ตอนที่ 201 รู้สึกเช่นไร? + ตอนที่ 202 เจ้าคิดมากไปแล้ว!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 201 รู้สึกเช่นไร?

นายท่านเหยียนกวาดมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะอุ้มเฟิ่งจิ่วมานั่งลงข้างโต๊ะ สั่งว่า “หยิบยามา”

เห็นเช่นนี้ อิ่งอีจึงจำใจพาหญิงสาวทั้งสองออกไป ขณะเดียวกันก็หยิบยาทาแผลเข้ามาวางลงบนโต๊ะ เห็นนายท่านกอดเด็กหนุ่มนั่งไว้บนตักเช่นนั้น ก็อ้าปากค้าง อยากปริปาก แต่ไม่รู้จะพูดยังไง

เฟิ่งจิ่วตัวแข็งทื่อ ความรู้สึกที่นั่งอยู่บนตักนายท่านเหยียนร่างกายช่างอึดอัดราวนั่งบนกระดานเข็ม แต่กลับกลายเป็นว่าเขาคล้ายจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอะไรเลย ยังคงทำตามใจตัวเอง และไม่รู้สึกถึงอะไรที่ไม่เหมาะสมโดยสิ้นเชิง

“นายท่านเหยียน นี่ บาดแผลแค่นี้ข้าไม่เป็นอะไร ไม่ต้องรบกวนให้ท่านช่วยทายาหรอก ข้ากลับไปก่อนดีกว่านะ” เธอพูดพลางคิดจะลุกยืนขึ้น แต่พอบั้นท้ายเพิ่งพ้นตัก ก็ถูกกดลงไป

“นั่งดีๆ!”

ร่างกายเธอแข็งกระด้าง โดนกดลงกลับมานั่งบนตักเขา ไม่กล้าขยับตัววุ่นวาย

อิ่งอีเห็นเช่นนี้ ทำได้เพียงเดินถอนใจออกไปเบาๆ มาเฝ้ายังนอกประตูห้อง ไม่ต้องบอกก็รู้ ดูท่านายท่านจะก้าวจมโคลนลึกเสียจนกู่ไม่กลับแล้ว

“อิ่งอี? ทำไมข้าเห็นหญิงสาวสองนางนั้นร้องไห้กลับไปแล้วล่ะ? เกิดอะไรขึ้น? นายท่านไม่ให้พวกนางปรนนิบัติรึ?” ฮุยหลางเดินเข้ามา เห็นอิ่งอีเฝ้าอยู่หน้าประตู จึงเข้าไปด้วยความสงสัยอย่างอดไม่ได้

“เจ้ามาได้ยังไง?” อิ่งอีขวางอยู่ตรงทางเข้า ชำเลืองมองด้านในแวบหนึ่ง แล้วเดินหน้ารั้งคนเอาไว้ ไม่อยากให้เขาเห็นนายท่านกำลังกอดเด็กหนุ่มทายาอยู่ด้านใน!

“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าขวางข้าทำไม?”

ฮุยหลางไม่รู้เรื่องรู้ราว เห็นประตูห้องไม่ได้ปิด จึงชะโงกหัวมองไปด้านใน กลับเห็นอิ่งอียังขวางอยู่เบื้องหน้า อดไม่ได้ที่จะโมโห ยื่นมือดึงคนออกไป “ทำอะไรเนี่ย?”

ทว่า เมื่อเห็นภาพด้านในนั้น ขาก็อ่อนระทวย แทบจะทรุดลงไปนั่ง

“ข้า ข้าตาฝาดไปกระมัง? นายท่านกอด กอดเจ้าเด็กนั่นอยู่รึ?” มือหนึ่งเขาดึงเสื้ออิ่งอี ตะลึงเสียจนดวงตาเบิกโพลง

อิ่งอีลากเขามายังมุมหนึ่งด้านนอก เพื่อไม่ให้นายท่านด้านในได้ยินคำพูดเข้า เอ่ยว่า “เจ้าเห็นแล้วก็ทำเป็นไม่เห็นเถอะ มาทางไหนกลับไปทางนั้น ตอนนี้นายท่านไม่ว่างพบเจ้าหรอก”

“ไม่ใช่ว่าพวกเขา…”

“อย่าถามข้าเลย ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น” อิ่งอีพูดพลางเม้มริมฝีปาก กลับไปเฝ้าตรงประตูห้องทั้งสีหน้ามัวหมอง

ในห้อง เฟิ่งจิ่วมองฝีมือการพันแผลที่ดูไม่ได้ยิ่งนักบริเวณแขนเล็ก มุมปากกระตุกอย่างกลั้นไม่อยู่ หันหน้าไปเล็กน้อย เห็นนายท่านเหยียนที่ไม่สวมหน้ากากในระยะใกล้เช่นนี้ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าน่าจะเคยเห็นจริงๆ

“นายท่านเหยียน เราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่?”

ได้ยินคำพูดนี้ นายท่านเหยียนถึงจะนึกขึ้นได้ว่าหลังอาบน้ำยังไม่ได้สวมหน้ากาก ดวงตาที่หรี่ลงฉายประกายน้อยๆ เขาชายตาขึ้นมอง มือที่กำลังโอบเอวนางก็ไม่คิดจะดึงกลับ แต่เบี่ยงเบนความสนใจไป ถามว่า “ของบนหน้าเจ้าคิดจะพอกไว้นานแค่ไหน?”

“หา?”

เฟิ่งจิ่วอึ้งไปสักพัก นึกถึงใบหน้าที่ฉาบยาทาสีเขียวปนดำไว้ ก็ฉีกยิ้มกว้าง “อีกสองสามวันก็คงได้แล้วล่ะ”

อีกไม่กี่วัน ใบหน้าอันงดงามของเธอจะคืนสภาพ คิดๆ แล้วก็ตื่นเต้น

มองดวงตานางโค้งยิ้มขึ้นมา กลิ่นหอมยาจางๆ บนตัวลอยมาแตะจมูก หญิงสาวอบอุ่นอ่อนโยนอยู่ในอ้อมกอด สายตาเขาค่อยๆ พร่ามัว เลือดลมในลำคอขึ้นลงมนุนตลบ เพียงรู้สึกว่าในร่างมีเปลวไฟลุกโชน

กับใครๆ ล้วนไม่เคยรู้สึก กับนางคนเดียว ถึงมีแรงกระตุ้นที่ไม่อาจเข้าใจ

ใจเต้นตึกตักคือความรู้สึกเช่นไร เขาอาจจะรู้แล้ว…

เห็นเขายังกอดเธอโดยไม่คิดจะปล่อยมือเลยจริงๆ สายตาเฟิ่งจิ่วจึงหันไปมอง มุมปากยกขึ้นยิ้มชั่วร้าย เอ่ยถามอย่างมีความหยอกล้อ “นายท่านเหยียน กอดข้าแล้วรู้สึกเช่นไรเล่า?”

…………………………

ตอนที่ 202 เจ้าคิดมากไปแล้ว!

แววตานายท่านเหยียนที่ฝ้าฟางจับจ้องบนริมฝีปากแดงอ่อนนุ่ม เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายที่ผลิบานริมฝีปากฉ่ำน้ำ หัวใจก็ปั่นป่วนอย่างอดไม่ได้

เขาเห็นท่าทางหยอกล้อของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเล็กน้อยที่มีความแหบแห้ง “รู้สึกไม่อยากปล่อยมือเลย”

ได้ยินคำพูดนี้ ทำให้เฟิ่งจิ่วที่เดิมทีแค่อยากล้อเขาเล่นกระตุกมุมปาก เห็นใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ร่างกายผละออกจากมือเขาสะดุ้งขึ้นมาทันที ถอยห่างจากข้างกายมาจ้องมองเขาอย่างระแวดระวัง

“นายท่านเหยียน ข้าไม่ได้ชอบผู้ชาย! ต่อให้ท่านคิดจะทำข้าเสียหายก็ไม่ได้หรอก! ข้ายังเด็กอยู่เลยนะ! อายุเพิ่งสิบห้า เป็นดอกบัวตูมที่กำลังรอวันเบ่งบาน ทนให้ท่านทำเสื่อมเสียไม่ได้หรอก”

ด้านนอกประตู อิ่งอีที่ฟังคำพูดนั้นพยักหน้าทั้งน้ำตาคลอ ในใจแอบคิดว่า ‘ก็ใช่ นายท่าน ต่อให้ท่านชอบผู้ชายด้วยกันก็ไม่อาจเลือกเจ้าเด็กนี่ได้! เขามีอะไรดีตรงไหนกัน? นอกจากความปลิ้นปล้อนพิลึกพิลั่นใบหน้ายังเสียโฉม ถ้าถูกใจเขาจริงๆ ไม่ใช่ท่านหรอกที่ทำเขาเสียหาย แต่เป็นเขาที่ทำท่านเสื่อมเสีย!’

ทว่าหน้าผากนายท่านเหยียนที่ได้ยินคำพูดเฟิ่งจิ่วกลับมีเส้นเลือดสีดำผุดขึ้น

ชอบผู้ชายรึ? ใครบอกว่าเขาชอบผู้ชาย? ผู้หญิงคนนี้ทั้งวันทั้งคืนเอาแต่คิดอะไรเลอะเทอะเช่นนี้รึ?

เห็นสีหน้าตั้งรับและตกใจกลัวของนาง หัวใจที่เดิมยังสั่นไหวเล็กน้อยก็ค่อยๆ สงบลง สีหน้าผ่อนคลาย มองสาวน้อยท่าทางยียวนกวนประสาท น้ำเสียงเย็นชามีการกัดฟันกรอดอยู่บางส่วน

“เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าไม่มีนิสัยแย่ๆ แบบนั้น”

คำพูดนี้ที่กล่าวมา เฟิ่งจิ่วจะเชื่อรึ? แน่นอนว่าคำตอบคือไม่!

ดังนั้น เธอจึงขยับตัวออกไป พลางยิ้มหน้าเหยเก “ที่จริงข้าคิดว่าท่านคงไม่มีนิสัยแย่ๆ อะไรหรอก อิ่งอีก็บอกอยู่ ท่านเป็นบุรุษที่ไม่ได้มีดีแค่ภายนอกแน่นอน ไม่งั้นคงไม่พาสาวงามเข้ามาให้ท่านทีเดียวสองนางหรอก ใช่ไหมล่ะ?”

ฟังคำพูดนี้ อิ่งอีหน้าประตูก็น้ำตานองหน้า ‘ข้าว่าพ่อทูนหัวพูดอะไรอย่าถือโอกาสเอี่ยวข้าไปด้วยได้หรือไม่เล่า?’

นายท่านเหยียนนั่งนิ่งไม่ไหวติง นิ้วมือเคาะโต๊ะเบาๆ เป็นระยะๆ เห็นว่าหลังจากสาวน้อยขยับก้าวเล็กถึงบริเวณประตู ก็สับขาวิ่งออกไป

“เวลาก็มืดค่ำแล้ว ข้าจะไม่รบกวนนายท่านเหยียนพักผ่อน”

พอพูดออกมา คนก็หายไปไร้ร่องรอย

“อิ่งอี”

ได้ยินนายท่านในห้องกำลังเรียกเขา อิ่งอีจึงเดินเข้ามาทั้งหนังศีรษะหนักอึ้ง “นาย นายท่าน”

“เจ้าบอกนาง ว่าข้าให้พาหญิงสาวสองคนนั้นเข้ามาปรนนิบัติรึ?” สายตาเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มจับจ้องบนร่างอิ่งอี มองเสียจนเขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาเลย

“ข้าน้อย ข้าน้อยพบภูตหมอที่ข้างๆ ศาลา เขาเอ่ยถาม ข้าน้อยจึง จึง…” หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่เท่าลูกปัดไหลออกจากหน้าผาก คำพูดล้วนยากจะบอก

“เจ้าอาจจะอยากไปอยู่หอสายลมหนาวสักสองสามวันกระมัง?”

ได้ยินเช่นนี้ อิ่งอีสีหน้าขาวซีด คุกเข่าลงไปดังตุบ “ขออภัยนายท่าน ข้าน้อย ข้าน้อยจะไม่มีครั้งต่อไปแน่นอนขอรับ!”

“ออกไปซะ! หากมีครั้งหน้า ข้าจะไม่ปรานีเจ้า!” เขาโบกมือให้สัญญาณเขาถอยไป

หลังจากรอเขาถอยไป นึกถึงท่าทางผู้หญิงคนนั้นที่หลบเลี่ยงเขาราวกับงูพิษ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น ลูบๆ คางตัวเอง แอบคิดว่า ‘หรือว่าท่าทีข้ายังไม่เข้าตานาง?’

คงเป็นไปไม่ได้ เขามั่นใจในรูปลักษณ์ตัวเองยิ่งนัก แต่ว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมสาวน้อยคนนั้นกลับไม่อ้าแขนรับไว้?

หรือว่า เขาต้องเรียนรู้จากผู้หญิงพวกนั้น แล้วลองใช้แผนหนุ่มรูปงาม?

………………………………