ตอนที่ 72 ยัดเยียดให้ผู้อื่น
เมื่อได้ฟังสาวใช้คนสนิทของอันหลิงเฉว่เล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าก็เคร่งขรึมโดยพลัน
“สะใภ้หลี่ผู้นี้ร้ายกาจนัก”
นางตบฝ่ามือไปบนโต๊ะหนึ่งที แม้ฝ่ามือสั่นสะท้านแต่นางมิรู้สึกอันใด เนื่องจากเทียบมิได้กับความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในใจตอนนี้
“เป็นแค่อี๋เหนียงยังกล้ายุ่งเรื่องสมรสของบุตรีภริยาเอก ช่างมิรู้จักประมาณตนว่าอยู่ในฐานะใด”
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวออกมาอย่างเกลียดชัง นัยน์ตาฉายชัดถึงความรังเกียจ
อันหลิงเฉว่ยังมีความอ่อนแออยู่ พอได้ฟังฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวเยี่ยงนั้นก็แสร้งร้องห้ามฮูหยินผู้เฒ่า
“ท่านย่าอย่าโทษหลี่อี๋เหนียงเลยเจ้าค่ะ นางทำเยี่ยงนั้นเพราะหวังดีต่อหลาน”
แม้อันหลิงเฉว่กล่าวออกมาเยี่ยงนั้น ดวงตาทั้งสองข้างก็คลอไปด้วยน้ำใส มองแล้วน่าสงสารจับใจ
“ท่านพ่อเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา การแต่งเข้าตระกูลพ่อค้าถือเป็นความโชคดีอย่างมากของเฉว่เอ๋อแล้วเจ้าค่ะ”
น้ำตาของอันหลิงเฉว่ไหลออกมามิหยุด ฮูหยินผู้เฒ่ารู้นิสัยของหลานสาวดีว่าทั้งเฉลียวฉลาดและเย่อหยิ่ง นางจักชอบพ่อค้าที่ทั้งกายมีกลิ่นเหม็นของเหรียญทองแดงได้เยี่ยงไร ?
เห็นได้ชัดว่าคำกล่าวเหล่านี้เป็นของหลี่ซื่อจนเป็นเหตุให้นางเสียใจจนคิดมิตกเกือบสิ้นชีพไปแล้ว
“นั่นเป็นคำกล่าวเหลวไหลของสะใภ้หลี่ที่ตั้งใจหลอกล่อเจ้า เฉว่เอ๋ออย่าเก็บมาคิดเลย”
ฮูหยินผู้เฒ่าใช้มือตบไปที่หลังมือของนางเบาๆ แล้วกล่าวปลอบใจ
“เฉว่เอ๋อทั้งฉลาด คล่องแคล่ว รูปโฉมงดงาม มีพรสวรรค์และศีลธรรม อีกทั้งยังเป็นหลานสาวของย่า เจ้าสมบูรณ์แบบเพียงนี้แล้วจักแต่งกับพ่อค้าได้อย่างไร เจ้ามิต้องกังวลเรื่องการสมรสหรอก ย่าจักเลือกให้เจ้าด้วยตนเอง “
“ท่านย่ารักเฉว่เอ๋อที่สุดแล้ว”
อันหลิงเฉว่ยกยิ้ม นางโผเข้ากอดแขนของฮูหยินผู้เฒ่าพร้อมซบศีรษะลงไปอย่างออดอ้อน
“หากเฉว่เอ๋อมิมีท่านย่า ก็มิรู้ว่าจักทำเยี่ยงไรเจ้าค่ะ”
นางก้มศีรษะลงเล็กน้อย ในดวงตาแฝงความเศร้าใจ เป็นเหตุให้คนมองพลอยเศร้าตามไปด้วย
ทว่าภายในใจของอันหลิงเฉว่มิได้เป็นเยี่ยงนั้นเพราะนางรู้สึกสาแก่ใจ หลี่อี๋เหนียงกล้าหลอกล่อนางอย่างแยบยลก็สมควรที่ต่อจากนี้จักโดนท่านย่ารังเกียจ
เป็นดั่งที่อันหลิงเฉว่คาดคิดไว้ทั้งหมดเพราะหลังจากฮูหยินผู้เฒ่าออกจากเรือนของนางไปก็มิได้กลับเรือน ทว่าไปที่เรือนของหลี่ซื่อทันที
“ท่านแม่มาได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ? “
หลี่ซื่อเอ่ยถามอย่างสงสัยที่ได้เห็นฮูหยินผู้เฒ่ามาเหยียบเรือนของตน และด้วยสัญชาตญาณของนางก็รู้สึกได้ว่าที่ฮูหยินผู้เฒ่ามาต้องมิใช่เรื่องดี
ทว่าใบหน้าของหลี่ซื่อยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มและแอบลอบสังเกตท่าทีของฮูหยินผู้เฒ่าอยู่เช่นกัน
ฮูหยินผู้เฒ่ามิสนใจรอยยิ้มเสแสร้งนั้นเลย นางใช้สายตากวาดมองเรือนนี้แล้วถามออกไป
“เหตุใดข้ามิเห็นอีเอ๋ออยู่ที่นี่ ? “
“วันนี้อีเอ๋อตกน้ำจึงทำให้ร่างกายของนางอ่อนแอเจ้าค่ะ ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ในเรือน”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้ารับ
“ความจริงการที่อีเอ๋อตกน้ำก็เป็นเพราะนิสัยของนางเอง นางทะเลาะกับเหมิงเอ๋อและยังคิดลงไม้ลงมือจนตกน้ำไปทั้งสองคน”
หลี่ซื่อฟังคำฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้สึกมิพอใจ รอยยิ้มบนใบหน้าก็เหือดหายไป
“อีเอ๋อรู้ความมาโดยตลอด ในวันนี้อาจมีเรื่องเข้าใจผิดก็ได้เจ้าค่ะ”
“เยี่ยงนั้นหรือ ? ถ้าเยี่ยงนั้นก็ถือว่าเป็นการเข้าใจผิดเสียสิ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอย่างมิใส่ใจแล้วเปลี่ยนมาพูดถึงจุดประสงค์ของการมาเยือน
“ข้าได้ยินว่าวันนี้สะใภ้หลี่เรียกเฉว่เอ๋อมาพูดคุยเกี่ยวกับงามสมรสของนางใช่หรือไม่ ? “
หลี่ซื่อพยักหน้ารับ ใบหน้ารูปไข่แสดงออกมาราวกับจริงใจเสียหรือเกิน
“งานเลี้ยงในวันนี้จัดเพื่อเฉว่เอ๋อ ภายในงานมีเหล่าฮูหยินของขุนนางชั้นผู้ใหญ่มากมาย แต่ข้าคิดแล้วว่าจากฐานะของเฉว่เอ๋อย่อมเหมาะสมกับตระกูลพ่อค้าที่สุด”
หลังจากนางอธิบายเหตุผลให้ฮูหยินผู้เฒ่าฟัง นางก็รู้สึกแปลกใจต่อท่าทีที่ฮูหยินผู้เฒ่าแสดงออกมา
ฮูหยินผู้เฒ่ารับฟังอย่างสงบ ทว่าแววตาที่ส่งมายังหลี่ซื่อช่างน่ากลัวยากคาดเดาว่ากำลังคิดอันใดอยู่
“ฐานะของเฉว่เอ๋อเป็นเยี่ยงไร ? “
ฮูหยินผู้เฒ่าถามเสียงเรียบพร้อมจ้องมองหลี่ซื่อด้วยสายตาเย็นยะเยือก
เมื่อเห็นเยี่ยงนั้นหลี่ซื่อก็ยิ้มแห้งแล้วรีบอธิบาย
“แม้ว่าเฉว่เอ๋อจักเป็นบุตรีภริยาเอกของนายท่านสาม ทว่าเขาเป็นเพียงสามัญชน กล่าวตามตรงก็คือเฉว่เอ๋อเป็นเพียงคุณหนูของครอบครัวที่ร่ำรวย หากแต่งกับตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวยก็จักสามารถช่วยเหลือกิจการของฮูหยินผู้เฒ่าได้ ข้าจึงคิดว่าสิ่งนี้ดีต่อเฉว่เอ๋อที่สุดเจ้าค่ะ”
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังหลี่ซื่อกล่าวเยี่ยงนั้นก็ครุ่นคิดตาม เนื่องจากลูกสามของนาง อันอิงห่าวเป็นพ่อค้าและอันหลิงเฉว่ที่เป็นบุตรสาวก็ถือได้ว่าเป็นบุตรีพ่อค้าไปโดยปริยาย แม้การวิเคราะห์ของหลี่ซื่อจักมิผิด แต่ฮูหยินผู้เฒ่ามิได้คล้อยตามคำพูดเพียงมิกี่คำหรอก
ฮูหยินผู้เฒ่ายกยิ้มมุมปากอย่างน่ากลัว สายตาเฉียบคมจ้องมองหลี่ซื่อพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ที่เจ้ากล่าวมานั้นมิผิด หากการแต่งนี้เป็นสิ่งที่ดีแล้วเหตุใดเจ้ามิเตรียมการให้บุตรสาวของตนเล่า ? “
อันหลิงเฉว่อายุมากกว่าอันหลิงอีมิกี่เดือน หลี่ซื่อมิเป็นห่วงเรื่องการสมรสของบุตรสาวตนเอง แต่ใส่ใจต่อเรื่องสมรสของอันหลิงเฉว่
เดิมทีนางมิมีสิทธิ์แม้แต่น้อย
“อีเอ๋ออายุยังน้อย หากให้นางแต่งงานคงเร็วไปหน่อยเจ้าค่ะ อย่างไรก็ตามนางต้องรอให้พี่หญิงใหญ่ออกเรือนเสียก่อน จากนั้นถึงจะดีต่อการหาคู่ครองให้อีเอ๋อเจ้าค่ะ”
สิ่งที่หลี่ซือกล่าวออกมาราวกับรู้จักฐานะของตนและแสร้งให้เกียรติอันหลิงเกอและอันหลิงเฉว่ที่มีอายุมากกว่าอันหลิงอี
เมื่อได้ฟังหลี่ซื่อกล่าวจบ ฮูหยินผู้เฒ่าก็พยักหน้ารับราวกับเห็นด้วยในสิ่งที่ได้ฟัง จากนั้นก็ส่งยิ้มเย็นชาให้หลี่ซื่อแล้วกล่าวเย้ยหยัน
“หากตามกฎที่เจ้ากล่าวมานั้น ถ้าเฉว่เอ๋อมีการหมั้นกับตระกูลพ่อค้าจริง เยี่ยงนั้นเรื่องที่จวนอ๋องอี้มาสู่ขออันหลิงอี เจ้าก็อย่าได้บอกปัดอีกต่อไปเลย”
คำกล่าวของฮูหยินผู้เฒ่าแฝงไปด้วยการข่มขู่ เป็นเหตุให้ใบหน้าของหลี่ซื่อซีดเผือดทันที
คำกล่าวของฮูหยินผู้เฒ่าหมายความว่า ถ้าหลี่ซื่อกล้ามายุ่งเรื่องการแต่งงานของอันหลังเฉว่อีก นางจักทำให้อันหลิงอีแต่งเข้าจวนอ๋องอี้เป็นการตอบแทน
“ท่านแม่อย่าล้อข้าเล่นเลยเจ้าค่ะ อีเอ๋อจักแต่งกับท่านอ๋องน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ได้เยี่ยงไรเจ้าคะ หากเป็นเยี่ยงนั้นก็มิเป็นการส่งอีเอ๋อไปตายหรือเจ้าคะ”
หลี่ซื่อกล่าวอ้อนวอนออกมา พร้อมแสร้งหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตา
“กระทั่งครอบครัวธรรมดาที่มิได้สูงส่งอันใดยังมิยอมให้บุตรสาวแต่งเข้าจวนอ๋องอี้เลยเจ้าค่ะ หากท่านแม่ให้อีเอ๋อแต่งเข้าจวนอ๋องอี้ คงเป็นเหตุให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะอีเอ๋อและจวนโหวของเราได้เจ้าค่ะ “
“ทีเช่นนี้เจ้ากลับคำนึงถึงหน้าตาของจวนโหวขึ้นมา เหตุใดตอนที่อยากให้เฉว่เอ๋อแต่งกับพ่อค้า เจ้ามินึกถึงหน้าตาจวนโหวบ้างเล่า ? “
“แม้เฉว่เอ๋อมิใช่ลูกของท่านโหว แต่เป็นหลานสาวของจวนโหวเช่นกัน แล้วจักคู่ควรกับพ่อค้าได้เยี่ยงไร เจ้าคิดให้เฉว่เอ๋อแต่งกับพ่อค้าโดยมิคำนึงถึงความรู้สึกของนางเลย เป็นเหตุให้เฉว่เอ๋อกลับจากเรือนของเจ้าก็คิดสั้นแล้ว”
คำกล่าวของฮูหยินผู้เฒ่าเป็นเหตุให้หลี่ซื่อตกตะลึง จากนั้นก็เริ่มเข้าใจบางขึ้นมาทันที ว่าเหตุใดฮูหยินผู้เฒ่าจึงโกรธนักหนาเรื่องที่จักให้อันหลิงเฉว่แต่งงานกับพ่อค้า
เมื่อคิดได้เยี่ยงนี้หลี่ซื่อก็แสร้งตีหน้าเศร้า แล้วปล่อยน้ำตาให้หล่นลงมาเปื้อนหน้า
“เฉว่เอ๋อเป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าคะ เหตุใดจึงคิดสั้นถึงเพียงนี้ โธ่…เฉว่เอ๋อช่างโง่เขลาเสียจริง ต่อหน้าข้าก็มิกล่าวคำคัดค้านออกมาเลย แต่ใครจักคิดว่าพอกลับไปที่เรือน นางจักคิดสั้นขึ้นมา”
หลี่ซื่อแสร้งกล่าวออกไปอย่างเห็นใจและสงสารอันหลิงเฉว่ แต่ภายในใจกำลังข่มอารมณ์เคียดแค้นอันหลิงเฉว่เอาไว้ นางคิดเพียงว่าอันหลิงเฉว่หลอกง่าย แต่ใครจักคิดว่าต่อหน้าที่ดูเชื่อฟังและน่าเอ็นดูนั้น ลับหลังก็ร้องไห้เสียใจแล้วจักผูกคอตาย แล้วจักมิให้ฮูหยินผู้เฒ่ามากล่าวโทษนางได้อย่างไร?
คาดมิถึงเลยว่าอันหลิงเฉว่ที่หน้าตาใสซื่ออ่อนโยนกลับกลายเป็นคนมีจิตใจโหดเหี้ยมและน่ากลัวถึงเพียงนี้