ตอนที่ 158
ท่านย่าหม่าโค้งตัวหรี่ตามอง ดูเหมือนนางมองเห็นไม่ค่อยชัดนัก จึงคอยส่องมองดูสามคนที่อยู่มุมกำแพงนั้นเป็นระยะ
เมื่อถูกมองเห็นแล้วก็ต้องส่งเสียง ถึงแอบยังไงก็แอบไม่พ้น
“ท่านย่า ท่านย่า พวกข้าเอง ทำกับข้าวเสร็จแล้วหรือ?” ซ่งฝูหลิงรีบส่งเสียงทักทาย
ท่านย่าหม่ารีบเดินเข้ามาถามว่า พวกเขามานั่งทำอะไรกันตรงนี้?
เฉียนเพ่ยอิงเลียฟันด้วยความรู้สึกผิด นางกลัวช็อกโกแลตติดบนฟัน นางลุกขึ้นยืนแล้วเอามือจับผมทัดหู สีหน้าไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก
ซ่งฝูเซิงเช็ดปากแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะพูดขึ้นมา “อ๊าห์”
อ๊าห์ หมายความว่าอย่างไร ข้าถามพวกเจ้าสามคน ทำไมช่วงเวลากลางดึก อากาศหนาวเย็นแบบนี้ ถึงพากันมานั่งกันในมุมนี้ ตั้งแต่ลูกสะใภ้สามทำแผลเสร็จ พวกเจ้าทั้งสามคนก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พวกข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะทำอะไรกัน
“ลูกสาม เจ้ารีบกลับไปกับข้า ไปจ่ายเงินให้แม่นางสวีด้วย ข้าซื้อข้าวมาจากนาง อีกครู่หนึ่งพวกเราค่อยดื่มน้ำข้าวกัน…
…ข้าคุยกับนางเรียบร้อยแล้ว นางจะไปบ้านของเพื่อนบ้าน เพื่อช่วยขอยืมแป้งข้าวโพดให้กับพวกเราและยังช่วยเป็นธุระไปดูร้านขายพวกอาหารแห้งให้ด้วยว่าเปิดขายของหรือไม่…
…ถ้าร้านไม่ปิด ข้าไหว้วานให้นางซื้อบะหมี่มาเยอะหน่อย ถ้าหิวระหว่างทาง จะได้ต้มกินได้…
…แต่เจ้าต้องให้เงินเขาไปก่อนนะ ไม่ใช่ให้เขาทำธุระให้ แล้วยังต้องช่วยออกเงินให้พวกเราก่อน”
“อ๊าห์” ซ่งฝูเซิงอุทานออกมาด้วยอาการเหม่อลอย
ท่านย่าหม่าเหล่ตามองเขา แล้วเหลือบตามองซ่งฝูหลิง “พั่งยา เจ้าหัวเราะอะไรกัน เมื่อครู่นี้พวกเจ้าสามคนทำอะไร?”
“ท่านย่า ข้าหัวเราะที่ไหนกัน ไปเถอะ พวกเรารีบไปกัน”
เมื่อครู่ซ่งฝูหลิงหัวเราะออกมา สวรรค์เป็นพยาน
อีกทั้งเดินไปก็แอบก้มหน้าหัวเราะไปด้วย นางระงับอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่เพราะนางกำลังคิดถึงเรื่องหนึ่ง
ในที่สุดนางก็สามารถใช้ผ้าอนามัยได้แล้ว ฮ่าๆ
ตอนนี้นางไม่ต้องประหยัดยาสีฟันแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนางจะบีบยาสีฟันให้เต็มแปรง ฮ่าๆ
นางจะไม่ให้ท่านแม่ใช้สบู่ล้างหน้าแล้ว ต่อไปให้ท่านแม่ใช้ครีมล้างหน้าน้ำนม ล้างคอ ล้างแขน ล้างขาก็ใช้ครีมล้างหน้าน้ำนมของนาง ฮ่าๆ
ตนเองช่างโชคดี เพราะตอนอยู่ในยุคปัจจุบันซื้อมาตุนไว้ไม่น้อย ตอนนี้สามารถใช้ได้อย่างเต็มที่แล้วและยังนำกลับมาใช้ซ้ำอีกได้และยังไม่ต้องใช้เงินซื้อ ฮ่าๆ
อืม ยังมีท่านพ่อที่ใช้ลอรีอัล ต่อไปก็ให้ท่านพ่อเปลี่ยนมาใช้เซรั่มกับครีมทาหน้าเอสเคทู (SKII) ก็แล้วกัน
“พวกเจ้าสามคนทำไมทำตัวแปลกๆ” ท่านย่าหม่ามองซ้ายทีขวาทีแล้วพูดขึ้น
อาจจะเป็นเพราะมีความสุขมาก จึงพบเจอสิ่งที่เศร้าเสียใจ
เมื่อพวกเขากลับมายังเรือนพัก ซ่งหลี่เจิ้งที่มีผ้าขาวพันหัวก็รีบตะโกนเรียกอย่างร้อนรน “ฝูเซิงกลับมาแล้วใช่ไหม? ฝูเซิง รีบมานี่หน่อย”
“ท่านลุง มีเรื่องอะไรหรือ?” ซ่งฝูเซิงรีบเดินเข้าไปในห้อง เมื่อเข้าไปก็พบว่าบรรยากาศภายในห้องดูผิดปกติ
เขาผลักคนที่รายล้อมออก เมื่อก้มมองดูก็พบว่าท่านหมอสวีผู้นี้กำลังพิจารณาเห็ดตากแห้งของพวกเขาอยู่
ท่านหมอสวีใช้ตะเกียงน้ำมันส่องดูให้ละเอียดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาพลิกดูเห็ดตากแห้งชิ้นหนึ่งหลายรอบ “ถ้าข้าจำไม่ผิด มันคือเห็ดหูหวังจวิน ซึ่งเป็นเห็ดพันธุ์หายาก”
“แพงมาก?” ซ่งฝูเซิงถาม
“ใช่แล้ว ซ่งถงเซิง เห็ดหูหวังจวินที่พวกเรามีอยู่นี้ มีอีกชื่อเรียกว่า ‘ราชาแห่งเห็ด’ มันมีราคาแพงถึงระดับไหนนะหรือ พวกเราคนธรรมดาก็ไม่อาจรู้ได้”
ท่านหมอสวีรู้ว่าซ่งฝูเซิงเป็นคนร่ำเรียนหนังสือ ทุกคนต่างพูดเยินยอกันมาตลอดทาง ส่วนใหญ่พวกเขาไม่ค่อยมีอะไรที่จะต้องชื่นชมเยินยอ ได้แต่พูดเยินยอซ่งฝูเซิง
ซ่งฝูเซิงก็ถึงกับงุนงง “แพงมากกว่าเห็ดมัตสึตาเกะ?”
“แน่นอน”
เกาถูฮู่ประหลาดใจมาก “มันเรียกว่าหวังอะไรนะ มันก็เป็นเห็ดไม่ใช่หรือ?”
“เล่ากันว่าราชาแห่งเห็ดนี้หาได้ยากมาก เมื่อได้มาสดใหม่ ก็ต้องรีบนำเข้าไปถวายวังหลวง ส่วนของพวกเจ้าเป็นแบบแห้ง อืม ประเมินราคาได้ยาก แต่ถ้าให้ข้าเดา ถ้าเป็นแบบสดใหม่อย่างน้อยก็ต้องห้าตำลึงขึ้นไป มันแพงก็เพราะมันมีเหตุผลที่จะแพง แต่พวกข้าก็ยังไม่เคยกินมาก่อน จึงไม่รู้ว่ามันดีตรงไหน รีบเก็บเห็ดแห้งพวกนี้ไว้ พรุ่งนี้เมื่อไปถึงเมืองเฟิ่งเทียนค่อยนำไปขาย…”
ท่านหมอสวียังพูดไม่จบ ซ่งฝูหลิงก็ตะโกนร้องอย่างตกใจ “ท่านย่า!”
นางเห็นท่านย่าหม่ายกมือทาบอกหายใจไม่ค่อยสะดวก
ซ่งหลี่เจิ้งถึงกับทรุดนั่งลงกับพื้น
ลุงใหญ่ของซ่งฝูเซิงมีสายตาเหม่อลอย เขากลืนน้ำลายลงคอแล้วถามพวกเดียวกันเพื่อความมั่นใจ “พวกเราเคยชิมมาแล้วใช่ไหม? ดูเหมือนพวกเราจะกินไปหลายกิโลแล้ว”
ตอนที่ 159-1
แม่นางสวีบ่นสามีของนาง
“ท่านจะอธิบายอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังไปทำไม…
…ในกลุ่มคนของพวกเขามีบาดเจ็บกันหลายคน แต่ละคนต้องอาศัยความอดทน ท่านก็เหมือนไปพูดเติมเชื้อไฟให้กับพวกเขาอีก ถ้าอาการแย่จนทรุดลงไปจะทำอย่างไร ถ้างั้นก็ยังไม่สามารถเดินทางต่อได้…
…พวกเขาเป็นคนยากจนมาแต่กำเนิด เข้าใจถึงความทุกข์ยากนั้นเป็นอย่างดี…
…ถ้าไม่รู้ กินไปแล้วก็ไม่เป็นไร…
…แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้ว คงจะตื่นตระหนกมาก ข้าได้ฟังยังนึกเสียดายแทนพวกเขา”
ท่านหมอสวีรู้สึกน้อยใจ เขาแค่หวังดี “ข้ากลัวพวกเขาจะถูกหลอก ช่างเถอะ ไม่พูดถึงเรื่องนั้นแล้ว ข้าเก็บเงินคนบ้านเกิดเดียวกันกับเจ้าเท่าไหร่ ดูยาของข้าสิ ข้าใช้มันไปครึ่งหนึ่งแล้ว พวกเราจะไม่คิดเงินเพิ่มจริงหรือ?”
แม่นางสวีรีบหันไปมองด้านนอก ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“จะเก็บเพิ่มได้อย่างไร เก็บในราคาคนคุ้นเคยก็แล้วกัน พวกเราก็ไม่สามารถจะช่วยเหลือครอบครัวของพวกเขาทั้งหมดได้ พวกเขาหลายคนได้รับการรักษาและใช้ฟืนไฟของพวกเราไปไม่น้อย พวกเราใจดีก็จริง แต่ก็ให้ความช่วยเหลือในส่วนที่พวกเราพอจะช่วยเหลือได้ โดยที่ตัวเองไม่เดือดร้อนเท่านั้น”
ท่านหมอสวีเข้าใจแล้ว นั่นหมายถึงคงต้องเก็บเงินค่ารักษาด้วย เงินค่ารักษาทั้งหมดต้องเก็บจากพวกเขาแปดตำลึง
เหตุการณ์เป็นเหมือนกับที่แม่นางสวีคาดการณ์ไว้ ทุกคนต่างโมโหกันมาก