ตอนที่ 74: การต่อสู้ที่รุนแรง
เจี้ยนเฉินสามารถต่อสู้กับศัตรูมากมายด้วยตัวเพียงคนเดียว ทั้งสนามรบรอบตัวเขาเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและครวญครางพร้อมกับเลือดที่กระจายไปทั่วทุกที่ สำหรับเจี้ยนเฉินนั้นมันเป็นภาพที่เห็นมาจนชินตา ดังนั้นมันจึงไม่อาจทำให้เขาไขว้เขวแม้แต่น้อย
เจี้ยนเฉินยังคงแทงกระบี่ของเขาออกไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากการโจมตีเสร็จสิ้นโจรไร้ขอบเขตก็จะล้มลง ด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า ศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าเขาไม่มากก็ยังไม่อาจต้านทานกระบี่ของเจี้ยนเฉินได้มากกว่าสามกระบวนท่าและยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังคงถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ในแง่ของความแข็งแกร่ง เจี้ยนเฉินนั้นอ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับเหล่าโจร อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงการฆ่าโจรกลับไม่มีใครเทียบกับเขาได้ ในช่วงเวลาไม่นานโจรกว่าสิบคนก็ถูกสังหารโดยเจี้ยนเฉินทำให้กระบี่วายุโปรยนั้นโชกไปด้วยเลือด ในทางกลับกันเสื้อผ้าของเจี้ยนเฉินยังคงเป็นสีน้ำตาล-ขาวสะอาดเนื่องจากไม่มีเลือดกระเซ็นมาโดนแม้แต่หยดเดียว
เจี้ยนเฉินบุกเข้าไปยังแกนกลางของกลุ่มกองโจรโดยไม่รู้ตัว โจรไร้ขอบเขตล้อมเขาไว้ในระยะ 20 เมตรทุกทิศทาง โดยไม่มีทหารรับจ้างให้เห็น คนที่อยู่ใกล้ที่สุดกำลังสู้กันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ 3-5 คนตรงแถวหน้าโจร
“ฆ่า ! “โจรทั้งสามคนกู่ร้องพร้อมกับพุ่งเข้าไปหาเจี้ยนเฉินอย่างกระหายเลือด พร้อมกับการยกอาวุธเซียนของพวกเขาด้วยความหวังที่ว่าจะจัดการเจี้ยนเฉินลงได้
เจี้ยนเฉินเหาะไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจเข้าหาหนึ่งในโจรที่พุ่งเข้ามา กระบี่วายุโปรยของเขาซึ่งอาบไปด้วยแสงสีเลือดและพุ่งเข้าไปที่คอของโจร
เจี้ยนเฉินเป็นผู้เชี่ยวชาญกระบี่ เมื่อเขาขยับเขาก็ทำมันได้อย่างรวดเร็วจนเหล่าโจรไม่มีเวลาตอบสนอง เขามองเห็นเพียงแค่เลือดกระฉูดออกมาจากลำคอของเขา จากนั้นสิ่งที่เขารู้สึกต่อมาก็คือเขาไม่อาจหายใจได้ ราวกับว่ามีบางอย่างขวางคอของเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจตะโกนขอความช่วยเหลือได้เช่นกัน ทันใดนั้นเลือดก็ไหลออกมาจากคอของเขาขณะที่พวกโจรล้มลงกับพื้นโดยไม่ได้ส่งเสียงอะไรอีก
แม้แต่ช่วงเวลาสุดท้ายโจรก็ไม่ได้ตระหนักว่าพวกเขากำลังจะตาย บางทีพวกเขาอาจไม่รู้ว่าคอของพวกเขาถูกแทงโดยเจี้ยนเฉิน เนื่องจากการฟันกระบี่ของเขานั้นเร็วมาก ๆ โจรจึงไม่มีเวลาตอบสนอง ยิ่งไปกว่านั้นใบกระบี่ของเขาก็บางมากเสียจนทำให้พวกเขาไม่ทันรู้สึกเจ็บหลังจากการโดนแทง
แม้ว่าหลังจากกระบี่วายุโปรยจะแทงไปที่ลำคอของโจร เจี้ยนเฉินก็ยังไม่หยุดการเคลื่อนไหวของพวกเขา และมุ่งเข้าไปหาโจรอีกสองคนมุ่งหน้าเข้ามาใกล้ตัวเขาพร้อมกับอาวุธของพวกเขาเพื่อฟันใส่เจี้ยนเฉิน
เมื่อเผชิญหน้ากับโจรทั้งสองพร้อมกับอาวุธของพวกเขา เจี้ยนเฉินก้ไม่ได้ดูหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย พร้อมกับใบหน้าที่สงบ เขาจับกระบี่ของเขาและใช้ย่างก้าวพริบตาเพื่อเข้าไปใกล้โจรด้วยความเร็วสูง ในเวลาเดียวกันกระบี่สีแดงเลือดในมือของเขาก็แทงไปที่ลำคอของหนึ่งในสองโจรนั่น
โจรไม่อาจด้านทานกระบี่วายุโปรยได้ขณะที่แทงมา มันเจาะเข้าไปในลำคอของเขาและเมื่อเจี้ยนเฉินเคลื่อนไหวมันก็ออกมาจากลำคอของพวกเขาและแทงไปที่โจรคนที่สามด้วยรูปแบบเดียวกัน
การแทงจากเจี้ยนเฉินเพียงครั้งเดียวนั้นเร็วมากจนตาเปล่าไม่อาจตามทัน ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงกระบวนท่าของเขาได้ ดังนั้นโจรทั้งสามคนก็ไม่อาจรอดชีวิตจากการถูกแทงไปที่ลำคอของเขาได้เช่นกัน
สำหรับเจี้ยนเฉิน การฆ่าคนเป็นดั่งเรื่องธรรมดาเหมือนกับการหายใจ การได้เห็นชีวิตที่หลุดลอยออกไปจากคนอื่นนั่นไม่ใช่เรื่องแปลกใจและเขาก็ไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะเอาชีวิตของโจร ดังนั้นกระบี่วายุโปรยก็ยังคงมุ่งไปยังพวกโจรต่อไป
ท่ามกลางการปะทุที่ดุเดือด ไม่มีใครปลอดภัยจากการต่อสู้ในครั้งนี้ แม้แต่คนขับรถคาราวานที่ไม่ได้เป็นเซียนก็ถูกรวมกลุ่มกับทหารรับจ้างสองสามคนช่วยกันขับไล่เหล่าโจร
การต่อสู้ทำให้ทั้งสองฝ่ายสูญเสียไปหลายคน ทั้งโจรและทหารรับจ้างได้รับความทุกข์ทรมานจากการบาดเจ็บล้มตายอย่างรุนแรง นอกเหนือจากเจี้ยนเฉินที่ยังคงสะอาดโดยไม่เปื้อนโลหิตเลย ทุกคนต่างเต็มไปด้วยเลือดตั้งแต่หัวจรดเท้าและบาดแผล
ถึงแม้ว่าโจรจะมีจำนวนคนมากกว่าทหารรับจ้าง แต่ความแข็งแกร่งและการทำงานเป็นทีมของพวกเขายังห่างชั้นกับเหล่าทหารรับจ้างซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ร่วมกัน ดังนั้นเมื่อทั้งสองต่อสู้กันแม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนที่มากกว่าก็ยังต้องสู้กันอย่างดุเดือดของทหารรับจ้าง
เจี้ยนเฉินเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ ในขณะที่เขาหลบการโจมตีจากทุกทิศทุกทางในขณะที่กระบี่วายุโปรยแทงไปยังหัวใจและลำคอของเหล่าโจรในทุก ๆ การเคลื่อนไหว ดังนั้นนี่จึงเป็นการโจมตีที่ร้ายแรงสำหรับคนที่ไม่อาจป้องกันกระบี่ของเจี้ยนเฉินได้ พวกเขาก็ยังคงได้รับความบาดเจ็บอย่างสาหัสและมันก็ลึกลงจนเห็นกระดูก ไม่มีโจรคนไหนที่อยู่รอบตัวเขาต่อสู้กับเขาได้ ส่วนใหญ่ไม่อาจเห็นการเคลื่อนไหวของกระบี่ของเขา เมื่อใดก็ตามที่พวกโจรฟันกระบี่ไปยังจุดสำคัญ เจี้ยนเฉินก็ยังหลบหลีกพร้อมกับฟันสวนกลับมา ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น พวกเขาทั้งหมดก็จะร่วงลงไปกับพื้น
จำนวนโจรที่ถูกสังหารภายใต้น้ำมือของเจี้ยนเฉินนั้นมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โจรทั้งหมดค่อย ๆ เริ่มรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินและเริ่มตีตัวถอยห่างจากเขา ท้ายที่สุดในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ไม่มีใครเต็มใจที่จะออกไปตายอย่างโง่เขลา
“ฝีมือของเจ้ายอดเยี่ยมมาก ให้ข้าลองทดสอบมัน” ในเวลานั้น มีเสียงพูดออกมาอย่างแผ่วเบาก่อนที่แสงสีฟ้าจะพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว
เมื่อรู้สึกถึงพลังงานที่หลั่งไหลออกมาจากลำแสงสีฟ้า ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาตระหนักว่าผู้ที่มาใหม่คนนี้แข็งแกร่งมาก จริง ๆ แล้วศัตรูก็แข็งแกร่งกว่าเจี้ยนเฉินจริง ๆ เขาไม่กล้าที่จะสู้กับอีกฝ่ายตรง ๆ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะบาดเจ็บสาหัส
แสงสีฟ้าเดินพุ่งผ่านอากาศมาอย่างรวดเร็ว พริบตามันก็มาถึงหน้าเจี้ยนเฉินแล้ว ในขณะนั้นใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็แข็งค้างขณะที่ทุ่มเทแรงทั้งหมดไปที่ร่างกายเพื่อกระโดดให้สูงที่สุดเพื่อหลบมัน
การโจมตีดังกล่าวถูกเข้าที่ไหล่ของเจี้ยนเฉินก่อนที่จะกระแทกพื้นดัง “ปึง ! “และเหลือหลุมขนาดใหญ่เอาไว้
เจี้ยนเฉินถอยห่างจากศัตรูไป 15 เมตรทันทีก่อนที่จะหยุดเพื่อมองหลุมบนพื้นดินและหันไปมองด้านหลัง ในตอนดึกเจี้ยนเฉินสามารถมองเห็นร่างหนึ่งที่ส่งการโจมตีที่รุนแรงออกมา
เมื่อเห็นคนที่โจมตี เขาเป็นชายอายุ 30-40 ปี เจี้ยนเฉินไม่คิดว่าเขาจะดูแข็งแกร่งขนาดนี้ เสื้อผ้าของเขาดูธรามดา ๆ ทำให้เขาดูเหมือนชายกลางคนธรรมดา ๆ ทั่ว ๆ ไป เขายกมือขวาของเขาขึ้นมาพร้อมกับปลายง้าวที่ส่องแสงสีฟ้าอยู่ในมือ เขาไม่ได้ดูอันตรายเท่าไรนัก ไม่มีอะไรของเขาที่จะโดดเด่นพอที่จะดึงดูดความสนใจของคนคนนี้ต่อเจี้ยนเฉิน
ในขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังมองชายตรงหน้า ชายคนนั้นก็จ้องมองกลับไปที่เจี้ยนเฉินขณะพูดว่า “เจ้าแข็งแกร่งมาก ดังนั้นเจ้าจึงต้องเป็นคู่ต่อสู้กับข้า ! ” เขามองเจี้ยนเฉินด้วยความสนใจมาก ดูเหมือนว่าเจี้ยนเฉินจะเป็นคนเดียวที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้มากพอ ชายคนนั้นไม่สนใจเสียงกรีดร้องและตะโกนไปยังคงที่อยู่รอบ ๆ ตัวของเขา
สายตาของเจี้ยนเฉินมองไปรอบอย่างช้า ๆ ชายคนนั้นยืนอยู่ใจกลางของกลุ่มโจรมันบอกฐานะของเขาในกลุ่มอย่างชัดเจน แม้ว่าจะมีโจรจำนวนมากล้อมเจี้ยนเฉิน แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นชายคนนั้นต่อสู้กับเจี้ยนเฉินพวกเขาก็หันไปทหารรับจ้างคนอื่นเพื่อต่อสู้
ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเมื่อเขารู้ว่านี่เป็นการต่อสู้ครั้งแรกว่าจะรอดหรือตาย หลังจากที่เขามาอยู่ในโลกใบนี้ แม้จะผ่านมาเป็นร้อย ๆ การต่อสู้และมีความมั่นใจว่าไม่มีใครเทียบได้ในวิถีกระบี่ เจี้ยนเฉินไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถฆ่าคนได้ในร่างใหม่นี้ จากการโจมตีครั้งก่อนของชายที่แข็งแกร่งกว่าเขาและแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีคุณสมบัติของธาตุลมแต่การเคลื่อนไหวก็ไม่ช้าแม้แต่น้อย
ชายวัยกลางคนมองดูเจี้ยนเฉินแล้วค่อน ๆ ชูง้าวขึ้นฟ้า ใบมีดของง้าวถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีฟ้าพร้อมกับลมหมุนรอบ ๆ ตัวเขาอย่างช้า ๆ
จากการเคลื่อนไหวของชายคนนั้น เขาได้มุ่งเน้นมาที่เจี้ยนเฉินอย่างเต็มที่ขณะที่เขาเตรียมตัว แม้ว่าเขาจะใช้ย่างก้าวพริบตา ศัตรูของเขาก็แข็งแกร่งกว่าตัวเขาอย่างมากและเขายังมีความสามารถของธาตุลม ด้วยพลังเซียนของชายคนนั้นทำให้เขาเชี่ยวชาญในด้านความเร็วมาก เขาก็ไม่กล้าที่จะลองดูว่าผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร
“ย่าห์ ! “
ทันใดนั้นชายคนนั้นก็ตะโกนเสียงดังและพุ่งมาด้วยความเร็วมาเบื้องหน้าเจี้ยนเฉิน ด้วยความเร็วของชายกลางคนนั้น เกือบแทบจะในพริบตาตัวง้าวเองก็แทบจะมองไม่เห็นเมื่อมันพุ่งมาที่คอของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินเอี้ยวหัวหลบง้าวไปด้านข้างและมันก็วาดผ่านศีรษะของเขาไป ใบมีดของง้าวได้ตัดผมบางเส้นของเขาออกจากศีรษะของเจี้ยนเฉิน
ในขณะที่ศีรษะของเจี้ยนเฉินเอี้ยวไปอีกทาง เขาก็ยกขาก้าวก่อนที่จะหมุนตัวกลับไปด้านหน้าพร้อมกับออกแรงพุ่งสวนกลับไปยังจุดตายของชายคนนั้น กระบี่วายุโปรยของเขาเปล่งแสงสีแดงเลือดมันพุ่งเข้าหาหัวใจของชายคนนั้นราวกับสายฟ้า
ด้วยความแข็งแกร่งของบุรุษ เจี้ยนเฉินละทิ้งการกระทำทุกอย่างโดยไม่ลังเล พร้อมกับมุ่งไปที่ความเร็วเพียงอย่างเดียวทำให้เจี้ยนเฉินเร็วมากจนถึงขีดสุด พริบตากระบี่วายุโปรยก็ได้กระทบไปยังท้องของชายวัยกลางคนพร้อมกับปราณกระบี่ที่ห่อหุ้มปลายกระบี่เอาไว้ก่อนที่จะทะลวงเข้าไปในร่างกายของชายคนนั้น
เมื่อเห็นว่าปลายกระบี่ได้แทงเข้าไปในร่างกายของเขา ชายกลางคนก็แสดงออกถึงความตกใจ อย่างไรก็ตามชายกลางคนก็ยังคงมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ช้านัก จากนั้นพลังเซียนที่รุนแรงก็ปะทุออกมาจากภายในร่างกายของเขา มันเป็นรูปแบบที่สุดยอดที่สามารถเป็นได้ทั้งการโจมตีและป้องกันที่มากมาย ถึงแม้ว่าพลังเซียนที่อยู่รอบ ๆ ร่างกายของเขาจะบางกว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรก