บทที่ 88 ซื้อหุ่นยนต์

ที่ด้านในแผนกสายการผลิต

สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานตอนนี้เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าท่าทีของพนักงานพวกนี้แข็งกระด้างขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเขาจะอธิบายด้วยดี ๆ ไปแล้ว

สิ่งนี้มันพอจะบอกได้ว่าจุดประสงค์หลักของพนักงานพวกนี้มันไม่ใช่เรื่องการขอขึ้นเงินเดือนแน่นอน คนพวกนี้จงใจสร้างความวุ่นวายให้กับเขาต่างหาก!

แน่นอนว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้ก็คงไม่ใช่ใครอื่นนอกซะจากเจิ้งเหวยกัว กับพรรคพวกที่ในตอนนี้คงกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่

“ได้! ต้องการมาไม้นี้กับฉัน… งั้นก็ได้!”

เมื่อเห็นว่าการโน้มน้าวคนพวกนี้ต่อไปมันไม่มีประโยชน์อะไร อวี้ฮ่าวหรานจึงหันหลังเดินออกไปในทันทีด้วยความหงุดหงิดในใจ

ทางด้านของผู้จัดการหวังก็เดินตามออกมาติด ๆ ด้วยคิ้วที่ขมวดจนแทบจะผูกกันได้ หากการประท้วงหยุดงานนี้ไม่ถูกจัดการให้เรียบร้อย บริษัทจะได้รับผลกระทบอย่างหนักแน่นอน

“ท่านประธาน พวกเราควรทำยังไงกันต่อดี? พวกเราไม่สามารถให้การประท้วงนี้ดำเนินต่อไปได้”

“ฉันรู้” อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า

หลังจากเดินออกมาได้ครู่หนึ่ง อารมณ์ของอวี้ฮ่าวหรานก็เย็นลงมาก และเมื่อหัวสมองเริ่มโล่งแล้วเขาก็เริ่มคิดหาแผนการจัดการกับสถานการณ์นี้

หลังจากคิดอยู่สักพัก อวี้ฮ่าวหรานก็สั่งให้ผู้จัดการหวังไปดูแลการปรับเปลี่ยนโครงสร้างที่แผนกอื่นต่อก่อน จากนั้นตัวเขาเองหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาแล้วโทรออก

“โอ้ ว่าไงน้องฮ่าวหราน โทรมามีอะไรให้พี่เฉิงคนนี้ช่วยงั้นเหรอ?”

เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของอวี้ฮ่าวหรานโทรมา เฉิงกัวอันก็รับสายและรีบเอ่ยทักทายก่อนอย่างรวดเร็ว

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก ผมแค่อยากสอบถามว่าคุณพอจะรู้จักพวกบริษัทที่ขายหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ที่เอาไว้ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมไหม?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามเข้าประเด็นทันที

“หุ่นยนต์งั้นเหรอ?” เฉิงกัวอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเขานึกไม่ถึงว่าไม่ทันไรอวี้ฮ่าวหรานก็อยากใช้ของเทคโนโลยีขั้นสูงขนาดนี้ในบริษัทตัวเองซะแล้ว ต้องรู้ว่าขณะนี้มันมีบริษัทน้อยมากที่ใช้ของพวกนี้เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องราคา

“ถ้าน้องฮ่าวหรานอยากซื้อหุ่นพวกนั้นล่ะก็ ฉันพอจะรู้จักเจ้าของบริษัทที่ขายพวกหุ่นยนต์อยู่ เขาชื่อเฟิงซีหนาน เอาไว้เดี๋ยวฉันจะโทรไปบอกเขาให้ก่อนก็แล้วกัน เขาจะได้ให้ส่วนลดกับน้องฮ่าวหรานมากหน่อย แต่ว่าพี่ต้องเตือนเอาไว้ก่อนว่าชายคนนี้ค่อนข้างเป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวนสักหน่อย”

“ไม่เป็นไรแค่บอกที่อยู่มาก็พอ” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยกลับ

สำหรับอวี้ฮ่าวหราน เขาไม่สนใจว่าเจ้าของบริษัทคนนี้จะเป็นคนมีอารมณ์ยังไง เพราะเขาจะไปหาในฐานะลูกค้า พ่อค้าคนไหนบ้างที่กล้าอารม์เสียใส่ลูกค้าโดยไร้เหตุผลจริงไหม?

จากนั้น เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ที่อยู่ของเฟิงซีหนานมาจากเฉิงกัวอัน เขาก็ขับรถออกไปจากบริษัททันที

ครึ่งชั่วโมงต่อมา อวี้ฮ่าวหรานก็ได้ขับรถไปถึงบริษัทซินจื่อ ซึ่งเป็นบริษัทของเฟิงซีหนาน

เมื่อเข้าไปด้านในพื้นที่ส่วนรับรองลูกค้า อวี้ฮ่าวหรานเดินตรงไปบอกจุดประสงค์การมาของเขากับประชาสัมพันธ์ทันที

“โปรดรอสักครู่นะคะคุณลูกค้า ประธานเฟิงกำลังรีบลงมา”

พนักงานไม่ได้ถามข้อมูลส่วนตัวอวี้ฮ่าวหรานมากมายนัก เพราะก่อนหน้านี้เฉิงกัวอันได้โทรมานัดแนะให้กับเฟิงซีหนานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หลังจากเวลาผ่านไปอีกไม่เกิน 10 นาที ชายวัยกลางคนหัวล้านก็เดินออกจากลิฟต์และตรงเข้าไปถามพนักงานตรงประชาสัมพันธ์ทันที

“ไหนล่ะลูกค้า? ตอนนี้พวกเขานั่งอยู่ตรงไหน?”

จากนั้นเมื่อเขาเหลือบไปเห็นอวี้ฮ่าวหรานนั่งอยู่ที่โซฟา เฟิงซีหนานก็เดินเข้าไปทักทายทันที

“เฮ้ พ่อหนุ่ม ไหนล่ะเจ้านายของคุณที่จะคุยธุรกิจกับผม? ผมเองเฟิงซีหนาน รีบโทรบอกให้เจ้านายคุณมาเร็ว ๆ หน่อยได้ไหมตอนนี้ผมกำลังยุ่งมากเลย”

แน่นอนว่าเฟิงซีหนานกำลังเข้าใจผิด คิดว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นเพียงแค่ลูกน้องของคนที่จะมีติดต่อขอซื้อหุ่นยนต์จากเขา

“ผมเนี่ยแหละคนที่คุณต้องคุยด้วย” อวี้ฮ่าวหรานลุกขึ้นพร้อมตอบกลับอย่างห้วน ๆ

“หืม? คุณเนี่ยนะที่ผมต้องคุยด้วย? คุณล้อผมเล่นรึเปล่า?” เฟิงซีหนานมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตางุนงง เขารู้สึกว่าอวี้ฮ่าวหรานเด็กเกินไปที่จะคุยธุรกิจมูลค่าหลายล้านแบบนี้

“พ่อหนุ่ม ฉันแนะนำว่านายควรเรียกเจ้านายของนายมาคุยกับฉันโดยตรงจะดีกว่า” เฟิงซีหนานเอ่ยแนะนำด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย

“ก็ผมเนี่ยแหละเจ้านายคนที่คุณต้องคุยด้วย!” อวี้ฮ่าวหราน ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับคิดว่าไอ้คนคนนี้ไม่ใช่แค่จะมีจุดอ่อนที่อารมณ์ แต่สมองน่าจะมีปัญหาด้วยแน่ ๆ

เฟิงซีหนานเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน “นายคือ อวี้ฮ่าวหราน?”

“ถูกต้อง ผมคือคนที่ขอให้เฉิงกัวอันนัดคุณเพื่อคุยเกี่ยวกับการซื้อหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์!” อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า

“ฮ่าฮ่า ไอ้หนุ่มฉันชอบมุกตลกของนายจริง ๆ เลย นายเกือบทำให้ฉันเชื่อแล้วแน่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า เด็กหนุ่มอย่างนายเนี่ยนะ จะมีประสบการณ์พอคุยสัญญาซื้อขายมูลค่าหลายล้าน? เอาล่ะ เร็วเข้าตอนนี้รีบโทรเรียกเจ้านายของนายออกมาได้แล้ว หยุดล้อเล่นกับฉันสักที!”

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกจนใจจริง ๆ เมื่อเห็นเช่นนี้ เขาไม่คิดว่าคนคนนี้จะโง่เง่าได้ถึงขนาดนี้

คนโง่ขนาดนี้กลายมาเป็นเจ้าของบริษัทได้ยังไงกัน?

“ผมจะพูดย้ำอีกรอบเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณยังแสดงท่าทีหยาบคายกับผมอีก ผมจะไปซื้อกับเจ้าอื่นและผมจะไม่มีวันติดต่อกับบริษัทคุณอีกในอนาคต!”

“ผมมาที่นี่เพื่อติดต่อขอซื้อหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์สำหรับผลิตสินค้าของบริษัทผม!”

เฟิงซีหนานขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาที่จริงจังของอวี้ฮ่าวหราน เขาเริ่มไม่แน่ใจเท่าไหร่แล้วว่าฝั่งตรงข้ามล้อเล่นกับเขา

“พ่อหนุ่ม นี่นายไม่ได้ล้อเล่นแน่ ๆ ใช่ไหม? หุ่นยนต์ของฉันขั้นต่ำก็ 2 ล้าน นายจ่ายไหวงั้นเหรอ?”

ถึงแม้ว่าแววตาของอวี้ฮ่าวหรานจะดูจริงจัง แต่เฟิงซีหนานก็ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี ดังนั้นเขาจึงเอ่ยราคาขึ้นมาเพื่อดูท่าทีฝั่งตรงข้าม

“2 ล้าน? ตกลง! ตราบใดที่หุ่นยนต์ของคุณมันตรงกับความต้องการของผม เงินไม่ใช่ปัญหา!” อวี้ฮ่าวหรานตวาดกลับด้วยสีหน้าเกือบจะหมดความอดทน เขาอยากจะตบเฟิงซีหนานให้เลือดกบปากในข้อหาที่ดูถูกเขาซ้ำแล้วซ้ำแล้วไม่หยุดแบบนี้

“พ่อหนุ่มถ้านายไม่มีเงิ…หะ? เมื่อกี้นายบอกว่านายรับได้กับราคานี้เหรอ?”

เฟิงซีหนานนึกว่าตัวเองหูฝาด เขาไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะตกลงกับราคาของเขาอย่างง่ายดายโดยที่ไม่ต่อราคาเลย

สิ่งนี้มันทำให้เขารู้สึกว่าอวี้ฮ่าวหรานน่าจะไม่ได้ล้อเล่นแล้ว ซึ่งมันส่งผลให้ท่าทางของเขาเปลี่ยนเป็นสุภาพขึ้นกว่าเดิมอย่างตาเห็น

“อะแฮ่ม ๆ น้องชาย..อะ เอ๊ย คุณลูกค้า ผมต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ที่เมื่อครู่ผมหยาบคายไปหน่อย เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูหุ่นแบบต่าง ๆ ของเราก่อน แล้วจากนั้นเราค่อยมาปรึกษากันอีกทีว่าหุ่นแบบไหนที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณลูกค้า เพราะหุ่นแต่ละแบบมีราคาที่แตกต่างกัน”

เมื่อถูกผลักดันด้วยผลประโยชน์ ท่าทีของเฟิงซีหนานที่ในตอนแรกโอหังราวกับเป็นเจ้าโลก ตอนนี้เขากลับทำตัวไม่ต่างอะไรกับเด็กเสิร์ฟร้านอาหารหรูระดับ 5 ดาวที่พยายามเอาใจลูกค้าสุดฤทธิ์