“พี่หลาง ทำอะไรน่ะ?”
เฉินจื่อหลงมองอวี๋หมิงหลางซุปเปอร์พี่เขยที่เพิ่งเลื่อนขั้นเป็นไอดอลอย่างไม่เข้าใจ เขาเห็นอวี๋หมิงหลางสองมือประคองขวดชาเขียวเย็นที่เพิ่งซื้อมาไว้ตรงหน้าแล้วก้มหัวทำท่าคารวะเสี่ยวเชี่ยน
พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนแสดงอารมณ์โมโห เขาก็ขยับปากพูดกับเสี่ยวเชี่ยนแบบไม่มีเสียง เขาพูดอย่างช้าๆเสี่ยวเชี่ยนจึงอ่านปากของเขาออก เขาพูดว่า อายุยืนหมื่นปีหมื่นๆปี
แม่ง ไอ้คนบ้า ประชดว่าเธอเป็นเหมือนฮ่องเต้หญิงอีกแล้ว
อวี๋หมิงหลางแกล้งเสี่ยวเชี่ยนเสร็จจึงหันไปพูดกับน้องเมียจอมเซ่ออย่างจริงจัง
“เคยได้ยินเฉาฮู้ไหม?”
“เฉาก๊วย? สีดำๆอร่อยๆนั่นอะเหรอ?” เด็กอ่อนเรียนทำหน้างงอีกแล้ว
อวี๋หมิงหลางนั่งลงบนพื้นเอาไม้กระบองเขียนให้ดู เฉินจื่อหลงถึงกับปาดเหงื่อ “พี่หลาง ผมไม่รู้จักอักษรพวกนี้…”
วันๆทำร้ายเด็กอ่อนเรียนแบบนี้จะดีเหรอ เขายังเป็นเด็กอยู่นะ
“เฉาฮู้เป็นอุปกรณ์ที่ขุนนางสมัยก่อนต้องถือไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ด้วย สองมือถือเฉาฮู้บันทึกราชโองการจากฮ่องเต้ เข้าใจหรือยัง?”
“ผมนึกออกแล้ว แผ่นไม้ยาวๆที่ขุนนางถือแบบในละครย้อนยุคอะเหรอ? อ่อ ที่แท้มันก็เหมือนกับสมุดจดบันทึกตอนเรียนนี่เอง”
บันทึกกันลืมของคนโบราณ
“อืม ประมาณนั้น ต่อมาพอเริ่มผลิตกระดาษกันได้ มันเลยกลายเป็นแค่อุปกรณ์ที่ใช้ทำความเคารพ”
อยู่กับพี่เขยก็ได้ความรู้นะเนี่ย ได้ทั้งบุ๋นทั้งบู๊ครอบจักรวาลเลยทีเดียว—เดี๋ยวนะ แล้วเฉาฮู้เกี่ยวอะไรกับพี่เขยทำความเคารพพี่สาวของเขาด้วย?
เฉินจื่อหลงยังไม่เข้าใจ “พี่หลาง ทำไม่ต้องคารวะพี่สาวผมด้วยล่ะ?”
ปกติเรื่องทรมานคนโสดเข้ากันได้ดี อวี๋หมิงหลางส่งสายตาแบบมีเลศนัยให้เสี่ยวเชี่ยน ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะแทงเฉินจื่อหลงอีกดอก
“ต้าหลง การผลิตกระดาษเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดการค้นพบของประเทศเรา งั้นพี่จะขอทดสอบความรู้ประวัติศาสตร์หน่อย ในสี่สุดยอดการค้นพบ อันไหนเกิดขึ้นในสมัยฮั่น?”
“……”
ดูเอาแล้วกัน คำถามที่ไม่อยากตอบก็หาคำถามยิงกลับไปก็จบเรื่องแล้ว ง่ายจะตาย
หลังจากที่อวี๋หมิงหลางแกล้งน้องเมียเสร็จก็หันไปส่งสายตาให้ราชินีของเขา
เดิมเสี่ยวเชี่ยนกำลังหงุดหงิดใจอยู่ พอเห็นเขาทำแบบนี้ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก
ไม่รู้จริงๆจะบอกว่ายังไงดี เขาเป็นคนที่รู้จักเข้าหาเธอมาก มักจะทำอะไรบางอย่างในยามที่เธออารมณ์ไม่ดี หลังจากนั้นเธอก็จะหายหงุดหงิด มีคู่หมั้นแบบนี้อยู่ข้างกาย โรคย้ำคิดย้ำทำอยากจะกำเริบไม่มีโอกาสเสียหรอก
ส่งเจี่ยซิ่วฟางกับเฉินจื่อหลงขึ้นรถ แล้วเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางจึงเดินกลับบ้าน
ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาทีก็จะถึงบ้าน สายลมยามเย็นพัดเอื่อยๆสามารถช่วยทำให้จิตใจของเธอเย็นลง
อวี๋หมิงหลางจับมือเล็กๆของเธอซุกเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขา เสี่ยวเชี่ยนยังแค้นที่เขาหาว่าเธอเป็นบูเช็กเทียนเลยไม่ให้เขาจูงมือ
เธอดึงมือออกแล้วรีบเดินไปข้างหน้า ไม่อยากคุยกับตาบ๊องนี่
อวี๋หมิงหลางรีบวิ่งตามไปจูงมือเธอ เสี่ยวเชี่ยนสู้แรงไม่ได้เลยเหยียบเท้าเขา หลังจากนั้นจึงถูกเขารวบตัวเข้ามาจูบอย่างหนักหน่วง
“เหล้าอร่อยไหม?” เขาถามอย่างร้ายๆ
“ไปเลย”
“แสร้งทำเป็นเด็กดีต่อหน้าคุณน้า ไม่แตะเหล้าสักหยด คุณแอบเช็ดน้ำลายตอนมองผมกินเหล้าใช่ไหมล่ะ?”
“นายคิดว่าฉันเป็นไอ้ขี้เมาจริงๆเหรอ?” ถ้าเขากล้าพูดว่าใช่ เธอก็จะเลี้ยวกลับบ้านตัวเองทันที ไปนั่งกินเหล้าคนเดียว
“เปล่านะ ผมสิไอ้ขี้เมา ผมขี้เมาไม่โอเคเหรอ~” เขาทำหน้ายิ้มทะเล้นโอบเธอเดินกลับบ้าน
ตอนเย็นมีคนจูงสุนัขออกมาเดินเล่น เสี่ยวเชี่ยนมองหญิงสูงวัยคนนั้นเดินจูงสุนัขเตาะแตะ พอนึกถึงแม่แล้วก็ปวดใจ
“ฉันไม่ได้คัดค้านถ้าแม่จะหาใหม่ ฉันเองก็ไม่อยากเห็นแม่แก่ตัวหลงเหลือหมาเป็นเพื่อนอยู่ตัวเดียว”
ต่อให้ลูกจะกตัญญูแค่ไหนก็คงไม่มีทางอยู่ดูแลพ่อแม่ไปได้ตลอด หากหาคนที่เหมาะสมมาดูแลแม่ได้ก็คงเบาใจไม่น้อย
“ใช่ ผมรู้”
“แล้วรู้ไหมว่าเมื่อกี้นายล้อว่าฉันเป็นบูเช็กเทียน?” อย่าคิดว่าเธอจะลืมเรื่องนี้แล้ว เธอจำได้ชัดเจน
“ก็ผมเห็นคุณทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวสุดเคร่งขรึมแล้วดูน่ารักดีเลยแหย่คุณเล่น”
บ้านอื่นพ่อแม่นำลูกทั้งนั้น แต่ลูกเชี่ยนของเขาอายุยังน้อยกลับต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวเสียแล้ว เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ต้องดูแลหมด แม้แต่เรื่องของพ่อแม่ก็ต้องเป็นกังวลไปด้วย
“จริงเหรอ?” เธอเหล่มองเขา ถูกเขาจับหน้ามาจูบอีกรอบแล้วถึงปล่อย
“ก็แค่ไม่อยากให้คุณเหนื่อยเกินไป”
“แล้วนายว่าเมื่อกี้ฉันทำถูกไหม?”
“ถูกๆๆ คุณพูดอะไรก็ถูกหมด คุณใจกว้าง พูดอะไรก็ถู้กถูก”
“ไปเลย นายว่าฉันทำผิดใช่ไหม”
“ไม่ผิดๆ ลูกเชี่ยนของผมทำทุกอย่างถูกหมด แต่คุณเคยได้ยินคำพูดนี้ไหม งานอยู่ที่คน ความสำเร็จขึ้นอยู่กับฟ้า เรื่องบางเรื่องจะบรรลุวัตถุประสงค์หรือเปล่ามันก็เกี่ยวกับสวรรค์จะลิขิตเหมือนกันนะ จะไปฝืนไม่ได้”
“ทำไมฉันรู้สึกว่าคำพูดนายมีอะไร?”
“ลูกเชี่ยนเคยเจอเคสคนไข้แบบนี้ไหม อย่างเช่น ผู้หญิงบางคนร้องห่มร้องไห้บอกว่าชีวิตคู่ของตัวเองไม่มีความสุข ในสายตาของพวกเขาการจบชีวิตคู่ก็คือการหมดความทุกข์ แต่พวกเขากลับไม่อยากได้ยินคุณบอกพวกเขาให้ไปหย่า ที่พวกเขามาปรึกษาคุณก็เพื่ออยากรู้ว่าทำยังไงให้ไม่ต้องหย่า ในสมองคิดแต่จะอยากเปลี่ยนนิสัยสามีตัวเอง พอทำไม่ได้ก็รู้สึกว่าไม่มีความสุข”
“เยอะแยะ เคสแบบนี้ไม่ใช่แค่ผู้หญิงนะ ผู้ชายก็มีมาปรึกษา มันก็เกี่ยวกับตัวบุคคลด้วย—เดี๋ยวนะ อวี๋เสี่ยวเฉียง นายประชดฉันเหรอ?”
พอเห็นเธอโกรธอีกแล้ว อวี๋หมิงหลางก็รีบอธิบายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผมหมายความว่า คนบางคนก็ยอมที่จะลำบาก คุณยืนอยู่ในมุมของลูกสาวก็ไม่อยากให้แม่เจอกับอันตราย แต่แม่คุณอาจไม่คิดแบบนั้น คุณไม่ใช่ขนมเกลียวแล้วรู้ได้ไงว่ามันบิดเกลียวแล้วไม่มีความสุข?”
“นายสิขนมเกลียว—เดี๋ยวนะ นายรู้ว่าที่ฉันคัดค้านเพราะไม่อยากเห็นแม่มีอันตราย ไม่ใช่เพราะว่าไม่เหมาะสมกัน?”
อวี๋หมิงหลางมีเซ้นส์ที่เหนือคนธรรมดา ถึงเซ้นส์ของเขาจะเพี้ยนไปบ้างยามเจอกับเสี่ยวเชี่ยน แต่มองคนอื่นแม่นเสมอ
“ลูกเชี่ยนของผมปกป้องครอบครัวขนาดนี้ ในสายตาคนอื่นอาจมองว่าแม่คุณไม่เหมาะกับหัวหน้าเลี่ยว แตกต่างกันเยอะ ซึ่งคุณก็บอกแม่คุณแบบนั้น แต่ในใจของคุณไม่ได้คิดแบบนั้นแน่นอน เป็นไง พี่เข้าใจน้องถูกใช่ไหมล่ะ?”
จากนิสัยของเสียวเหม่ยที่ปกป้องคนในครอบครัว แม่ของเธอเจ๋งสุดในใจเธอเสมอ อย่าว่าแต่ขุนนางขั้นสี่เลย ขุนนางขั้นสูงสุดก็เหมาะ
ดังนั้นการที่บอกเจี่ยซิ่วฟางไปแบบนั้นก็เป็นแค่ข้ออ้างที่ใช้หลอกแม่ตัวเอง
เหตุผลจริงๆมีแค่ข้อเดียว หน้าที่การงานของพ่อเลี่ยวอันตรายไม่อยากให้แม่ต้องมาซวยไปด้วย ต่อให้แม่เธอไม่แคร์เรื่องพวกนี้ เสี่ยวเชี่ยนก็ต้องทำให้พ่อเลี่ยวคิดว่าแม่เธอไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น จะปล่อยให้อีกฝ่ายมาเอาเปรียบคิดว่าแม่เธออยากจะเอื้อมของสูงไม่ได้
เสี่ยวเชี่ยนหมดทางจะเถียง อวี๋หมิงหลางพูดเหมือนได้เข้าไปอยู่ในใจเธอ
“กลับไปฉันจะฆ่าปิดปากนาย”
“ทำไมอ้ะ” นี่คือคนที่เข้าใจคุณที่สุดนะ ทำไมต้องฆ่าปิดปากกันด้วย
“นายมันรู้มาก” คนเป็นบอสไม่ชอบให้ใครมาเดาใจถูก เธอเป็นเจ้าแม่ซีหวังหมู่ออกจะมีความสุข กลับถูกเขาแฉแบบหมดเปลือก
บอสไม่ชอบอะไรแบบนี้ รู้สึกเหมือนถูกเขาจับแก้ผ้าจนเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“งั้นถ้าผมบอกว่าพฤติกรรมของคุณแอบซ่อนบางอย่างไว้เบื้องหลัง ไม่แน่คุณอาจยิ่งอยากฆ่าผม งั้นผมไม่พูดแล้ว”