ตอนที่ 124 พาเจ้าออกไป

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

อวิ๋นเจี่ยวและหัวหน้าห้องถูกขังไว้ในคุกที่มืดสนิท อาจเนื่องจากเป็นสถานที่กักขังวิญญาณโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงไม่อาจให้วิญญาณสบายเกินไปได้ พลังวิญญาณรอบข้างน้อยลงอย่างมาก เพียงแต่ภายในคุกเต็มไปด้วยข่ายพลัง 

 

 

เจียวเหิงอีรู้สึกผิดอย่างมาก เขาหันไปมองอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้าง “ข้าทำให้สหายอวิ๋นเดือดร้อน” หากไม่ใช่เขาทุบขวดเหล่านั้นแตก ก็จะไม่ดึงดูดยมทูต อารมณ์เพียงชั่ววูบของเขาทำให้พวกเขาถูกจับ 

 

 

“ช่างเถอะท่านก็ไม่ได้ทำผิด ขวดเหล่านั้นควรจะทุบทิ้งอยู่แล้ว” อวิ๋นเจี่ยวพูดอย่างไม่ใส่ใจ ถึงแม้จะมีวิธีในการทำลายขวดเหล่านั้น แต่เหล่าคนในเมืองทางตะวันตกรอไม่ไหว ดังนั้นนางจึงไม่ได้ห้ามหัวหน้าห้อง 

 

 

เจียวเหิงอีตื้นตัน ทันใดนั้นรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว มีความรู้สึกอยากร้องไห้ออกมา ช่างเป็นสหายที่ดีอะไรเยี่ยงนี้เขาสูดจมูก ก่อนจะตั้งสติ “เช่นนั้นตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไร” 

 

 

“หาทางกลับโลกมนุษย์ก่อน” พวกนางเป็นมนุษย์ ไม่อาจอยู่ในยมโลกได้นาน 

 

 

“แต่ว่าที่นี่เป็นคุกของยมโลก ข่ายพลังรอบด้านก็มีมาก พวกเรายังถูกคำสาปต้องห้าม แม้แต่จะขยับยัง…เอ๊ะ? เอ๋!” เขาพูดยังไม่ทันจบ แต่กลับเห็นอวิ๋นเจี่ยวลุกขึ้นยืน คำสาปต้องห้ามที่สว่างอยู่บนหน้าผากของนางเมื่อสักครู่ดับไปแล้ว “ท่าน…ท่าน…ท่านขยับได้ไง” 

 

 

หัวหน้าห้องเจียวตกตะลึง 

 

 

“อืม?” กลับเป็นอวิ๋นเจี่ยวมองเขาด้วยสายตาประหลาด “นี่เป็นคำสาปสะกดวิญญาณ พวกเราไม่ใช่วิญญาณ ก็ต้องขยับได้สิ” 

 

 

“เอ๊ะ?” หัวหน้าห้องเจียวผงะ พูดได้มีเหตุผล แต่ว่า “ทำไมข้าขยับไม่ได้!” 

 

 

“อ่อ!” อวิ๋นเจี่ยวเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ดึงยันต์สีเหลืองออกจากหลังของเขา “เมื่อกี้ข้ากลัวท่านหลุด จึงติดยันต์สะกดร่างไว้บนหลังท่าน” 

 

 

หัวหน้าห้องเจียว “…” 

 

 

รู้สึกเหมือนโดนดูถูก 

 

 

เมื่อไม่มียันต์สะกดร่าง เจียวเหิงอีจึงลองขยับดู และเห็นคำสาปต้องห้ามบนหน้าผากหายไป เขาลุกขึ้นยืน พบว่าอวิ๋นเจี่ยวกำลังศึกษาข่ายพลังบนประตูคุก เขามองดูทีหนึ่ง แต่ดูไม่ออกแม้แต่น้อยจึงถามขึ้น 

 

 

“เป็นอย่างไรบ้างสหายอวิ๋น นี่คือข่ายพลังที่ขังวิญญาณเหมือนกันหรือไม่” แบบที่คนเป็นสามารถออกไปได้ 

 

 

“ไม่ง่ายขนาดนั้น!” อวิ๋นเจี่ยวมองเขาอย่างไร้คำพูด พวกท่านลอกการบ้านจนเคยชินแล้วสินะ เมื่อเห็นข้อสอบใหม่ก็คิดจะลอกคำตอบ “ข่ายพลังนี้ถึงแม้จะสร้างจากพลังวิญญาณ แต่มันก็เป็นข่ายพลัง ไม่ว่าคนหรือผีก็ออกไปไม่ได้หากไม่กำจัดทิ้ง” 

 

 

“อ่อ” เจียวเหิงอีพยักหน้า มองไปยังข้างหน้า แต่ก็เห็นเพียงความมืดมิด ตอนที่พวกเขาถูกจับเข้ามานั้นมองเห็นมีห้องขังจำนวนมาก แต่เมื่อมองจากด้านใน กลับไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด อาจเป็นสาเหตุมาจากข่ายพลัง 

 

 

“นี่น่าจะเป็นข่ายพลังสองชั้น กั้นระหว่างห้องขังกับด้านนอกออกจากกัน” อวิ๋นเจี่ยวดูอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้น “ดังนั้นออกได้เพียงทางเดียว แต่ว่าข่ายพลังสองชั้นอย่างน้อยต้องมีตาของข่ายพลังสองตา ที่นี่กลับหาไม่เจอ ดูท่าจะมีข่ายพลังที่ซ่อนเอาไว้อยู่แถวนี้ หัวหน้าห้องท่านลองหาดู!” 

 

 

“ได้!” เจียวเหิงอีพยักหน้ารับทันที เขาควานหาตามกำแพง เมื่อคลำไปถึงกำแพงมุมขวาสุด สีหน้าของเขาก็ปรากฏความดีใจ “หาเจอแล้ว! ที่นี่มีการเคลื่อนไหวของข่ายพลัง” พูดจบก็เสกคาถา ทำลายการปิดบังด้านบน ก่อนจะเห็นข่ายพลังอันหนึ่งโผล่ออกมา 

 

 

“ข้านับสามสองหนึ่ง พวกเราทำลายข่ายพลังพร้อมกัน จากนั้นท่านทำลายตาของข่ายพลังด้านล่างทันที!” อวิ๋นเจี่ยวกำชับ จากนั้นตะโกนขึ้น “สาม สอง หนึ่ง…ทำลาย!” 

 

 

นาทีถัดมาข่ายพลังตรงหน้าของทั้งสองคนดับลงไปพร้อมกัน เพียงแต่ตรงหน้าของอวิ๋นเจี่ยวกลับปรากฏข่ายพลังอีกอันขึ้นมา ส่วนเจียวเหิงอีเห็นตาของข่ายพลังที่ซ่อนเอาไว้ด้านล่าง เขาไม่ได้ลังเล ส่งหมัดออกไป ทำลายตาของข่ายพลังด้านล่างทิ้ง ข่ายพลังสองชั้นตรงหน้าของอวิ๋นเจี่ยวก็ดับลง 

 

 

ประตูคุกที่ปิดสนิทนั้นเปิดออกในทันใด 

 

 

“เปิดแล้ว!” เจียวเหิงอีดีใจ มีสหายอวิ๋นอยู่ ไม่มีข่ายพลังที่กำจัดไม่ได้ “สหายอวิ๋น ตอนนี้พวกเราไปทางไหน” 

 

 

“ออกจากคุกก่อน” อวิ๋นเจี่ยวเดินออกไปทางด้านนอก “หากไม่เคลื่อนไหวเสียงดังเกินไป ยมทูตหน้าประตูยังรับมือได้ง่าย ขอแค่ไม่เจอชายหนุ่มที่แซ่สี…” 

 

 

พูดพลางก้าวขาออกไป ภาพตรงหน้ากลายเป็นห้องขังจำนวนมากมาย อีกทั้งคนที่พิงอยู่ที่หน้าห้องขังตรงข้าม ชายหนุ่มในชุดเขียวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์… 

 

 

อวิ๋นเจี่ยว“…” 

 

 

เจียวเหิงอี“…” 

 

 

“ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะมีความสามารถอยู่บ้าง!” สีเถิงหัวเราะเสียงเบา 

 

 

ทั้งสองคนตัวแข็งทื่อ เจียวเหิงอีสีหน้าซีดเผือด แต่อวิ๋นเจี่ยวนั้นยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึม นางก้าวเท้าขวาถอยหลังไปหนึ่งก้าว เดินกลับห้องขังอย่างจริงจัง จากนั้นปิดประตูห้องขัง! 

 

 

เจียวเหิงอี“…” 

 

 

สีเถิง“…” 

 

 

คิดว่าเขาตาบอดหรือไง ถอยหลังกลับห้องขังตอนนี้ยังมีประโยชน์! 

 

 

(‵o′)凸 

 

 

“พวกเจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้!” สีเถิงดึงประตูห้องขังออกแล้วบุกเข้าไป เมื่อเขาสัมผัสกับน้ำหนักของทั้งสองคนก็ตกตะลึง แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนจะพูดขึ้น “พวกเจ้าพึ่งตายใช่ไหม! ทำไมวิญญาณหนักเช่นนี้” 

 

 

เขาหิ้วทั้งสองคนออกมาจากห้องขัง เดินไปราวสิบกว่าเมตรถึงปล่อยออก เห็นพวกเขาถอยห่างไปหนึ่งก้าว จึงถลึงตาใส่ “กลัวอะไร ข้ามาพาพวกเจ้าออกไป!” 

 

 

ทั้งสองคนผงะ โดยเฉพาะเจียวเหิงอี เขาเบิกตาโตอย่างตะลึง สีหน้าราวกับกำลังมองคนบ้า “ท่าน…ท่านจะปล่อยพวกข้า?” 

 

 

“อืม” เขาพยักหน้า สีหน้าอารมณ์ดี ราวกับต้องการบอกให้พวกเขาเชื่อฟัง 

 

 

“เพราะอะไร” พวกนางถูกจับเพราะเขา ตอนนี้เขาต้องการอะไร 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้างนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะพูดขึ้น “เพราะว่าขวดหยกพวกนั้น” 

 

 

สีเถิงขมวดคิ้วในทันใด ทำให้หน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเขาดูน่ากลัวยิ่งขึ้น เขาส่งเสียงเย็นในลำคอทีหนึ่งพร้อมพยักหน้า “ใช่…ข้าไม่ชอบขวดหยกพวกนั้นมานานแล้ว ในฐานะที่พวกเจ้าช่วยข้า วันนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป” 

 

 

“ขวดพวกนั้นใครเป็นคนวาง” อวิ๋นเจี่ยวถามขึ้น 

 

 

สีเถิงขมวดคิ้วหนักมากขึ้น สีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะถลึงตาดุใส่นาง “เจ้าเป็นแค่ผีใหม่จะสนใจมากขนาดนั้นทำไม รู้มากเกินไป ระวังวิญญาณสลาย” พูดจบพลางเร่งเร้า “รีบตามมา ช้าข้าไม่รอนะ” 

 

 

เขาหันหลังเดินไปทางข้างหน้าทันที ทั้งสองจึงเดินตามขึ้นไป ช่างเถอะหาวิธีออกจากคุกก่อนแล้วกัน 

 

 

พื้นที่ในคุกมีความซับซ้อน มีคนช่วยเหลือยังดีกว่าพวกนางคลำหาทางกันเอง ตอนแรกอวิ๋นเจี่ยวและเจียวเหิงอีต่างคิดเช่นนั้น จนกระทั่ง… 

 

 

“ทางนี้พวกเราเดินผ่านมาแล้วหรือเปล่า” 

 

 

“ทางสามแยกนี้ ข้าเจอเป็นครั้งที่สี่แล้ว” 

 

 

“สัญลักษณ์นี้พวกเราเพิ่งทำไปเมื่อกี้ ทำไมวนกลับมาอีกแล้ว” 

 

 

“ไม่ใช่ นั่นเป็นทางกลับไป พวกเราเดินทางนี้ทำไม” 

 

 

“เดี๋ยว! นี่ไม่ใช่ห้องขังที่ขังพวกเราหรือไง!” 

 

 

“…” ทั้งสองคนทนไม่ไหว มองไปยังชายหนุ่มที่พาพวกนางเดินวนอยู่ในคุกครึ่งชั่วยาม 

 

 

“ท่านสหาย…ผี?” เจียวเหิงอีออกเสียงเรียก นี่วนมาครึ่งชั่วยามแล้วยังอยู่ในคุกอยู่เลย หากจำไม่ผิด ตอนที่พวกเขาเข้ามาเดินแค่ไม่ถึงสิบนาที อีกทั้งยังรวมเวลาที่เข้าเมืองด้วย “ท่านบอกมา ท่านไม่รู้จักทางใช่หรือไม่” 

 

 

“เหลวไหล!” สีเถิงหน้าแดงเถือก แต่ก็ยังคงปากแข็ง “ข้าจะไม่รู้จักทางได้อย่างไร เพียงแต่…เพียงแต่…คุกนี้ซับซ้อนเกินไป อืม ซับซ้อนเกินไป” 

 

 

“…” แต่ง ท่านแต่งต่อ! 

 

 

“ช่างเถอะ! ข้าไม่อยากเดินแล้ว!”อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ นางหมดแรงแล้ว “พวกเรารออยู่ที่นี่เถอะ!” 

 

 

“รออะไร” หัวหน้าห้องถาม 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างจริงจัง “รอเวลามื้อเย็น” 

 

 

เจียวเหิงอี“…” 

 

 

สีเถิง“…” 

 

 

อะไรกัน?