล่าวว่าพิธีการปกป้องคุ้มครองครั้งนี้แตกต่างไปจากปกติ ในขณะที่บางคนกล่าวว่าทางราชวงศ์ได้เปลี่ยนอนุสัญญาไปแล้ว มีแม้กระทั่งบางคนที่คิดว่านอร่าตั้งใจจะเปลี่ยนเป็นพิธีแต่งงานในนาทีสุดท้าย

ฝูงชนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าผู้ที่ตกใจมากที่สุดก็คือสมาชิกราชวงศ์และเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกในพิธี ณ แถวแรกสุดของผู้ชม องค์ชายเคนขมวดคิ้วเมื่อเห็นนอร่าเปลี่ยนแปลงยุ่งวุ่นวายกับพิธี เขาหันไปหาชายชราที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา พระสังฆราชจอห์น​ และถาม

“ท่านพ่อ สิ่งที่นอร่ากำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่เหมาะสมรึเปล่า?”

“ไม่เหมาะสม? แล้วยังไงล่ะ?”

ชายชราผมขาวกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา ราวกับว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกชายของเขากำลังจะสื่อ องค์ชายเคนเหลือบมองปรากฏการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเขาและตั้งข้อสังเกต

“มันเป็นการฝ่าฝืนประเพณีของบรรพบุรุษ เป็นการกระทำที่ไม่สุภาพเป็นอย่างยิ่ง ด้วยตารางพิธีการที่กำหนดเอาไว้ในขณะนี้ มันคงจะเป็นการยากหากจะดำเนินพิธีการต่อไป”

จอห์นค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองลูกชายของตัวเอง ปลดปล่อยความดูถูกที่เขารู้สึกให้แสดงออกมาอย่างเต็มที่บนใบหน้าของเขา

ช่างหัวพิธีการมันสิ เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่า ลูกสาวของเจ้ากำลังจีบผู้ชายที่เธอชอบอยู่? นั่นคือเป้าหมายของการจัดพิธีการปกป้องคุ้มครองนี้ เจ้ายังดูไม่ออกอีกเหรอ? ย้อนกลับไปในสมัยก่อน ข้า จอห์น​ เซไซต์ เป็นที่รู้จักกันในนามนักปราชญ์แห่งความรักของจักรวรรดิเซนต์เมซิทเลยด้วยซ้ำ ข้ามีลูกชายคนโตอย่างเจ้าได้อย่างไรกัน? ขอบคุณเทพีเซียจริง ๆ ที่หลานสาวของข้าเอาข้าเป็นตัวอย่างไม่ใช่เจ้า!

“ในที่สุดข้าก็เข้าใจได้ซะที ว่าทำไมองค์ชายอย่างเจ้า ถึงได้ต้องการให้ข้าเลือกภรรยาให้ในตอนนั้น”

“หา? ทำไมจู่ ๆ ท่านถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?”

การเปรียบเปรยอย่างกะทันหันจากบิดา ทำให้เคนรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย และจอห์นก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้เขาฟังเช่นกัน ชายชราหันไปมองที่นอร่าพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย เพื่อแสดงการสนับสนุนของเขา จากนั้นก็หันไปทางเจ้าสำนักที่ดูแลพิธีและกล่าวขึ้น

“ถ้าข้าจำไม่ผิด พิธีการปกป้องคุ้มครองไม่จำเป็นจะต้องคุกเข่า ดำเนินพิธีต่อไปกันเถอะ”

นอร่าที่ได้ยินคำสั่งของจอห์น​ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก กลับกันแล้ว เมื่อเห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว โรเอลก็อดไม่ได้ที่จะถามเธอ

“เธอไม่ได้มีแผนในใจสำหรับเรื่องนี้งั้นเหรอ?”

“อย่างที่เจ้าพูดนั่นแหละ จู่ ๆ ข้าก็เปลี่ยนใจน่ะ”

นอร่าตอบพร้อมกับหัวเราะคิกคัก

เธอเองก็ประหลาดใจกับการกระทำของตัวเองเช่นกัน

“ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกนะ ถ้าแค่ต้องคุกเข่าลงสักครู่”

“ข้าจะมีความสุขมากกว่า ถ้าเจ้าเลือกที่จะคุกเข่าให้กับข้าเมื่อเราอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แต่ตอนนี้ข้าขอสงวนไว้ก่อน เพราะพวกเรามีผู้ชมมากมาย ข้าไม่ชอบให้คนที่ข้าชื่นชอบมาบูชาข้า”

ลูกบอลตรงอันทรงพลังพุ่งทะลุหน้าต่างหัวใจของโรเอลอย่างแรง การหายใจอันสงบนิ่งของเขาก็เกือบจะยุ่งเหยิง แต่เมื่อมองไปทางนอร่าที่กำลังตั้งใจวางดาบจักรพรรดิแห่งนักบุญภายใต้คำสั่งของเจ้าหน้าที่พิธีกรรม เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก กำลังกระตุ้นหัวใจของเขา

“ฝ่าบาท พิธีการปกป้องคุ้มครองจะต้องมีเครื่องยืนยัน เอสเซนด์วิง เหมาะแล้วหรือไม่ขอรับ?”

“ได้ นั่นเป็นความคิดที่ดีมาก ดำเนินพิธีการกันต่อเถอะ”

นอร่าเห็นด้วยกับคำแนะนำของเจ้าหน้าที่จัดการพิธี เอสเซนด์วิงเป็นดาบสั้นที่ถูกอาบด้วยเลือดของทั้งคู่ มันเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ทั้งสองคนสามารถกระชับความสัมพันธ์กันได้ เครื่องยืนยันชิ้นไหนจะเหมาะสมไปกว่ามันแล้วสำหรับพิธีการในครั้งนี้

หลังจากความโกลาหลชั่วครู่ ห้องโถงก็กลับสู่ความเงียบสงบ ภายใต้สายตาของทุกคน นอร่ายกดาบสั้นรูปร่างคล้ายขนนกสีขาวขึ้นมาและใส่พลังเวทของเธอเข้าไป ดาบสั้นนั้นส่องแสงสว่างจ้าโอบกอดทั้งสองคนเอาไว้

อาวุธศักดิ์สิทธิ์มีเจตจำนงเป็นของตัวเอง มันมีสัญชาตญาณที่จะต้องปกป้องเจ้านายของมัน เมื่อเจ้านายของเอสเซนด์วิงทั้งสองคนปรากฏตัวในพิธี มันจึงเริ่มสั่นเทาอย่างตื่นเต้น ราวกับเด็กที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ มันเต้นเป็นจังหวะด้วยบรรยากาศ​บริสุทธิ์ ราวกับว่ามีชีวิตเป็นของตัวเอง ฉายรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์ไปรอบ ๆ ห้องโถงเซนต์เซชูร์ ราวกับเป็นแสงจากสวรรค์

ฝูงชนล้วนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

พระสังฆราชจอห์น​ แลกเปลี่ยนสายตากับองค์ชายเคน ขณะที่พวกเขารับรู้ได้ถึงพลังทางสายเลือดของพวกเขาที่ตอบสนองต่อแสงอันศักดิ์สิทธิ์ที่สาดส่องมายังร่างกายของพวกเขา ความรู้สึกแปลกประหลาดนี้เป็นที่ชัดเจนว่าไม่ใช่ปฏิกิริยาปกติของเอสเซนด์วิง

อย่างไรก็ตาม คนที่รู้สึกถึงปฏิกิริยานี้มากที่สุดก็คือตัวนอร่าเอง เด็กสาวรู้สึกว่าร่างกายของเธอร้อนขึ้นเพื่อตอบสนองต่อดาบสั้นในมือของเธอ และความรู้สึกอิ่มเอมเข้ามาโอบกอดจิตวิญญาณของเธอไว้ เมื่อได้มองไปยังเด็กชายผมดำที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอก็หวนนึกถึงประสบการณ์ทั้งหมดที่พวกเขาได้ผ่านร่วมกันมา ความรู้สึกที่แท้จริงของนอร่าปรากฏออกมาในรูปแบบของคำปฏิญาณ

“ข้า นอร่า เซไซต์ขอเป็นตัวแทนของ ตระกูลเซไซต์ ในการทำตามสัญญาโบราณ โดยจะรับรองความปลอดภัยของลูกหลานจากตระกูลแอสคาร์ด”

“โรเอล แอสคาร์ด ข้าจะปกป้องและดูแลเจ้า ข้าจะเป็นผู้พิทักษ์ของเจ้า จนกว่าเจ้าจะบรรลุนิติภาวะ การกระทำที่ก้าวร้าวต่อเจ้าจะถูกมองว่าเป็นการบ่อนทำลายอำนาจและเกียรติยศของตระกูลเซไซต์”

“ข้ายินดีที่จะเดินตามรอยเท้าของบรรพบุรุษของข้า เพื่อทำตามสัญญาโบราณนี้ เจ้ายินดีจะรับน้ำใจของข้าหรือไม่?”

นอร่าพูดประโยคเหล่านี้ออกมาภายใต้แสงอันศักดิ์สิทธิ์ แสงประกายระยิบระยับปรากฏขึ้นในดวงตาสีไพลินของเธอ ขณะที่เด็กสาวมองดูโรเอลด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้โรเอลผงะไปครู่หนึ่ง แต่เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากนั้น

“ข้า โรเอล แอสคาร์ด ขอเป็นตัวแทนของ ตระกูลแอสคาร์ด ในฐานะผู้ได้รับประโยชน์จากคำสัญญาโบราณ ขอน้อมยอมรับน้ำใจอันเมตตาของตระกูลเซไซต์”

“ในระหว่างช่วงเวลาสัญญานี้ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะให้ความร่วมมือกับผู้พิทักษ์ของข้า ข้าจะเชื่อใจและพึ่งพานาง เพื่อฝ่าฟันช่วงเวลาอันยากลำบากไปด้วยกัน”

เมื่อโรเอลพูดคำปฏิญาณ ความสับสนก็หายไปจากรูม่านตาสีทองของเขา ริมฝีปากของนอร่าเชิดขึ้นอย่างพึงพอใจเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เธอยื่นมือออกไปมอบเอสเซนด์วิงให้กับโรเอล ทันใดนั้นในขณะที่มือทั้งสองคนกำลังสัมผัสกับเอสเซนด์วิง ก็มีเสียงดังระรัวก้องกังวานมาจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์

ทั้งโรเอลและนอร่า ต่างเบิกตากว้างไปพร้อม ๆ กันขณะที่พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังเวทมหาศาลที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของพวกเขาผ่านแขนทั้งสองข้าง

เสาแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์เข้าปกคลุมพวกเขาทั้งสอง สูงขึ้นไปจนถึงเพดานสูงของห้องโถงที่สูงเหนือพวกเขาหลายเมตร เสียงกรีดร้องดังก้องมาจากฝูงชน ทว่าสภาพแวดล้อมนั้นยังไม่ได้ตกลงสู่ความโกลาหล เพราะยังไม่มีอะไรตกลงมาจากฟ้า

การรวมตัวของพลังเวททะลุไปถึงก้อนเมฆ ทำให้ทุกสิ่งที่ขวางทางกลายเป็นฝุ่น การระเบิดของพลังนี้กินเวลานานสิบวินาที สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทุกคนในพิธี

พระสังฆราชจอห์น​ องค์ชายเคน คาร์เตอร์ และคนอื่น ๆ สามารถสัมผัสได้ถึงพลังเวทโบราณแต่บริสุทธิ์ที่ลอยมาจากแสงดังกล่าว นี่คือพลังของดาบแห่งนักบุญ 12 ปีก อุปกรณ์เวทที่มีต้นกำเนิดมาจากช่วงเวลาก่อนยุคที่สอง

หลังจากผ่านไปสิบวินาที ทุกอย่างก็สลายกลายเป็นประกายแสงโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าเต็มไปทั่วห้องโถง สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนคือนักบุญสองคนที่ยืนเผชิญหน้ากันทั้งสองด้านของเอสเซนด์วิง

ทั้งเด็กหญิงผมทองและเด็กชายผมดำผู้มีปีกอยู่ข้างหลัง ปีกแห่งแสงเหล่านี้ควรเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผู้ที่สืบสายเลือดแห่งทูตสวรรค์ แต่มันกลับปรากฏขึ้นด้านหลังของผู้ที่ไม่ใช่ตระกูลเซไซต์

“มันจะเป็นไปได้อย่างไร” องค์ชายเคนอุทานด้วยความประหลาดใจขณะที่เขาลุกขึ้นยืน

พระสังฆราชจอห์นเบิกตากว้างกับภาพที่เห็น เขามองลงไปยังดาบสั้นที่ทั้งสองคนถืออยู่ในมือ

ที่ด้านหน้าของห้องโถง โรเอลและนอร่า ลืมตาขึ้นพร้อมกันและสังเกตเห็นปรากฏการณ์อันลึกลับที่เกิดขึ้นกับพวกเขาในทันที

“โรเอล ที่หลังของเจ้า!”

“ฉันก็รู้สึกถึงมันเหมือนกัน นี่มัน…”

นี่คือความสามารถใหม่ของเอสเซนด์วิงงั้นเหรอ?

โรเอลสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ยื่นออกมาจากหลังของเขาอย่างชัดเจน แต่กลับรู้สึกว่ามันไม่สามารถจับต้องได้ คล้ายกับแขนขาของปีศาจ เขาหันไปที่ระบบของตน และพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกี่ยวกับเอสเซนด์วิง

【อัตลักษณ์แห่งปีก

การผสมผสานของพลังสายเลือดทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนซึ่งพรสวรรค์ เช่นเดียวกับที่ปีกทำงานเป็นคู่เท่านั้น ปีกหนึ่งจะปรากฏขึ้นมาหากขาดซึ่งปีกอีกข้าง】

【ของขวัญจากทูตสวรรค์

ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บในระดับหนึ่งและปัดเป่าสถานะเชิงลบ มอบโชคให้กับผู้ใช้ และให้ความสามารถในการบินชั่วคราวแก่เขา】

【พรแห่งมงกุฎ

ทุก ๆ 7 วัน จะสามารถฉายภาพเสมือนไปยังคู่ที่เชื่อมโยงได้

ทุก ๆ 70 วัน จะสามารถโอนคาถาเวทไปยังคู่ที่เชื่อมโยงได้

ทุก ๆ 700 วัน จะสามารถสร้างร่างจำแลงที่มีความสามารถเหมือนกันกับร่างกายดั้งเดิมของคู่ที่เชื่อมโยงกันออกมาได้

คาถาเวทที่ถ่ายโอนไปเป็นได้ทั้ง คาถาโจมตี คาถาป้องกัน หรือคาถาฟื้นฟูก็ได้เช่นกัน

ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับร่างจำแลง อวาตาร์จะถูกโอนไปยังร่างต้นด้วย】

โรเอลใช้เวลานานพอสมควร ก่อนที่เขาจะเข้าใจความสามารถทั้งหมดที่เขาได้รับมา ดูเหมือนว่าความสามารถที่สองของเอสเซนด์วิง อัตลักษณ์แห่งปีกจะทรงพลังมาก

จุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันคือ มันประกอบไปด้วยคาถาสองคาถาที่สามารถใช้แยกกันได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย!

ตามกฎของ อัตลักษณ์แห่งปีก ของขวัญจากทูตสวรรค์เป็นทักษะเฉพาะของโรเอล ในขณะที่พรแห่งมงกุฎเป็นทักษะพิเศษเฉพาะของนอร่า อย่างไรก็ตามหากเขามองลึกลงไปในทักษะ ‘พรแห่งมงกุฎ’ มันก็ถือเป็นข้อได้เปรียบของเขาด้วยเช่นกัน

ทักษะแรกของการฉายภาพเสมือนไปยังฝั่งของโรเอลนั้นไม่มีอะไรมาก โดยพื้นฐานแล้วก็คล้าย ๆ กับการประชุมทางวิดีโอในทุก ๆ สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม ทักษะที่สองถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง นั่นหมายความว่าโรเอลจะสามารถยืมคาถาเวทจากนอร่าได้เกือบทุกเดือน มันอาจจะฟังดูไม่ได้สุดยอดมากอะไรในตอนนี้ แต่นั่นเป็นเพราะนอร่ายังไม่ได้โตเต็มที่ เมื่อเธอถึงระดับสูงสุดแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งอันล้นหลามของเธอ เพียงคาถาเดียวก็มากเกินพอที่จะกำจัดศัตรูลงได้!

สำหรับทักษะสุดท้ายของการสร้างร่างจำแลงในทุก ๆ สองปี ทักษะน่าจะคล้ายกับการที่เขาอัญเชิญ กรันด้ามาจัดการกับเวตในตอนนั้น โครงกระดูกขนาดใหญ่ที่เขาเรียกออกมานั้นไม่ใช่ตัวตนของกรันด้าจริง ๆ แต่เป็นร่างจำแลงที่สร้างขึ้นมาจากพลังเวทของเขา และผลของทักษะนี้อาจจะคล้ายกับสิ่งนั้น เพียงแต่ครั้งนี้ ร่างจำแลงจะเป็นของนอร่า

สรุปแล้ว พรแห่งมงกุฎเป็นความสามารถที่ให้ประโยชน์อย่างเต็มที่แก่โรเอล

สำหรับความสามารถที่เขาได้รับ ของขวัญจากทูตสวรรค์ ผลของมันสามารถรักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูจากสถานะเชิงลบได้ ถือเป็นประโยชน์อันทรงคุณค่าสำหรับโรเอลเช่นกัน

โรเอลเป็นคนประเภทต่อสู้โดยใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อทำลายคู่ต่อสู้ของเขาโดยไม่คำนึงถึงราคา ด้วยรูปแบบการต่อสู้อันดื้อด้านนั้น ของขวัญจากทูตสวรรค์ น่าจะสามารถช่วยรักษาพลังชีวิตของเขาเอาไว้ได้ในช่วงเวลาวิกฤติ

“นอร่า ความสามารถนี้…”

“ใช่ ข้าเองก็เข้าใจดี”

“ขอโทษด้วย ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีประโยชน์สำหรับเธอเลย”

“อย่าได้กังวลไป ดาบแห่งนักบุญ 12 ปีก จะบ่มเพาะความสามารถตามความต้องการของผู้ครอบครอง ความสามารถที่เจ้าเห็นคือเจตจำนงของข้าที่ต้องการจะปกป้องเจ้า”

หัวใจของโรเอลสั่นสะท้านเมื่อได้ยินคำพูดของนอร่า เขารู้สึกขอบคุณเธออย่างสุดซึ้ง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือในขณะที่ความสามารถนี้แสดงถึงความปรารถนาของนอร่า แต่มันก็ผสมกับความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเธอเองด้วยเช่นกัน ทันทีที่เธอเห็นผลของความสามารถ พรแห่งมงกุฎเป็นครั้งแรก ริมฝีปากของเธอก็ขดขึ้นเป็นรอยยิ้มอันอ่อนโยน

ช่างวิเศษเหลือเกิน เท่านี้ข้าก็จะสามารถตรวจสอบเขาได้เป็นประจำในทุกสัปดาห์