บทที่ 58 พลังจิต

“คิดไม่ถึงเลยนะว่าเจ้าจะทำอาหารเก่งขนาดนี้”

หลินเป่ยเฉินแบ่งไก่ย่างให้แก่เยว่หงเซียงได้รับประทาน

เยว่หงเซียงขอบคุณหลินเป่ยเฉินด้วยความซาบซึ้งใจ หลังจากนั้น นางก็กลับไปรับประทานเนื้อไก่ย่างที่กระโจมของสถานศึกษากระบี่ที่สามเพียงลำพัง

“พี่เฉิน เป็นเพราะนางใช่ไหม ท่านถึงไม่ยอมคุยกับข้า?”

หลิงเฉินถามด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจ

หลินเป่ยเฉินส่ายหน้า

“ช่างปะไร…ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” หลิงเฉินพลันยกกำปั้นขึ้นให้กำลังใจตัวเองขณะพูดว่า “ข้าไม่สนใจหรอกหากท่านคิดจะมีนางสนม”

พรวด!

หลินเป่ยเฉินที่กำลังดื่มน้ำอยู่ถึงกับสำลักพรวด

ฉันจะมีนางสนมหรือไม่มี มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอสักหน่อย ทำไมยัยนี่ถึงได้พูดจาเหมือนตัวเองเป็นเมียหลวงของเขาเลยนะ?

หลังจากรับประทานไก่ย่างจนอิ่มหนำแล้ว หลินเป่ยเฉินก็เดินเข้าไปหาหลีลั่วหรันเพื่อทำเรื่องเบิกเหรียญทองคำ 10 เหรียญจากหีบเดินทางของเขา

ตลอดเวลานั้น หลิงเฉินเดินตามติดหลินเป่ยเฉินอยู่ไม่ห่าง

“พี่เฉิน ท่านจะเบิกเงินไปซื้อเข็มกลัดดาราหรือ?” เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงสงสัย “ท่านเลิกล้มความคิดนี้ไปจะดีกว่า ต่อให้มีคนยินดีขายเข็มกลัดดาราจริงๆ ราคาของมันก็สูงกว่า 10 เหรียญทองคำไม่รู้ตั้งกี่เท่า แทนที่ท่านจะไปหาซื้อจากคนอื่น สู้รับเข็มกลัดที่ข้าให้ไม่ดีกว่าหรือ”

หลินเป่ยเฉินตอบว่า “มันไม่เหมือนกันสักหน่อย”

หลิงเฉินเปลี่ยนสีหน้าทำเป็นจริงจังมากขึ้น “ถ้าอย่างนั้น ท่านซื้อเข็มกลัดจากข้าดีหรือไม่? ข้าจะขายให้ท่านเพียง 1 เหรียญทองคำเท่านั้น”

ยังไม่ทันที่เสียงของนางจะขาดหาย

อาจารย์หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นหัวหน้าอาจารย์จากสถานศึกษากระบี่หลวงก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง นางจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาข่มขู่ ก่อนที่จะดึงตัวหลิงเฉินเดินจากไป

หลินเป่ยเฉินจึงกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง

ในที่สุด เขาก็สามารถหายใจได้โดยสะดวก และเดินกลับกระโจมที่พักของสถานศึกษากระบี่ที่สามโดยไม่ต้องระแวงหลังอีก

ขณะนี้ หลีลั่วหรันหนึ่งในผู้ดูแลการแข่งขัน นั่งประจำการอยู่หน้าแท่นหินใหญ่ เขามองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ทว่าก็ได้แต่ส่ายศีรษะกับตัวเองเล็กน้อยเท่านั้น

เช้าวันต่อมา

หลินเป่ยเฉินเร่งมือไม่รอช้า

เด็กหนุ่มยินดีให้โทรศัพท์ดูดกินพลังงานของตนเองได้ไม่จำกัด เพื่อแลกกับการตามหาเข็มกลัดดาราให้พบเจอ

วันนี้เด็กหนุ่มทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกาย

เขาจึงสามารถเก็บเข็มกลัดได้มากมาย

เมื่อรวมกับเข็มกลัดที่ได้มาในวันแรก ตอนนี้เขาก็มีเข็มกลัดดาราอยู่ในมือทั้งหมด 26 ชิ้นแล้ว

ถือเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

“แม่งเอ๊ย คนของกระทรวงศึกษาคนไหนวะ สัปดนเอาเข็มกลัดมาซ่อนไว้ในบ่อกิ้งก่ายักษ์เนี่ย…”

ในช่วงเย็น หลินเป่ยเฉินสามารถเก็บเข็มกลัดชิ้นที่ 27 ได้สำเร็จ แต่ก็ต้องวิ่งหน้าตั้งหลบหนีกิ้งก่ายักษ์หลายสิบตัวที่วิ่งไล่หลังมาด้วยความดุร้าย พวกมันวิ่งไล่กวดหลินเป่ยเฉินเป็นระยะทางถึงสิบลี้ กว่าจะยอมแพ้ล่าถอยกลับไปเอง

กิ้งก่ายักษ์เหล่านี้แต่ละตัวมีขนาดใหญ่ไม่ใช่เล่น

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเคยมีศิษย์คนไหนถูกพวกมันจับกินบ้างหรือเปล่า

หลินเป่ยเฉินที่วิ่งหนีมาตลอดทางอย่างไม่คิดชีวิต ในที่สุดก็กลับมาถึงค่ายที่พักก่อนพระอาทิตย์ตกดิน

เขารีบมาดูแผ่นหินแจ้งคะแนนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์

ผลคะแนนเริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงแล้ว

หลิงเฉิน เด็กสาวยอดอัจฉริยะยังคงยึดอันดับ 1 นางหาเข็มกลัดดาราได้ 3 ชิ้น ขณะนี้มีอยู่ 30 คะแนน ทิ้งห่างจากผู้เข้าแข่งขันคนอื่นแบบไม่เห็นฝุ่น

ส่วนคนที่รั้งตำแหน่งอันดับ 2 ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นเซินเฟย เด็กหนุ่มผู้สันโดษ เขาตามหาเข็มกลัดดาราเจอ 1 ชิ้น ขณะนี้มีอยู่ 10 คะแนน

มีเพียงแค่ทั้งคู่เท่านั้นที่หาเข็มกลัดดาราเจอ

แต่สิ่งที่ทำให้หลินเป่ยเฉินแปลกใจก็คือ บรรดาอัจฉริยะคนอื่นๆ อย่างเช่น เถาว่านเฉิง หลี่เทา มู่เหยียนตง หรือศิษย์จากสถานศึกษากระบี่หลวง ต่างก็ยังทำคะแนนไม่ได้สักแต้มเดียว นั่นหมายความว่าพวกเขายังหาเข็มกลัดดาราไม่เจอเลยสักชิ้น

นี่แหละที่มันผิดปกติ

โดยเฉพาะกลุ่มของเถาว่านเฉิงกับหลี่เทา ทั้งสองคนมีบริวารมากมาย ถือว่ามีขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในมือ

ว่ากันตามหลักความเป็นจริง คนที่มีบริวารเยอะถึงขนาดนั้น ต่อให้วันแรกคว้าน้ำเหลว วันที่สองก็ไม่ควรมือเปล่าอีกต่อไป ผลคะแนนที่ออกมาในขณะนี้ มันจึงดูน่าเหลือเชื่อเกินไป

หลินเป่ยเฉินยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่หน้าแท่นหิน

“หรือจะเป็นเพราะว่าเราเก็บเข็มกลัดมาเยอะเกินไปนะ?”

“พี่เฉิน วันนี้ก็กลับมามือเปล่าอีกแล้วหรือจ๊ะ?” หลิงเฉิน เทพธิดาอัจฉริยะประจำเมือง ผู้มีความสวยงามราวนางฟ้านางสวรรค์ พลันกระโดดเข้ามากอดแขนเขา และพยายามพูดโน้มน้าวใจหลินเป่ยเฉินว่า “เอาแบบนี้ดีไหม วันพรุ่งนี้ท่านไปกับข้า แล้วข้าจะพาท่านไปหาเข็มกลัดดารา ท่านจะได้ใช้ความสามารถของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากใครอีก”

หลินเป่ยเฉินดึงแขนตัวเองกลับมาอย่างแผ่วเบา ก่อนถามว่า “หลิงเฉิน ข้ามีเรื่องบางอย่างอยากปรึกษา ไม่รู้ว่าเจ้าพอจะให้คำตอบได้หรือไม่?”

“พี่เฉิน ท่านอยากรู้อะไรโปรดถามมาได้เลย” หลิงเฉินสีหน้าเต็มไปด้วยความสุข ดึงแขนของหลินเป่ยเฉินเข้าไปกอดอีกครั้งพร้อมกับกล่าวว่า “ในที่สุด ท่านก็ยอมพูดกับข้า แสดงว่าท่านเริ่มจำข้าได้แล้วสิ”

หลินเป่ยเฉินพูดเข้าเรื่องทันทีว่า “สิ่งที่ข้าอยากรู้ก็คือ เจ้าหาเข็มกลัดพวกนั้นเจอได้อย่างไร?”

เด็กหนุ่มพยายามดึงแขนตัวเองกลับมาอีกครั้ง

บัดซบ

หลิงเฉินกอดแขนของเขาแน่นเหลือเกิน

หลินเป่ยเฉินดึงแขนตัวเองกลับมาไม่ได้อีกแล้ว

ทำไมยัยนี่ถึงได้แข็งแรงขนาดนี้เนี่ย? เกิดในอนาคตต้องแต่งงานอยู่ด้วยกันจริงๆ ขึ้นมา เขาจะไม่โดนทุบตายเอาหรือ? มีหวังเขาได้กลายเป็นพวกกลัวเมียจนหัวหดแหงๆ

เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมฉันจึงคิดว่าตัวเองต้องแต่งงานกับเธอด้วย?

ไปหมดแล้วสมงสมอง

หลินเป่ยเฉินพยายามรวบรวมสติตนเองกลับมาอีกครั้ง

หลิงเฉินกะพริบตาปริบๆ มองหน้าเขาพลางตอบว่า “ข้าหาเจอก็เพราะใช้พลังจิตไงล่ะ เข็มกลัดดาราถูกสร้างขึ้นมาจากการเล่นแร่แปรธาตุด้วยสสารลึกลับ มันถือเป็นแร่ธาตุที่เชื่อมต่อระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์ เป็นสิ่งที่พลังจิตสามารถตรวจสอบพบเจอได้ไม่ยาก”

หลินเป่ยเฉินยิ่งรับฟังก็ยิ่งมึนงง

พลังจิต?

ที่นี่ใช้พลังจิตได้ด้วยหรือ?

“ทำไมที่สถาบันของข้าถึงไม่เคยสอนกันนะ”

“สถานศึกษากระบี่ที่สามของท่านไม่เคยสอนวิชา ‘พลังจิตขั้นพื้นฐาน โดย จักรพรรดิผู้ก่อตั้ง’ งั้นหรือ?” หลิงเฉินนิ่งคิดอะไรบางอย่าง ก็รีบกล่าวต่อ “พี่เฉินไม่เคยเรียนก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะวิชาพลังจิตจะสอนแต่ในสถานศึกษาสำหรับรุ่นสูงๆ เท่านั้น ส่วนในระดับพวกเรา มีแต่เพียงสถานศึกษากระบี่หลวงแห่งเดียวที่มีสอนวิชานี้”

หลินเป่ยเฉินเข้าใจในทันใด

นี่ก็ไม่ได้แตกต่างจากโลกมนุษย์ เด็กนักเรียนที่ศึกษาในโรงเรียนเอกชนราคาแพง ย่อมมีโอกาสได้เรียนรู้วิชาที่ซับซ้อนกว่าโรงเรียนรัฐบาลอยู่แล้ว อาทิ วิชาที่ถูกสอนในชั้นม. 3 ของโรงเรียนรัฐบาล อาจถูกสอนในโรงเรียนเอกชนมาตั้งแต่ม. 1 แล้วก็เป็นได้

นี่ไงล่ะช่องว่างระหว่างชนชั้น!

หลินเป่ยเฉินสอบถามต่อไปว่า “วิชาพลังจิตนี่เรียนยากไหม?”

ตอนที่หลิงเฉินสยายยิ้มบนใบหน้า รอยยิ้มของนางช่างมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ “พี่เฉิน หากท่านอยากเรียนวิชานี้ ข้าช่วยสอนได้นะ”

หลินเป่ยเฉินพยักหน้า “ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”

ยิ่งมีทักษะติดตัวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อตัวเขาเองมากเท่านั้น

“เอ แต่ข้าจะเริ่มสอนท่านจากตรงไหนดี…”

หลิงเฉินเอียงคอขบคิดอยู่เล็กน้อย ก็พูดว่า “ท่านรออยู่ตรงนี้ก่อน”

หลังจากนั้น นางก็เดินหายไปอย่างรวดเร็ว

ไม่กี่อึดใจให้หลัง เด็กสาวก็กลับมาอีกครั้ง ยื่นส่งคัมภีร์ให้หลินเป่ยเฉินเล่มหนึ่ง

ตัวอักษรบนหน้าปกเขียนไว้ว่า “วิชาพลังจิตขั้นพื้นฐาน”

“นี่คือตำราเรียนวิชาพลังจิตขั้นพื้นฐานของสถานศึกษากระบี่หลวงงั้นหรือ?”

หลิงเฉินตอบว่า “ท่านรับไปเถอะ มันไม่ใช่วิชาที่เป็นความลับอะไร เมื่อท่านลองอ่านดูหลายๆ รอบ เดี๋ยวก็เข้าใจได้ไม่ยาก วันพรุ่งนี้เมื่อเรากลับมาถึงที่พักแล้ว ข้าจะมาสอนท่านเองว่าต้องฝึกฝนอย่างไรบ้าง”

“ขอบใจเจ้ามาก”

หลินเป่ยเฉินรับตำราพลังจิตขั้นพื้นฐานมาโดยไม่อิดออด

พริบตาต่อมา อาจารย์หญิงวัยชราผู้เป็นหัวหน้าคณะอาจารย์จากสถานศึกษากระบี่หลวงก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง นางจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร ก่อนจะลากหลิงเฉินเดินจากไป

ขอบคุณคุณป้านางฟ้ามากมายขอรับ

หลินเป่ยเฉินนึกขอบคุณอาจารย์หญิงท่านนี้ที่ช่วยเขาไว้จากกรงเล็บปีศาจของหลิงเฉิน

เมื่อกลับเข้ามาในกระโจมแล้ว เด็กหนุ่มก็เริ่มเปิดตำราอ่านดูอย่างละเอียดโดยทันที