บทที่ 704 หลงเข้ามาในฟาร์มเลี้ยงสัตว์

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

บทที่ 704 หลงเข้ามาในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โดย Ink Stone_Fantasy

เฮยซือเคลื่อนไหวเลียบตามขอบถนน ส่วนเสี่ยวป๋ายนั้นวิ่งเลียบไปตามขอบทุ่งหญ้า ต่างคนต่างเริ่มค้นหาจากคนละทิศ

ในสถานการณ์ที่แทบไม่มีซอมบี้อยู่ใกล้ๆ ความเร็วของพวกมันเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง

ในเวลาสั้นๆ เพียง 2 นาที เฮยซือได้พบซากเฮลิคอปเตอร์ที่พุ่งชนเข้าไปในตัวอาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่สุดปลายสายของถนนเส้นนี้

ถึงแม้เฮลิคอปเตอร์ลำนี้จะผ่านการพุ่งชนและระเบิดมาแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่ เฮยซือควบคุมร่างกายของอวี๋ซือหรานให้ไต่ขึ้นไปบนตัวอาคารอย่างคล่องแคล่วว่องไว

ด้วยร่างกายเล็กกะทัดรัด เธอจึงสามารถแทรกตัวเข้าไปในซากเฮลิคอปเตอร์อย่างง่ายดาย และเริ่มค้นหาท่ามกลางเศษซากชิ้นส่วนที่ถูกเผาไหม้ทันที

กลิ่นรุนแรงที่เกิดจากการระเบิดกลบกลิ่นคาวเลือดที่อาจเคยเกิดขึ้นในตัวเครื่องจนมิด แม้แต่กลิ่นของซากศพก็ยังไม่มี

ทว่าเฮยซือถือว่าฉลาดมากจริงๆ ไม่ได้กลิ่นก็ไม่เป็นไร มันค่อยๆ มุดตัวไปใกล้บริเวณหัวเครื่อง จากนั้นก็ยกเท้าถีบแผ่นโลหะสีดำที่ขวางหน้ากระเด็นออกไป

บริเวณหัวเครื่องเฮลิคอปเตอร์ลำนี้แทบจะมุดเข้าไปในซากอาคารเกือบหมด นอกจากช่องแคบๆ ที่เหลืออยู่เล็กน้อยแล้ว พื้นที่ที่เหลือแทบถูกเศษปูนซีเมนต์และวัตถุอื่นๆ เติมจนเกือบเต็ม

หากคนอื่นเห็นอย่างนี้ เดาว่าคงยอมแพ้ไปแล้ว แต่ร่างกายนี้ของเฮยซือเป็นถึงซอมบี้ชนชั้นสูง ดังนั้นมันจึงสามารถโยนสิ่งกีดขวางเหล่านี้ออกไปได้ง่ายๆ

มุมแหลมคมของวัตถุเหล่านั้นที่สามารถทำให้คนธรรมดาได้รับบาดเจ็บ กลับไม่สามารถทำอะไรผิวหนังของซอมบี้ชนชั้นสูงได้เลย

“เจ้าเฮยจือพอได้โอกาสใช้ร่างของอวี๋ซือหรานก็ไม่มีเกรงใจเลยแฮะ…” หลิงม่อคิดในใจ

ภายใต้การค้นหาด้วยความเร็วสูง ไม่นานเฮยซือก็พบศพศพหนึ่งซึงถือว่ายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์

เดาว่าเพราะถูกฝังอยู่ใต้ซากผุพัง จึงไม่ถูกเผาจนไหม้เกรียม

เฮยซือสังเกตเห็นรูกระสุน 2 รูบนศีรษะของศพอย่างรวดเร็ว

กระสุนถูกยิงจากด้านหลังศีรษะ และทะลุออกมาจากใบหน้า

“ตามคาด…”

บาดแผลบนตัวผู้ตาย ยืนยันสันนิษฐานของหลิงม่อได้พอดี

บนร่างกายของศพที่เหลือมีบาดแผลที่เกิดจากการฆ่าฟันกัน แต่ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบศพทีละศพอีกต่อไป

“ถ้าอย่างนั้น กองทัพอากาศก็ได้รับความเสียหายและเกิดการล้มตายอย่างรุนแรงในขณะที่เข้ามาทำการสำรวจ ถึงได้จัดเมืองชุ่ยเหอให้เป็นเมืองระดับความอันตรายสูงสินะ…กว่าพวกเขาจะได้เจอซอมบี้ราชา พวกเขาจะต้องบินวนแถวนี้ในระยะเวลาหนึ่งแล้วแน่ๆ จากที่เคยเห็นก็น่าจะเปิดประตูเครื่องแล้วบินต่ำวนไปวนมา…เสียงใบพัดที่ดังไปทั่วบริเวณทำให้เกิดอันตรายใหญ่หลวง และอันตรายที่มองไม่เห็นนี้ก็ทำให้พวกเขาถูกเล่นงาน…”

หลิงม่อไม่อาจย้อนไปดูภาพในตอนที่เกิดเหตุได้ แต่ดูจากรูปการปัจจุบัน เขาก็พอสันนิษฐานได้ว่าเป็นอย่างนี้

“เป็นเชื้อไวรัสสินะ…”

เชื้อไวรัสในปัจจุบันไม่ได้กระจายตัวอยู่กลางอากาศอีกแล้ว แต่เชื้อไวรัสกล่อมประสาทเมื่อกี้กลับสามารถทำอย่างนั้นได้

ทว่าเชื้อไวรัสประเภทนี้ไม่เหมือนกับเชื้อไวรัสชนิดแรกที่ทำให้ผู้คนติดเชื้อ เพราะหากสูดดมเข้าไปในเวลาสั้นๆ จะทำให้เห็นภาพหลอนเท่านั้น ไม่ได้ทำให้ติดเชื้อและกลายพันธุ์

แน่นอนว่ามันต้องมีผลกระทบบ้างอยู่แล้ว แต่ขอเพียงไม่ติดเชื้อก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร

เชื้อไวรัสที่สามารถทำให้คนคลุ้มคลั่งนี่ ก็น่าจะเหมือนกัน…

หากวัดกันเรื่องความรุนแรงในการแพร่กระจาย เชื้อไวรัสคลุ้มคลั่งเหนือกว่าเชื้อไวรัสกล่อมประสาทแน่นอน

และเมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ระดับความเข้มข้นของเชื้อไวรัสคลุ้มคลั่งที่ปะปนอยู่ในอากาศก็กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่เฮลิคอปเตอร์ที่บินอยู่บนท้องฟ้าก็ยังยากที่จะหลีกเลี่ยงได้

“นี่เรามาในที่ที่ไม่ควรมาเข้าแล้ว…นี่มันแค่ระดับอันตรายสูงซะที่ไหน มันควรจะเป็นพื้นที่ห้ามเข้าเลยต่างหากเล่า!”

หลิงม่อนึกโมโห

การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสคลุ้มคลั่งจะทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอาณาเขตหันมาฆ่าฟันกันเอง และเมื่อผลกระทบสิ้นสุดลง ศพจำนวนมากในพื้นที่นั้นก็จะดึงดูดซอมบี้ฝูงใหม่เข้ามาอีก

ขอเพียงซอมบี้ในเมืองชุ่ยเหอยังคงสืบพันธุ์อย่างต่อเนื่อง วงจรนี้ก็จะสามารถดำเนินต่อไปได้เรื่อยๆ

ไม่ว่าสิ่งที่สร้างเชื้อไวรัสคลุ้มคลั่งขึ้นมาจะเป็นสัตว์ประหลาดประเภทไหนก็ตาม เห็นได้ชัดว่าปริมาณอาหารที่มันกินไม่ได้มากนัก ถ้าไม่อย่างนั้นป่านนี้ที่นี้คงไม่มีซอมบี้เหลืออยู่แล้ว

และสัตว์ประหลาดตัวนี้…ก็อยู่ในห้างฯ แห่งนี้ด้วย!

“ตอนที่พวกเราเข้ามาก็ไม่ได้ทำให้มันตื่นตัวในทันที แต่ในตอนที่เราติดกับดัก อันตรายกลับมาถึงตัวทันที…เชื้อไวรัสกล่อมประสาทนั่น มีประสิทธิภาพในด้านนี้ด้วย…”

หลิงม่อนึกเดือดดาลในใจ อีกฝ่ายไม่เพียงถ่วงเวลาให้พวกเขาอยู่ในนี้ แต่ยังปลุกสัตว์ประหลาดอันตรายตัวนี้ให้ “ตื่น” ขึ้นมาด้วย

และตอนนี้ ก็ถึงเวลาที่มันจะกินข้าวแล้ว…

การเข่นฆ่ากันเองของเหล่าซอมบี้เป็นเพียงขั้นตอนการล่าเหยื่อเท่านั้น ในเมื่อปริมาณอาหารที่ต้องการกินไม่ได้สูง ก็แสดงว่าคุณภาพของเหยื่อที่ต้องการต้องสูงมากอย่างแน่นอน

อาศัยการเข่นฆ่ากันเองของเหล่าพวกเดียวกัน เพื่อสร้างอาหารที่เป็นซอมบี้ระดับสูงขึ้นในเวลาอันสั้น…

“รสนิยมการกินสูงมาก…”

ที่นี่ไม่ต่างอะไรจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์เลยซักนิด!

เมื่อขั้นตอนการเลี้ยงสัตว์เริ่มขึ้น ยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังจิตต่ำ ก็ยิ่งได้รับผลกระทบเร็ว

ซอมบี้เหล่านั้นเกิดอาการคลุ้มคลั่งเป็นกลุ่มแรก มู่เฉินเองหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาก็ถูกเล่นงานไปด้วยเพราะสภาพจิตใจยังไม่มั่นคง

พวกเย่เลี่ยนนั้นยังพอต้านทานได้ กลับเป็นสวี่ซูหานที่สุ่มเสี่ยงมาก

ถึงแม้เธอจะยังหลงเหลือสัญชาตญาณมนุษย์อยู่อีกครึ่งหนึ่ง ดังนั้นเธอจึงมีระดับพลังจิตที่ไม่ต่างกับคนธรรมดามากนัก แต่สภาวะดวงจิตของเธอในตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก…

บวกกับแรงกระตุ้นจากการต่อสู้และกลิ่นคาวเลือด หากเมื่อไหร่ที่เธอยืนหยัดต่อไปไม่ไหว เธอก็จะกลายพันธุ์ทันที…

ส่วนหลิงม่อนั้นเป็นคนที่มีพลังจิตสูงที่สุด และเขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายได้นานแล้ว ซ้ำเขาก็ยังมีความสามารถในการต้านทานที่แข็งแกร่งที่สุด…

ทว่าความจริงสิ่งที่อันตรายที่สุด ความจริงคือพวกเย่เลี่ยนต่างหาก!

สัตว์ประหลาดตัวนี้รู้จักเลี้ยงซอมบี้ระดับสูงเพื่อเป็นอาหาร ดังนั้นมันไม่มีทางปล่อยให้ซอมบี้ระดับสูงอย่างพวกเย่เลี่ยนหลุดรอดไปได้แน่นอน!

ส่วนซอมบี้นกตัวนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นซอมบี้ตัวที่ถูกกองทัพอากาศค้นพบ หรือเพิ่งวิวัฒนาการขึ้นในภายหลัง แต่อย่างไร…มันก็หนีไปแล้ว!

และอย่างน้อยเรื่องนี้ก็บ่งบอกแล้วว่า เจ้าซอมบี้ที่ผลิตเชื้อไวรัสคลุ้มคลั่งตัวนี้ แกร่งกว่าซอมบี้นก!

และสาเหตุที่มันกลายพันธุ์จนมีรูปร่างประหลาดอย่างนั้น ก็เป็นเพราะได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสคลุ้มคลั่งนั่นเอง!

“ชิบหาย…”

หลิงม่อขนลุกซู่ทั้งตัว เขารีบถ่ายทอดคำสั่งให้เฮยซือผ่านกระแสจิตทันที

เฮยซือที่เพิ่งวิ่งกลับมาบนถนนล้วงก้อนไวรัสเหนียวหนืดออกมาจำนวนหนึ่ง แล้วขว้างไปบนถนน

จากนั้นมันก็วิ่งเข้าไปหลบหลังซากรถยนต์ พร้อมเก็บซ่อนกลิ่นอายของตัวเอง

หลายวินาทีผ่านไป มันค่อยๆ ชะโงกหน้าออกไปดู แต่กลับพบว่ามีเพียงซอมบี้ที่อยู่ใกล้เท่านั้นที่กระโจนเข้ามา

หลังจากมองเห็นเหตุการณ์นี้ผ่านมุมมองสายตาของเฮยซือ หลิงม่อก็เกิดอาการพูดไม่ออก

ตามคาด มีแค่สิ่งมีชีวิตเท่านั้นที่จะสามารถดึงดูดความสนใจจากซอมบี้ฝูงใหญ่ได้…

แถมต้องไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตทั่วไปเท่านั้น แต่ต้องเป็นถึงซอมบี้ระดับสูง…

ความจริง พวกเขาได้เริ่มสังเกตเห็นแนวโน้มนี้จากซอมบี้กลุ่มแรกที่เจอตอนเพิ่งเข้าเมืองแล้ว

ในเมื่อแพร่กระจายโดยมีอากาศเป็นตัวกลาง ก็แสดงว่าทุกครั้งที่เชื้อไวรัสคลุ้มคลั่งเกิดการแพร่กระจาย พื้นที่ที่อยู่ค่อนข้างห่างไกลก็จะได้รับผลกระทบเบาบางด้วยเช่นกัน

เมื่อเวลาผ่านไป เชื้อไวรัสคลุ้มคลั่งก็จะทำให้การกลายพันธุ์ของพวกมันแตกต่างออกไป

และที่รูปแบบพฤติกรรมของซอมบี้ในพื้นที่นี้แตกต่างจากที่อื่น ก็เพราะสาเหตุนี้เช่นกัน

“ไม่ได้การ จะปล่อยให้พวกเย่เลี่ยนเป็นเหยื่อล่อต่อไปไม่ได้…”

หลิงม่อสีหน้าร้อนรน

ความรู้สึกไม่สบายใจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็แสดงว่าเชื้อไวรัสในอากาศกำลังเข้มข้นขึ้น เหลือเวลาไม่มากแล้ว!

แต่สัตว์ประหลาดตัวนั้น อยู่ที่ไหนกันแน่?

ตอนแรกเขาคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ต้องอยู่ในโซน B แน่ๆ แต่ดูจากตอนนี้ที่ซอมบี้ส่วนใหญ่พากันมุ่งหน้าไปยังโซน A ก็แสดงว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของเขาผิด…

ก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกได้รางๆ แล้วว่าตัวเองพลาดอะไรบางอย่างไป แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก

เขามองซ้ายมองขวา แล้วขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างละเอียด

“ใช่แล้ว!”

หลิงม่อดวงตาเป็นประกายขึ้นมา “แม้แต่ชั้นใต้ดินเราก็ค้นดูแล้ว แต่กลับไม่ดูบนเพดาน!”

ตอนที่เพิ่งเข้ามาในห้างฯ เขาเห็นศพของซอมบี้ห้อยอยู่บนเพดานหนึ่งศพ ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะสงสัยอยู่บ้าง แต่กลับไม่ได้ขบคิดอย่างละเอียด

ทันทีที่เขาถ่ายทอดคำสั่งผ่านกระแสจิต หุ่นซอมบี้ตัวเล็กก็หมุนตัวออกวิ่งเข้าไปในทางเดิน และเจอศพนั้นอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ดึงศพลงมา ดวงตาหลิงม่อก็เปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง

ตามคาด ศีรษะด้านหลังกลวงโบ๋ไปแล้ว…

เขารีบแหงนหน้ามองบนหัว—ด้านบนนั้น มีสิ่งมีชีวิตอันตรายสูงบางชนิดซ่อนตัวอยู่…

เมื่อพบว่าอันตรายอยู่เหนือศีรษะ หลิงม่อก็ตึงเกร็งไปทั้งร่าง

ตำแหน่งของศพศพนั้น บ่งบอกว่าเจ้าสิ่งนั้นสามารถลากคนขึ้นไปข้างบนนั้นได้

ส่วนเรื่องที่มันมีพลังโจมตีสูงหรือไม่นั้น หลิงม่อคิดว่าควรคาดเดาไว้ว่ามัน “มี” ก่อนจะดีกว่า…

เขาค่อยๆ ขยับตัวไปข้างกำแพงเงียบๆ แล้วลากมู่เฉินเข้ามา

ถึงเจ้าทึ่มนี่จะถูกเล่นงานทันทีที่ฟื้นขึ้นมา แต่จะปล่อยให้เขาตายอยู่ที่นี่โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไม่ได้ และหลิงม่อก็ยังหวังให้เขาทำงานชดใช้ตัวเองอยู่…

“ก่อนหน้านี้ตอนที่ใช้พลังจิตสำรวจแล้วหามันไม่เจอ อาจเป็นเพราะมันมีพลังสูงเกินไป และตั้งใจซ่อนตัวด้วย แต่ตอนนี้มันอยู่ในสภาวะเตรียม “จู่โจม” ดังนั้นยังไงก็ต้องหามันเจอแน่นอน!

หลิงม่อจ้องเพดานเขม็ง จากนั้นก็หันไปมองหุ่นซอมบี้ตัวเล็กที่ตอนนี้กลับมาหาเขาแล้ว

“เราเป็นมนุษย์ แต่หุ่นซอมบี้เป็นแค่ซอมบี้ระดับธรรมดา…หากเปรียบเทียบกันแล้ว สำหรับสัตว์ประหลาดตัวนี้หุ่นซอมบี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าสนใจมากกว่าเรา…”

ส่วนอวี๋ซือหรานและเฮยซือนั้น หลิงม่อให้พวกเธอคอยรับคำสั่งอยู่ข้างนอก

แล้วยังมี “เครื่องผลิต” ยากล่อมประสาท ที่แอบมองอยู่ในมุมมืดอีกตัว…

—————————————————————————–