เล่ม 1 ตอนที่ 107 แม่หนู เจ้ารู้จักตระกูลลู่ดีจริงหรือ

ราชินีพลิกสวรรค์

สายเลือด! นี่คือพลังแห่งสายเลือด!

 

 

เจียงหลีผู้สืบทอดสายเลือดอสรพิษ นางช่างคุ้นเคยกับพลังแห่งสายเลือดเหลือเกิน

 

 

เมื่อลู่เสวียนแสดงพลังที่ไม่ใช่พลังระดับขึ้นของเขา นางก็สัมผัสถึงสายเลือดบนตัวเขาที่ไหลเวียนอยู่

 

 

หรือว่าบนโลกนี้คงมีสายเลือดพิเศษหลงเหลืออยู่ เจียงหลีตกตะลึง หลังจากที่นางได้แปลงสายเลือดอสรพิษเป็นพลังเนตรญาณ นางก็คิดว่าบนโลกนี้ไม่มีสายเลือดพิเศษอีกต่อไป

 

 

แต่ท่าทางตอนนี้ของลู่เสวียน กลับทำลายความเข้าใจที่นางมีต่อโลกนี้ ทันใดนั้น นางรู้สึกถึงบางอย่าง ราวกับว่าโฉมหน้าที่แท้จริงของโลกนี้ ยังแอบซ่อนอยู่หลังม่าน ส่วนนางเปิดไปแค่เศษเสี้ยวของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น

 

 

“ยาโถ่วน้อย เจ้ารู้จักตระกูลดีจริงหรือ” ฉินเทียนอีที่เห็นใบหน้าตกตะลึงของเจียงหลีถามออกมาด้วยน้ำเสียงยียวน

 

 

เจียงหลีหันหลังไปมองใบหน้าที่โอหังของเขา กำลังแสดงถึงความสนใจในตัวตระกูลลู่ หรือว่าสนใจสายเลือดของตระกูลลู่! เจียงหลีไม่ลืมเพราะฉินเทียนอียอมรับเอง เขารู้เรื่องที่มีคนแอบลอบสังหารลู่เสวียน เลยเข้ามาหุบเขาโยวโยวเพื่อตามดู

 

 

ที่บอกว่าจะมาดูความสนุก คงรอดูฉากนี้อยู่สินะ เจียงหลีคาดเดาในใจ สำหรับสายเลือดตระกูลลู่ เจียงหลีเองก็แปลกใจเช่นกัน เพียงแต่ว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาซักถามกัน ต้องเร่งกำจัดปัญหาตรงหน้าเสียก่อน เจียงหลีเก็บความคิดฟุ้งซ่าน เจียงหลีตั้งสติพลางมองชายหนุ่มแปดคนที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่ จู่ๆ เสียงของลู่เสวียนได้ลอยผ่านเข้าหูนาง เสียงของลู่เสวียนไม่ดังมาก คนที่ได้ยินอย่างชันเจนก็มีเพียงเจียงหลีที่ยืนอยู่ข้างๆ

 

 

“หลียาโถ่ว พลังของข้าจะอยู่ได้ไม่นาน ถ้าเจ้ามีโอกาสก็รีบหนีไปก่อน แล้วหาคนมาช่วยข้า หากข้าตายไป เจ้าจงมีชีวิตอยู่เพื่อบอกพี่ใหญ่ให้ล้างแค้นแทนข้าด้วย” จากที่เจียงหลีฟังมา นางสัมผัสถึงความแน่วแน่ของเขา

 

 

“เจ้าต้องไม่ตาย” เจียงหลีทิ้งท้าย ทันใดนั้น สีทองประกายเจิดจ้าแผ่ออกมาจากตัวเจียงหลี เงาร่างมโหฬารของเลี่ยเทียนซื่อลอยออกมาจากตัวนางอีกครั้ง แม้ว่าพลังของลู่เสวียนจะอยู่ในขั้นหลิงเจี้ยงแล้ว แต่กลับขาดวิญญาณยุทธ์ที่สอง หากเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ระดับหลิงเจี้ยงอย่างจริงจัง ยังคงต่างกันอยู่มาก ที่เด่นชัดที่สุดคือขาดทักษะการต่อสู้พรสวรรค์ไปอย่างหนึ่ง

 

 

“รนหาที่ตายเสียจริง!” นักฆ่าชุดดำแสยะยิ้ม ลู่เสวียนสีหน้าเกรี้ยวกราด

 

 

“ถึงข้าจะมีวิญญาณยุทธ์ต่อสู้เพียงดวงเดียว มีทักษะการต่อสู้พรสวรรค์แค่อันเดียว ข้าก็ฆ่าเจ้าได้เช่นกัน”

 

 

โฮกกก!

 

 

ฉิวหลงที่อยู่ด้านหลังเขาส่งเสียงคำราม ดวงตาลุกโชนดั่งเปลวเพลิง แสดงออกถึงท่าทีนวยนาดของปีศาจ

 

 

พลังวิญญาณรอบกายกวาดล้างทุกสิ่ง ลู่เสวียนพุ่งเข้าใส่อีกคนหนึ่ง เจียงหลีในเวลานี้ก็ตะครุบเข้าหาอีกฝ่ายเหมือนกัน ขณะเดียวกัน นางปลดปล่อยทักษะการต่อสู้พรสวรรค์ออกมาโดยตรง เงาร่างใหญ่โตของเลี่ยเทียนซื่อ ก้มหัวลงใช้เขาอันแหลมคมนั่นแทงเข้าไปที่อีกฝ่าย

 

 

“ความแตกต่างระหว่างหลิงซื่อและหลิงเจี้ยง ก็คือหลิงเจี้ยงมีเนตรญาณมากกว่าหนึ่งดวง พละกำลังทางกายแข็งแกร่งกว่าหลิงซื่อนัก มีฝีมือทักษะต่อสู้ที่มากกว่า มีการจัดเก็บพลังวิญญาณที่เหนือกว่า นอกเหนือจากนั้น นักสู้ระดับหลิงเจี้ยงก็ไม่มีที่น่าเกรงกลัวอีก และไม่ใช่ว่าจะเอาชนะไม่ได้”

 

 

หลังการต่อสู้ได้เริ่มขึ้น ฉินเทียนอีกลับพูดออกมาอย่างสบายใจเช่นนี้ แต่คำพูดนี้ เหมือนจะพูดพึมพำกับตัวเอง ราวกับว่าไม่มีความหมายอื่นแฝงอยู่ ทว่าเจียงหลีกลับฟังคำเตือนนั้นออก

 

 

“ฉินเทียนอีเจ้าอยากสอดมือมายุ่งเรื่องนี้หรือ” หนึ่งในชายเสื้อดำเอ่ยเสียงเข้มเตือน

 

 

ระหว่างที่ไล่ตามมา พวกเขาก็มองเห็นฉินเทียนอีที่โดดเด่นกว่าใคร เพียงแต่ว่า เขาวางตัวไม่สอดรู้สอดเห็น แต่คำวาจาของฉินเทียนอีเมื่อครู่นี่ กลับมีความหมายลึกซึ้ง ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

 

 

ฉินเทียนอีเป็นผู้มีพลังถึงระดับหลิงเจี้ยง แม้ว่าจะทำตัวเหลวไหลไปหน่อย แต่พรสวรรค์ของเขาก็ได้รับการยกย่อง อีกทั้งยังติดอันดับที่สองอีกของสิบผู้องอาจแห่งเมืองหลวง ทำให้ไม่ระวังไม่ได้

 

 

ฉินเทียนอีชายตามอง ถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “เจ้าสั่งข้าหรือ”

 

 

ดวงตานักฆ่าเสื้อดำหม่นหมองลง ฉินเทียนอีขึ้นชื่อด้านอารมณ์แปรปรวนนัก ชอบทำอะไรตามใจชอบ หากทำให้เขาโมโห ไม่แน่เข้าอาจจะเข้ามาเกี่ยวพันเรื่องนี้แน่ หลังดิ้นรนคิดอยู่พักหึ่ง สุดท้ายส่งเสียง ฮึ ในลำคออย่างเย็นชาและไม่ใส่ใจฉินเทียนอีอีก

 

 

สถานการณ์ตอนนี้คือแปดต่อสอง ไม่ว่าลู่เสวียนและเจียงหลีจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่อาจพลิกสถานการณ์ตรงหน้าได้ ไม่มีเหตุผลอื่นใด เป็นเพียงเพราะพวกเขาในเวลานี้อ่อนแอเกินไป ถึงแม้ว่าจะก้าวข้ามพลังขึ้นมาขั้นหนึ่ง ก็ฆ่าได้เพียงหนึ่งถึงสองคนแต่คนที่เหลือนั้น ก็สามารถจัดการพวกเขาได้เช่นกัน

 

 

อ้ากกก ลู้เสวียนตะโกนพลางจู่โจมอย่างไม่คิดอะไรทั้งสิ้น

 

 

วิธีเขาการต่อสู้ที่ฆ่าศัตรูได้เป็นพัน แต่ความเสียหายฝ่ายตนนั้นแปดร้อย ทำให้เจียงหลีหรี่ตาลง

 

 

จูเสีย! จูเสีย! เจียงหลีตะโกนเรียนในใจ ไพ่ใบสุดท้ายของนางตอนนี้คือจูเสียกับอสรพิษ แต่ว่า จูเสียยังคงหลับใหลอยู่ ส่วนอันหลังก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น

 

 

สองไพ่ไม้ตายสุดท้ายใช้การไม่ได้ การต่อสู่ครานี้… ดวงตาเจียงหลีแทบจะลุกเป็นไฟ ในใจกระวนกระวายมากขึ้น ขณะเดียวกัน พลังของลู่เสวียนที่ระบิดออกมาเพิ่มสูงขึ้น เขาใช้หมัดเดียวทำลายเกราะป้องกันระดับหลิงเจี้ยง พุ่งตัวไปถึงตรงหน้า ใช้หมัดพิฆาตขั้นหกของตระกูลู่ชกต่อยด้วยลำแขนทะลุผ่านทรวงอก

 

 

อ้ากก

 

 

“แส่หาที่ตาย”

 

 

เสียงร้องโหยหวนของหลิงเจี้ยงดังขึ้น กับอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังลู่เสวียนใช้พลังฟาดมาอย่างแรง

 

 

ฉีกเวหาาาาา

 

 

ในเวลาคับขันเช่นนี่ เจียงหลีปลดปล่อยทักษะการต่อสู้พรสวรรค์ออกมา รีบพุ่งตัวไปยังหลิงเจี้ยงที่ลอบจู่โจม นางใช้วิชาย่องเบา พุ่งไปตรงหน้าลู่เสวียน รีบคว้าตัวเขาไว้แล้วโยนไปทางฉินเทียนอีที่ยืนมองดูข้างๆ

 

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าสนใจอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตระกูลลู่ หากว่าลู่เสวียนเสียชีวิตที่นี่ ความอยากรู้อยากเห็นของเจ้าคงจะหยุดเพียงเท่านี้” ลู่เสวียนตายไป ความอยากรู้อยากเห็นของฉินเทียนอีที่มีต่อตระกูลลู่ จะไปถามใครได้อีก

 

 

คนหล่อขี้โรคอย่างลู่เจี้ยอย่างนั้นหรือ

 

 

หรือว่าผู้ที่อยู่ชายแดนอันไกลโพ้นอย่างท่านอ๋องลู่

 

 

ฉินเทียนอีเหล่ตาลง ถามด้วยน้ำเสียงยียวน “ยาโถ่ว จะยุยงให้ข้ายื่นมือเข้าช่วยหรือ”

 

 

“ไม่ต้อง เจ้าปกป้องเขาไม่ให้ตายก็พอ” เจียงหลีกล่าวอย่างทระนง พลังของลู่เสวียนกลับคืนสู่ปกติ เพียงแต่เนื้อกายอ่อนแรง เมื่อได้ยินคำพูดเจียงหลี เขารู้สึกตึงเครียดทันที

 

 

“หลียาโถ่วเจ้ารีบไปเสียไม่ต้องสนใจข้า” พูดจบ เขาก็พยายามประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของตน เพื่อที่จะขึ้นสู้ต่อ แต่ทันทีที่เขาขยับ ก็มีมือยื่นมาวางไว้บนหัวไหล่หยุดการเคลื่อนไหวของเขา

 

 

ลู่เสวียนหันขวับไปมองฉินเทียนอี พูดอย่างโมโห “ปล่อยข้า”

 

 

ฉินเทียนอีกลับยิ้มใส่เขา “นางพูดถูก เจ้ายังตายตอนนี้ไม่ได้”

 

 

“นี่เจ้า!” ดวงตาลู่เสวียนลุกเป็นฟืนเป็นไฟ เวลานี้เจ็ดคนที่เหลือได้ล้อมรอบเจียงหลีไว้แล้ว