ตอนที่ 123 สร้างกับดัก

ปฏิญญาค่าแค้น

หญิงชราค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง นางมีสีหน้าหม่นหมอง ริมฝีกำลังสั่นระริก แสดงให้เห็นถึงอารมณ์โกรธเกรี้ยวและเสียใจที่ไม่อาจพูดออกมาได้ 

 

 

นางอวี๋กล่าวปลอบใจ “เหล่าไท่ไท นางติงผู้นั้นไร้มารยาท ท่านอย่าเก็บคนประเภทนี้มาเป็นอารมณ์เลยนะเจ้าคะ” 

 

 

หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เป็นเพราะเราทำเรื่องน่าละอายใจกับคนของตระกูลเขาด้วยเช่นกัน ทว่านิสัยใจคอของนางก็วู่วามเกินไป” 

 

 

“นั่นสิเจ้าคะ พูดจาอย่างกับประทัดที่ถูกจุด เสียงโวกเวกโวยวาย ไม่ให้โอกาสเราได้อธิบายบ้างเลย นี่หรือคือนิสัยและสิ่งที่นายหญิงซึ่งเป็นผู้ดูแลบ้านเขาทำกัน…” นางอวี๋กล่าวด้วยความขุ่นเคือง 

 

 

หญิงชราลืมตาทั้งสองข้าง ดวงตาที่พร่ามัวของนางมองไปยังหลินหลันก่อนจะยกมือขึ้นกวักเรียก หลินหลันจึงรีบเข้าไปเบื้องหน้าทันทีพร้อมกับเอ่ยเรียกเสียงบางเบา “ท่านย่าเจ้าคะ…” 

 

 

“กฎระเบียบที่ย่ากำหนดให้พวกเจ้า เจ้ารู้สึกไม่พึงพอใจหรือไม่” แม้ว่าหญิงชราจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทว่าประโยคคำถามดังกล่าวกลับมีน้ำหนักอยู่ไม่น้อย 

 

 

หลินหลันกล่าวภายใต้รอยยิ้มจางๆ “จะได้อย่างไรกันเจ้าคะ หลานรู้ดีว่าท่านย่ามีเจตนาดีเจ้าค่ะ” 

 

 

หญิงชราถอดถอนหายใจราวกับรู้สึกโล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย “เจ้าเป็นผู้ที่ช่วยเบาแรงได้ไม่น้อยเลย เจ้าออกไปก่อนเถอะ! แล้วเรียกแม่สามีเจ้าเข้ามาทีสิ” 

 

 

“เจ้าค่ะ…เพียงแต่ท่านย่าอย่าได้โมโหขึ้นมาอีกเลยนะเจ้าคะ สุขภาพของตนเองเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเจ้าค่ะ” หลินหลันกล่าวโน้มน้าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลังจากนั้นจึงพาหยินหลิ่วออกไป 

 

 

“ข้าว่าหลินหลันไม่เลวเลยจริงๆ แม้ว่าภูมิหลังจะไม่ดีเลิศแต่กลับรู้จักมารยาทเป็นอย่างดี มีความรู้ความสามารถแล้วยังมีน้ำใจอีกด้วย” นางอวี๋กล่าวเชยชม ครั้งก่อนนางเพียงแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย ทว่าในวันนั้นหลินหลันก็ทำหมอนหนุนไส้ใบชาส่งมาให้นาง วันนี้ช่วงเช้าตรู่ก็มาช่วยบีบนวดให้นาง พอนวดเรียบร้อยแล้วถึงไปฉิ่งอานแม่สามีของตนเอง นางอวี๋จึงมีความรู้สึกที่ดีต่อหลินหลันมากยิ่งขึ้น 

 

 

หญิงชรากล่าวระบายความในใจ “นั่นเป็นเพราะตัวหมิงอวินเองที่มีอนาคตยาวไกลได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของผู้อื่น ทว่าหมิงเจ๋อแตกต่างออกไป” 

 

 

แม่มดชรายังคงรอปรนนิบัติอยู่ด้านนอก หลินหลันเดินเข้าไปหาแล้วคาราวะให้แด่นาง “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านย่าเชิญท่านเข้าไปด้านในเจ้าค่ะ” 

 

 

นางฮานชายตามองหลินหลันด้วยสีหน้าเรียบเฉย หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปโดยไม่พูดไม่จา 

 

 

หลินหลันไม่ได้เดินออกไปไกลแต่อย่างใด โดยอยู่แถวๆ บริเวณโถงจาวฮุยเพราะเกรงว่าเกิดหญิงชราเป็นลมขึ้นมาอีก นางจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงวิ่งไปวิ่งมา 

 

 

ไม่นานนัก นางก็เห็นพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายและหมิงอวินที่กลับมาอย่างเร่งรีบ 

 

 

“หลินหลัน เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ตรงนี้” หลี่หมิงอวินเห็นหลินหลันยืนอยู่นอกบ้าน เลยคิดว่านางถูกลงโทษเข้าแล้วจึงรีบเข้ามาหา 

 

 

หลินหลันคาราวะให้พ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายเป็นอันดับแรกแล้วเอ่ยออกไป “เมื่อครู่เหล่าไท่ไทเป็นลมเจ้าค่ะ ทว่าตอนนี้ได้สติแล้วและกำลังพูดคุยอยู่ด้านในกับท่านแม่และท่านป้า ลูกเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดกับท่านย่าขึ้นมาอีก จึงตั้งใจเดินอยู่แถวนี้เพื่อรอปรนนิบัติเจ้าค่ะ…ค” 

 

 

พ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายเมื่อได้ยินว่าผู้เป็นมารดาเป็นลมล้มพับไป สีหน้าของเขาก็ยิ่งกระวนกระวายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังดีที่ฟื้นขึ้นมาแล้วเขาจึงค่อยๆ รู้สึกเบาใจ “แม่ยายทางตระกูลเกี่ยวดองล่ะ” เขาถูกคนเรียกกลับมาเร่งด่วน โดยเอ่ยว่าแม่ยายตระกูลเกี่ยวดองมาโวยวายถึงหน้าบ้าน 

 

 

หลินหลันกล่าวอย่างนอบน้อม “กลับไปแล้วเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ก็ถูกพาไปด้วยเช่นกันเจ้าค่ะ” 

 

 

พ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายถึงกับหน้าดำคร่ำเครียด “เจ้าอย่ามัวยืนอยู่ตรงนี้เลย ไปนั่งรอที่ห้องข้างๆ เถอะ” เขาเดินเข้าไปด้านในลำพังทันทีที่เอ่ยจบ 

 

 

หลี่หมิงอวินขมวดคิ้วภายใต้ท่าทีราวกับกำลังพูดจากับตนเอง “เหตุใดข่าวคราวถึงได้ไปถึงตระกูลติงไวป่านนี้” 

 

 

หลินหลันกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและไม่เอื้อนเอ่ยใดๆ แน่นอนว่าเป็นฝีมือภรรยาของเจ้าอย่างข้าผู้นี่ยังไงล่ะ!  

 

 

“ไม่มีความลับใดที่จะเป็นนิจนิรันดร์ไปได้หรอก!” หลินหลันกล่าวขึ้นลอยๆ 

 

 

หลี่หมิงอวินครุ่นคิดและรู้สึกเห็นด้วยอย่างยิ่ง “ไปเถอะ! เราไปนั่งรอในห้องด้านข้างกันก่อน” 

 

 

นางฮานเมื่อเห็นผู้เป็นสามีกลับมาจึงรีบเข้าไปต้อนรับ “ท่านพี่ แม่ยายตระกูลเกี่ยวดองพาหลั้วเหยียนไปแล้วเจ้าคะ อีกทั้งยังทิ้งคำพูดไว้ด้วยว่าต้องการจะหย่าขาด…ท่านว่า ปัญหาใหญ่โตนี้ควรทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ” 

 

 

หลี่จิ้งเสียนรู้สึกเดือดดาลทันทีที่ได้ฟัง หากมิใช่มารดายังคงนอนอยู่ เขาก็คงจะระเบิดอารมณ์เสียตรงนี้เลย “เจ้าถามข้าตอนนี้ว่าควรทำอย่างไรดี แล้วก่อนหน้านี้มัวทำอะไรอยู่หรือ ทั้งๆ ที่บอกแล้วว่าเรื่องนี้อย่าเพิ่งรีบร้อน อย่าเพิ่งรีบร้อน ทว่าพวกเจ้าก็ดื้อดึงต้องการตัดสินใจกันเอง…” หลี่จิ้งเสียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาภายใต้สีหน้าเคร่งขรึม 

 

 

นางฮานเห็นผู้เป็นสามีใส่อารมณ์ฉุนเฉียวมาที่นาง จึงกล่าวออกไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “การให้ปี้หรูเข้ามาในบ้านก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วเช่นกันนะเจ้าคะ จะปล่อยให้นางท้องใหญ่โตแล้วเข้ามาหาเรื่องถึงในบ้านก็คงมิได้ ซึ่งนั่นคงทำให้ใครต่อใครหัวเราะเยาะเอาได้ ทั้งยังได้พูดคุยตกลงกับหลั้วเหยียนไว้แล้วด้วยว่าไว้รอเด็กคลอดออกมาแล้วค่อยหาวิธีกำจัดนางออกไปเสีย…ใครจะรู้ว่าทางตระกูลเกี่ยวดองนั่นจะรับรู้เรื่องเข้าจนได้ ทั้งๆ ที่น้องสั่งให้ปิดปากกันหมดแล้วแท้ๆ …” 

 

 

เรื่องนี้นางอวี๋หาได้มีส่วนรู้เห็นไม่ ตอนนี้จึงไม่กล้าเข้าไปแตะต้องน้องเขยที่กำลังฉุนเฉียว ทำได้เพียงแสร้งเป็นใบ้หูหนวกไปเท่านั้น 

 

 

หญิงชราให้แม่จู้เข้ามาประคองนางลุกขึ้น ระหว่างนั้นแม่จู้ไม่ลืมที่จะช่วยขยับหมอนขนาดใหญ่เพื่อใช้เป็นพนักพิงให้แก่นาง 

 

 

หญิงชรากล่าวขึ้นด้วยความอัดอั้น “เรื่องมันมาถึงขั้นนี่แล้ว มัวโทษกันไปมาแล้วจะได้อะไร ตอนนี้สิ่งที่ควรทำคือคิดหาวิธีว่าควรจัดการอย่างไรถึงจะเหมาะสมต่างหาก” 

 

 

นางฮานกล่าวเสริมทันควัน “นั่นสิเจ้าคะ! ไม่รู้ว่าตระกูลเกี่ยวดองไปได้ยินข่าวลือมาจากแห่งหนใด บอกว่าพวกเรากดขี่หลั้วเหยียน ฟ้าดินเป็นพยานได้ กับลูกสะใภ้คนนี้พวกเราดูแลอย่างดีขนาดที่ว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมก็ว่าได้…ทว่าจะอธิบายอย่างไรตระกูลเกี่ยวดองก็ไม่รับฟังบ้างเลย เอาแต่ถามเรื่องปี้หรูว่าเป็นความจริงหรือไม่ แล้วยังพูดจาด้วยคำพูดไม่ชวนฟังออกมาอีกมากมาย ส่วนหลั้วเหยียนก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้…เฮ้อ! น้องไม่รู้เลยว่าฝั่งแม่สะใภ้จะนิสัยใจคอไม่ดีเช่นนี้ ไม่รู้ว่านางมายืนถึงจุดนี้ได้อย่างไรกัน” 

 

 

หลี่จิ้งเสียนมองไปที่ใบหน้าของผู้เป็นมารดา สะกดกลั้นเพลิงแห่งความเกรี้ยวกราดที่กำลังลุกโหม “หัวเด็ดตีนขาดหรูปี้ก็เข้ามาอยู่ในบ้านหลังมิได้ขอรับ” 

 

 

นางฮานกล่าว “แล้วเกิดนางเอะอะโวยวายขึ้นมาจะทำอย่างไรหรือ คนชั้นต่ำเช่นนี้หาได้มียางอายไม่ นางทำได้ทุกอย่างที่นางต้องการ หากถูกนางทำให้ชื่อเสียงขุนนางของท่านพี่และชื่อเสียงอันดีงามของตระกูลหลี่พวกเราด่างพร้อยไปด้วย…” 

 

 

หลี่จิ้งเสียนสบถฮึ “หมาจะกัดคนทั้งทีมันไม่เห่าหรอก เรื่องเล็กขนาดนี้ยังทำให้ดีไม่ได้ เห็นทีว่าทักษะที่เจ้าฝึกฝนมาหลายปีขนาดนี้คงไร้ประโยชน์เสียแล้ว” 

 

 

นางฮานมีสีหน้าสลด การกำจัดคนชั้นต่ำเช่นนี้มันใช่เรื่องยากเสียที่ไหนกัน แต่ประเด็นสำคัญคือหญิงชราอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นนางจึงไม่กล้าเล่นบทโหดต่อหน้าหญิงชรา 

 

 

“ทว่าเด็กในท้องของนาง…” นางฮานทำทีโต้แย้ง 

 

 

น้ำเสียงของหลี่จิ้งเสียนเย็นชาและแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ “ตระกูลหลี่ของเราไม่ยินดีปรีดากับเด็กที่เกิดจากคนชั้นต่ำประเภทนั้น อีกอย่างหลั้วเหยียนเพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่นาน มิใช่ว่าจะให้กำเนิดบุตรมิได้ไม่ใช่หรือ” 

 

 

หญิงชราซึ่งมีสีหน้าอ่อนเพลียกำลังรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอยู่เล็กน้อย ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหลี่อยู่ดี! เดิมทีอยากจัดการคนให้อยู่หมัดเสียก่อนแล้วค่อยคิดแผนการระยะยาว ทว่าเรื่องราวดันใหญ่โตถึงขั้นนี้ และตระกูลติงก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่า หากไม่จัดการเรื่องของหรูปี้ ก็เป็นอันต้องหย่าขาดกัน…เพื่อสาวใช้เพียงคนเดียว มันช่างไม่คุ้มค่าจริงๆ หากหลั้วเหยียนจากไป หมิงเจ๋อจะไปหาคู่ครองที่ประเสริฐเช่นนี้ได้จากแห่งหนใด 

 

 

“ที่จิ้งเสียนพูดก็มีเหตุผล ชิวเยว่ เจ้าไปบอกปี้หรูผู้นั้นว่าให้นางตัดใจซะ เพราะต่อให้พวกเราให้นางเข้ามาในบ้าน ชีวิตของนางก็ไม่มีทางสงบสุขหรอก หากนางยินยอมแต่โดยดี ตระกูลหลี่เราก็จะไม่ทำให้นางขาดทุนแต่อย่างใด” หญิงชรากล่าวขึ้นอย่างใจเย็นหลังจากได้ลองชั่งใจดู 

 

 

“เจ้าค่ะ…” หรูปี้นางสาวใช้ชั้นต่ำนี่หากขับไล่ไปได้ง่ายดายขนาดนั้น ก็คงขับไล่ไปตั้งนานแล้ว ถูกขายไปแล้วแท้ๆ ยังวนเวียนกลับมาเกาะติดหมิงเจ๋อจนได้ ฮานชิวเยว่รำพึงรำพันในใจ 

 

 

“ในส่วนฝ่ายตระกูลเกี่ยวดองนั่น…จิ้งเสียน ชิวเยว่ ถึงอย่างไรก็เป็นทางเราที่กระทำผิดก่อน พวกเจ้าไปพูดคุยกับเขาดีๆ แล้วพานางกลับมาเถอะ!” 

 

 

หลี่จิ้งเสียนน้อมรับ “ท่านแม่มิต้องกังวลใจไปกับเรื่องนี้นะขอรับ ใส่ใจสุขภาพตนเองให้มากๆ เข้าไว้ เรื่องนี้ลูกทำใจไว้แล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องยอมรับผิดแต่โดยดี ใครใช้ให้บุตรชายของตนเองไม่ได้เรื่องได้ราวล่ะขอรับ!” 

 

 

หลี่จิ้งเสียนจบท้ายด้วยการชายตามองไปยังนางฮาน และกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันแฝงไว้ซึ่งอารมณ์หงุดหงิด “แต่ไหนแต่ไรหมิงอวินก็มิเคยทำเรื่องเหลวไหลประเภทนี้” 

 

 

นางฮานแทบหยุดหายใจเมื่อได้ยินดังกล่าว แต่ก็จนปัญญาที่จะตอบโต้ออกไปจึงทำได้เพียงแอบกัดฟันแน่น หมิงอวินของเจ้าไม่ทำเรื่องเหลวไหลเช่นนั้นหรือ ไว้รอดูให้ดีแล้วกัน 

 

 

วันนี้หญิงชราสิ้นเปลืองพลังงานไปไม่น้อยจึงรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและอ่อนล้า “ออกไปกันได้แล้ว! ฉิ่งอานค่ำคืนนี้ก็ยกเลิกไปก่อนแล้วกัน” นางโบกมือขึ้นอย่างรำคาญ 

 

 

ทั้งสามคนคาราวะแล้วค่อยๆ ถอยออกไป เหลือเพียงแม่จู้ที่คอยอยู่ปรนนิบัติหญิงชรา 

 

 

ทันทีที่หลี่จิ้งเสียนออกพ้นประตูก็กล่าวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ไอ้เด็กไม่รักดีนั่นไปมุดหัวอยู่แห่งหดใด” 

 

 

นางฮานใช้ไวพริบอันว่องไวแล้วกล่าวขึ้น “น้องให้เขาไปตามหลั้วเหยียนเจ้าค่ะ” 

 

 

หลี่จิ้งเสียนยังคงมีสีหน้าแข็งกร้าว “ไอ้ลูกไม่ได้เรื่องได้ราวคนนี้ ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องแล้วยังสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน” 

 

 

นางอวี๋เห็นน้องเขยกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จึงรีบเดินจากไป 

 

 

หยินหลิ่วที่อยู่หน้าประตูซึ่งกำลังชะโงกหน้ามองออกไป เมื่อเห็นนายท่านและนายหญิงของจวนเดินจากไปแล้ว จึงกลับเข้ามารายงาน 

 

 

หลี่หมิงอวินกล่าว “เช่นนั้นเราก็กลับกันเถอะ!” 

 

 

หลินหลันพยักหน้า “ไว้กลับไปข้ายังมีเรื่องต้องพูดคุยกับเจ้า” 

 

 

เมื่อกลับถึงเรือนหลั้วเซี๋ยจาย ทั้งสองคนปิดประตูมิดชิด หลังจากนั้นหลินหลันจึงกล่าวออกมา “เช้าวันนี้ ข้าได้ยินนายซุนผู้ดูแลห้องบัญชีหลุดปากออกมาหนึ่งประโยค ดูเหมือนว่าแม่มดชรากำลังก่อร่างสร้างกิจการใหม่ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสำเร็จแล้วหรือไม่ หากปล่อยให้นางทำสำเร็จ เช่นผลกำไรจากทรัพย์สินทั้งหมดของท่านแม่ของเจ้า…ท่านแม่ของเราก็จะกลายเป็นของของนางไปโดยปริยาย” 

 

 

หลี่หมิงอวินลูบหน้าผากของนางและกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุม “เรื่องนี้ข้ารู้นานแล้ว และหากมิใช่ท่านลุงยับยั้งไว้ แม่มดชราก็คงทำสำเร็จไปนานแล้ว” 

 

 

หลินหลันถอนหายใจเฮือกยาวอย่างโล่งอก “ค่อยยังชั่วๆ ข้ายังเกรงว่าจะไม่ทันการเสียแล้ว เล่นเอาข้าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทั้งวันแหนะ” 

 

 

“ทว่าถึงจะยับยังได้แล้วครั้งหนึ่งก็ใช่ว่าจะยับยังได้ตลอดไป แผนการนี้พังไป ก็ยังมีแผนการอื่น ตอนนี้แม่มดชราใจร้อนอยากจะสร้างกิจการให้เป็นชื่อของหมิงเจ๋อใจจะขาดรอนๆ” หลี่หมิงอวินกล่าวอ่อนใจเบาๆ 

 

 

หลินหลันครุ่นคิดอย่างหนัก “มิเช่นนั้นก็ฉีกหน้ากันไปเลย ด้วยการถามถึงผลกำไรที่ได้ในหลายปีมานี้” 

 

 

หลี่หมิงอวินส่ายหน้า “หากทำเช่นนี้ จะไม่เป็นการประเมินนางต่ำไปหรอกหรือ” 

 

 

หลินหลันรู้สึกกลัดกลุ้ม “เช่นนั้นควรทำอย่างไรกันดี” 

 

 

หลี่หมิงอวินยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อมองดูนางที่กำลังย่นจมูกภายใต้อาการกระสับกระส่าย “ถ้าหากทำให้เงินในมือแม่มดชราขาดทุนจนย่อยยับ หลังจากนั้นเราค่อยทวงเงินจากนาง เจ้าว่านางจะโกรธจนเต้นแรงเต้นกาเลยหรือไม่” 

 

 

นัยน์ตาของหลินหลันเปล่งประกายทันทีที่ได้ยินดังกล่าว ทันใดนั้นคิ้วของนางก็ค่อยๆ คลายออกจากกัน นางเขยิบเข้าไปใกล้พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก “ที่แท้ท่านผู้อาวุโสก็มีแผนการอันล่ำเลิศอยู่สินะ! รีบบอกให้ข้าฟังเร็วเข้า” 

 

 

หลี่หมิงอวินหรี่ตามองนาง “ข้าดูแก่มากหรือไร” 

 

 

หลินหลันหัวเราะแฮะๆ แล้วกล่าวขึ้น “นิดหน่อยน่ะ เมื่อเทียบกับข้าก็แค่นิดหน่อยเท่านั้นแหละ” นางรีบรินน้ำชาให้เขาขณะเอ่ย “ท่านผู้อาวุโสดื่มน้ำชาก่อนนะเจ้าคะ!” 

 

 

หลี่หมิงอวินยิ้มอย่างหมั่นเขี้ยว อดไม่ได้ที่จะส่งมือออกไปบีบจมูกของนาง “เรื่องอื่นตระกูลเยี่ยอาจจะไม่เก่งกาจ แต่หากเป็นเรื่องธุรกิจ ตระกูลเยี่ยยังพอมีกลยุทธ์อยู่บ้าง จะอย่างไรสายเลือดของตระกูลเยี่ยก็ยังคงไหลเวียนในตัวข้าครึ่งหนึ่ง เจ้ารอดูแล้วกัน! แม่มดชราคนประเภทละโมบโลภมากเช่นนี้ต้องติดกับดักอย่างง่ายดายแน่นอน” 

 

 

“นี่! เจ้าอย่ามัวพูดยั่วน้ำลายจะได้หรือไม่ รีบๆ พูดออกมาเสียที เจ้าสร้างกับดักอะไรไว้หรือ” หลินหลันร้อนใจ กล่าวเร่งเร้าด้วยความไม่พอใจ 

 

 

นัยน์ตาของหลี่หมิงอวินฉายความเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างเด่นชัด “พูดไม่ออก บอกไม่ได้!” 

 

 

หลินหลันอยากจะข่วนไปที่ตัวเขาด้วยความร้อนใจ ดวงตาคู่โตจ้องเขม็งและกล่าวข่มขู่ “เจ้าจะพูดหรือไม่” 

 

 

หลี่หมิงอวินหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย ทันใดนั้นเขาก็ดึงหลินหลันที่กำลังร้อนรนใจอย่างผู้พ่ายแพ้เข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วงับเข้าไปที่ติ่งหูของนางก่อนจะกล่าวด้วยเสียงกระซิบ “ข้าจะพูดก็ต่อเมื่อมีรางวัล” 

 

 

หลินหลันออกแรงผลักเขาและแสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวอย่างมาก “รางวัลน่ะไม่มีหรอก แต่บทลงโทษน่ะมีแน่ คืนนี้เจ้าไปนอนบนเตียงเตา [1] แล้วกัน” 

 

 

หลี่หมิงอวินกล่าวภายใต้สีหน้าทุกข์ระทม “ฮูหยินช่างจิตใจโหดเหี้ยมยิ่งนัก” 

 

 

หลินหลันกรอกตามองบนอย่างไม่สนใจใยดีเขา หลี่หมิงอวินจึงได้แต่ยอมสิโรราบแต่โดยดี “ความจริงแล้วมันมิใช่เรื่องยากแต่อย่างใด ตอนนี้ทางด้านมณฑลซานซีกำลังขุดหาถ่านหิน ผู้ร่ำรวยจำนวนมากจากเมืองหลวงต่างก็ร่วมทุนกันเพื่อไปเปิดกิจการเหมืองถ่านหินทางด้านนั้น นี่ถือได้ว่าเป็นกิจการชั้นดีที่ทำเงินได้ในเร็ววัน และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยในเมืองหลวงที่ได้ประโยชน์จากกิจการนี้ แม่มดชรายังจะสามารถอดใจไหวหรือ” 

 

 

หลินหลันกล่าวด้วยความลังเลใจ “ความหมายของเจ้าคือ หลอกแม่มดชราลงทุนหลังจากนั้นก็เอาเหมืองร้างให้นาง?” 

 

 

หลี่หมิงอวินส่ายหน้า “เป็นการทำให้นางคิดว่าคือเหมืองร้างต่างหาก” 

 

 

บนใบหน้าของหลินหลันฉายแสงแห่งความตื่นเต้น “ทำให้แม่มดชราคิดว่าเป็นเหมืองร้าง หลังจากนั้นเจ้าค่อยคิดหาวิธีซื้อเหมืองร้างมาในราคาที่ต่ำมากที่สุด?” 

 

 

หลี่หมิงอวินจิ้มลงไปที่หน้าผากของนางอย่างเบามือ “ซื่อบื้อ…” 

 

 

หลินหลันตะลึงงัน นางซื่อบื้ออย่างไรหรือ 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] เตียงเตา หมายถึงเตียงหรือแท่นที่ก่อด้วยอิฐ ด้านล่างมีปล่องเตาเพื่อจุดให้ความอบอุ่น ด้านบนจะปูด้วยฟูกหรือเบาะรองนั่ง