บทที่ 203 ไม่ขอถูกควบคุม + บทที่ 204 ไม่ขอให้ความร่วมมือ

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 203 ไม่ขอถูกควบคุม

เฉียวเทียนช่างกุมมือหนิงเมิ่งเหยา พร้อมรู้สึกมุ่งมั่นยิ่งกว่าเก่า เขาจะไม่ปล่อยให้หนิงเมิ่งเหยาต้องทนทุกข์เจ็บปวดจากสิ่งใดๆ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต

หลังจากเฉียวเทียนอวี๋กลับมายังสถานที่ซึ่งเขาใช้เข้าพัก เขาสั่งให้คนไปสืบเรื่องเฉียวเทียนช่าง

ไม่นานหลังจากนั้นก็มีรายงานตามที่เขาต้องการวางอยู่บนโต๊ะ

เมื่อมองตัวอักษรที่เขียนบนนั้น ตาเฉียวเทียนอวี๋มีประกายตื่นเต้นปรากฏวาบ สตรีนางนั้นร่วมมือกับองค์ชายฉี

เขาฟาดฝ่ามือลงกับโต๊ะ พินิจดูแล้วว่าตนต้องไม่กระทำการรีบร้อนเกินไป เริ่มต้นลงมือกับเฉียวเทียนช่างจะเป็นการดีกว่า ถ้าล้มเหลวเขาค่อยใช้ไพ่ใบสุดท้าย

หลังจากคิดแผนเสร็จสมบูรณ์แล้ว เขาเผากระดาษในมือทิ้ง ชายหนุ่มหรี่ตาเล็กน้อยแล้วคิดกับตัวเอง บางทีเขาอาจใช้เวลาตอนนี้ทำอะไรสักอย่างได้

“นายน้อย เรา…”

“ข้ารู้แล้วว่าจะต้องทำอะไร อย่าให้ข้อมูลพวกนี้รั่วออกไปเชียว” เฉียวเทียนอวี๋ครุ่นคิดหนัก เขามีตัวเลือกของตัวเอง แม้เฉียวเจิ้งหงจะเป็นผู้เลือกคนมาด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนของเฉียวเทียนอวี๋ ดังนั้นจะเก็บเรื่องเหล่านี้เป็นความลับสักระยะย่อมไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“นายน้อย ท่านหมายความว่าอย่างไร”

เฉียวเทียนอวี๋แสยะยิ้ม “เขาเคยควบคุมทุกอย่าง แต่น่าเสียดาย ข้าไม่ชอบโดนควบคุม”

ตั้งแต่เล็ก เขาก็ตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างตัวเองกับพวกพี่ชายแล้ว แต่ก่อน เฉียวเจิ้งหงไม่ได้หยาบกระด้างเท่านี้ กระทั่งกับเซียวฉีเทียน เฉียวเจิ้งหงก็ไม่ได้กระทำรุนแรงใส่

แต่เฉียวเจิ้งหงปฏิบัติกับเฉียวเทียนอวี๋เหมือนเขาทำเรื่องเลวร้ายมา ถ้าเฉียวเทียนอวี๋ไม่ยอมให้บิดาปฏิบัติกับตนตามใจชอบ ตนก็จะเจอปัญหาหนัก ดูแล้วราวกับว่าเฉียวเจิ้งหงจะขาดใจถ้าไม่ทำกับเขาเช่นนั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เฉียวเทียนอวี๋ไม่อาจขัดคำสั่งเฉียวเจิ้งหงได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามแต่

“แต่นายน้อย ยังเตรียมการไม่พร้อมเลยนะขอรับ” เขารู้สถานการณ์ของเฉียวเทียนอวี๋ดีจึงนึกกังวล ถ้าทำตามแผนของเฉียวเทียนอวี๋ อาจเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ได้

“ข้าถึงได้ขอให้เจ้าเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับสักพักอย่างไรเล่า” เฉียวเทียนอวี๋แสยะยิ้ม

ถ้าเขาได้เฉียวเทียนช่างมาร่วมมือ ก็จะมีอำนาจพอจัดการกับเฉียวเจิ้งหง เพราะจะอย่างไร บัดนี้เฉียวเจิ้งหงก็ไม่มีอะไรเหลือแล้วนอกจากจวนของเขา

กลับกัน เฉียวเทียนช่างเป็นแม่ทัพของเมืองนี้ เขามองออกชัดเจนว่าตาชั่งจะเอียงไปทางใด

คนอื่นๆ พากันผงกศีรษะ บ่งบอกว่าเข้าใจดี

ในเวลานั้น เฉียวเทียนช่างยังไม่รู้ตัวว่ามีคนพยายามจะใช้ประโยชน์จากเขา เขากำลังช่วยหนิงเมิ่งเหยาดูแลโรงงานและร้านขายสุรา

“เหยาเหยา สุราบางชนิดหมดแล้ว” เฉียวเทียนช่างบอก เขาเอารายการสินค้าไปหาหนิงเมิ่งเหยาก่อนจะส่งรายการให้นาง

หนิงเมิ่งเหยารับมาดูแล้วกล่าว “ไม่เป็นไรหรอก เราค่อยๆ ลดปริมาณการผลิตพวกนี้ลงก็ได้” องุ่นสุกแล้ว จวนจะถึงเวลาทำเหล้าองุ่น ดังนั้นถึงสุราที่ต้มไว้แต่แรกกำลังจะหมดก็ไม่สำคัญแต่อย่างใด

เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะแล้วทำเครื่องหมายบนรายการกันลืม

หลังเสร็จงาน เฉียวเทียนช่างไปพักผ่อนที่บ้านของหนิงเมิ่งเหยาพลางดูนางเย็บเสื้อผ้าให้เขา นางไม่เคยเย็บให้ตัวเองแต่กลับเย็บเสื้อผ้ามากมายให้เขา

“เจ้าน่าจะเย็บอะไรให้ตัวเจ้าเองบ้าง อย่าเอาแต่ทำเสื้อผ้าให้ข้าเลย” เฉียวเทียนช่างกล่าวอย่างอดไม่ได้

“ไม่ต้องห่วง ข้ามีชิงจู๋คอยจัดการให้ข้าอยู่แล้ว” หนิงเมิ่งเหยาจดจ่อกับเข็มในมือ นางตอบเขาโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา

เฉียวเทียนช่างยิ่งรู้สึกจนคำพูด จึงเพียงอยู่เป็นเพื่อนนางเงียบๆ หลังจากผ่านไปสักพัก เขาขอให้นางหยุดพักเสียบ้างและไม่ยอมให้หญิงสาวไปหางานอื่นมาทำ หนิงเมิ่งเหยารู้สึกอยู่ไม่สุขยิ่งนักที่ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง

เฉียวเทียนอวี๋พักอยู่ในเมืองสักพักใหญ่ ในระหว่างนั้น เขาสั่งให้คนที่เฉียวเจิ้งหงส่งมาไปตามหาเฉียวเทียนช่างต่อ ส่วนเขาไปที่สนามขนาดย่อมของเฉียวเทียนช่างด้วยกันกับคนสนิท

เมื่อเห็นชายหนุ่มคนเดิมหน้าบ้านตนอีกครา เฉียวเทียนช่างก็หงุดหงิดใจยิ่ง

“ข้ามีเรื่องอยากคุยกับท่าน” เฉียวเทียนอวี๋พูดขึ้นก่อนเฉียวเทียนช่างจะทันได้เอ่ยปาก

เฉียวเทียนช่างกอดอกมองเฉียวเทียนอวี๋ “ข้าไม่มีอะไรต้องคุยกับเจ้า”

“แม้จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหนิงเมิ่งเหยาอย่างนั้นรึ” เฉียวเทียนอวี๋ไม่สนใจน้ำเสียงและสีหน้าไม่ชอบใจของเฉียวเทียนช่าง เขาเพียงมองอีกฝ่ายอย่างสงบนิ่ง

เฉียวเทียนช่างชักสีหน้า ถลึงตามองเฉียวเทียนอวี๋อย่างเย็นชา “เจ้ารู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดถึงอะไรอยู่” ถ้อยคำที่เขาพ่นออกมามากพอจะทำให้เฉียวเทียนช่างอยากฆ่าเขาทิ้ง

บทที่ 204 ไม่ขอให้ความร่วมมือ

เฉียวเทียนอวี๋มองเฉียวเทียนช่างอย่างใจเย็น ไร้ซึ่งความหวาดกลัว “ข้ารู้ดีเชียวล่ะว่าข้ากำลังพูดถึงอะไร ข้าไม่ได้ตั้งใจจะมาข่มขู่ท่านหรอก ข้าเพียงอยากคุยกับท่าน”

เฉียวเทียนช่างปรายตามองเขาก่อนจะหันไปบอกหนิงเมิ่งเหยา จากนั้นเขาก็พาเฉียวเทียนอวี๋ไปยังหลังเขา

“ว่ามา เจ้าต้องการอะไรถึงได้มาที่นี่” เฉียวเทียนช่างมองไปยังทัศนียภาพข้างหน้า ไม่สนใจว่าเฉียวเทียนอวี๋อยากจะพูดอะไร

เฉียวเทียนอวี๋มองแผ่นหลังของเฉียวเทียนช่างแล้วเอ่ย “ท่านอยากจะอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ นี่ตลอดไปจริงหรือ”

“ที่นี่ไม่ได้ก็เลวร้ายอะไร”

“เฉียวเทียนช่าง ร่วมมือกับข้าเถอะ เมื่อท่านกลับไปเมืองหลวง ข้าจะช่วยท่านจัดการกับเฉียวเจิ้งหง” เฉียวเทียนอวี๋เผยเป้าหมายของตัวเอง

เฉียวเทียนช่างหันมามองเฉียวเทียนอวี๋ผู้ดูมั่นใจนักหนาว่าเขาจะกลับไปเมืองหลวง

“ข้าไม่สน อีกอย่าง ข้ามีทางของข้าเองสำหรับจัดการกับเขาแล้ว ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า และข้าไม่อยากกลับไป” เฉียวเทียนช่างกล่าวอย่างชิงชัง

ที่เฉียวเจิ้งหงลงเอยเช่นนี้ในวันนี้ก็เพราะเขาไม่ใช่หรือ แล้วเขายังไม่ทันกระดิกนิ้ว เฉียวเจิ้งหงก็เป็นทุกข์ทรมานแล้ว เช่นนั้นเหตุใดเขาจึงต้องร่วมมือกับคนอื่นด้วยเล่า ไม่เห็นมีความจำเป็นสักนิดเดียว

สีหน้าเฉียวเทียนอวี๋บิดเบี้ยวน่าเกลียด เฉียวเทียนช่างพูดถูก ถ้าเขาต้องการ เขาย่อมจัดการกับเฉียวเจิ้งหงได้ อีกทั้งฮ่องเต้ย่อมให้ความช่วยเหลือ แล้วเฉียวเทียนอวี๋เป็นใครจึงมาใช้น้ำเสียงเช่นนั้นพูดจาแบบนี้กับเขา

“ท่านไม่อยากร่วมมือกับข้าจริงๆ รึ” เฉียวเทียนอวี๋ถามเฉียวเทียนช่างเสียงเย็นยะเยือก

ริมฝีปากเฉียวเทียนช่างบิดเป็นยิ้มประชดประชันบางๆ “กระทั่งฮ่องเต้ยังไม่รับสั่งให้ข้ากลับเมืองหลวง เฉียวเทียนอวี๋ แล้วเจ้ามีอำนาจอะไรมาสั่งการข้าหรือ”

“ท่าน…”

“ข้าไม่สนใจจะร่วมมือกับเจ้า และข้าไม่สนใจในสิ่งที่เจ้าต้องการด้วย แต่ถ้าเจ้าบังอาจทำร้ายเหยาเหยา ข้าจะทำให้แน่ใจว่าชีวิตเจ้าจะทุกข์ระทมยิ่งกว่าตอนนี้” น้ำเสียงเฉียวเทียนช่างเอาจริง ไม่มีแววหยอกเอินเจือปน

เฉียวเทียนอวี๋มองเฉียวเทียนช่างด้วยายตาเย็นชาโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน หัวใจเขาเริ่มแข็งกระด้าง เขาคิดกับตัวเอง ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็อย่ามาโทษว่าข้าโหดร้ายแล้วกัน

ทว่า เฉียวเทียนอวี๋หาได้รู้ไม่ว่าสิ่งที่ตนกำลังจะทำในภายหลัง จะทำให้เขาต้องตายด้วยน้ำมือของเฉียวเทียนช่าง

ขณะมองเฉียวเทียนอวี๋เดินจากไป เฉียวเทียนช่างคิดกับตัวเองว่าบางทีเขาควรจัดการเรื่องพวกนี้ก่อน

เมื่อเฉียวเทียนช่างกลับไปที่สวน หนิงเมิ่งเหยากำลังนั่งบนชิงช้า ยากจะบอกว่านางคิดอะไรอยู่ สายตานางเหม่อลอยไปไกล นางไม่ทันสังเกตว่าเฉียวเทียนช่างกำลังเดินมาหา

เขาเดินไปยังชิงช้าแล้วผลักอย่างแผ่วเบา

แรงที่เพิ่มมากะทันหันทำให้หนิงเมิ่งเหยาตกใจ นางสะดุ้ง แต่พอรู้สึกถึงร่างที่คุ้นเคยอยู่ข้างหลัง นางก็หายเกร็ง “เทียนช่าง เจ้ากลับมาแล้ว”

“ใช่ ข้ากลับมาแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วง”

“ข้ารู้ แต่เขาต้องการอะไรถึงมาที่นี่เล่า” หนิงเมิ่งเหยาถามอย่างไม่ใส่ใจนัก

“เขาอยากให้ข้าร่วมมือกับเขา เขามาที่นี่เพื่อพาข้ากลับเมืองหลวง” เฉียวเทียนช่างยิ้มเยาะ ไม่มีใครบังคับให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำได้ทั้งนั้น

หนิงเมิ่งเหยาย่นหัวคิ้วเล็กน้อย “นั่นมัน…”

“ไม่ต้องกลัว ข้าบอกเขาแล้วว่าข้าจะไม่กลับไป” เฉียวเทียนช่างหยุดชิงช้าไม่ให้แกว่งไกว เขาก้มตัวลงกอดหนิงเมิ่งเหยา บนหน้าระบายยิ้มกว้าง

หนิงเมิ่งเหยาวางมือลงบนมือของเฉียวเทียนช่าง “ข้าเชื่อเจ้า”

เมื่อเฉียวเทียนอวี๋กลับมาถึงโรงเตี๊ยม สีหน้าเขายังคงบิดเบี้ยวและอึมครึมไม่เปลี่ยน ทำให้บรรดาผู้ติดตามเป็นกังวล

“นายน้อยขอรับ”

“หาทางทำให้พวกเขารู้เสียว่าเฉียวเทียนช่างอยู่ที่ไหน แล้วบอกพวกเขาว่าเฉียวเทียนช่างห่วงใยภรรยาอย่างมาก” เฉียวเทียนอวี๋สั่งอย่างเย็นชา

ในเมื่อเจ้าไม่อยากกลับ เช่นนั้นมาดูกันว่าเจ้าจะทำอย่างไรเมื่อภรรยายอดรักของเจ้าโดนลักพาตัวไปเมืองหลวง คราวนี้เจ้าจะยังปฏิเสธได้อีกหรือไม่

“นายน้อย ท่านจะบังคับให้คุณชายสามกลับเมืองหลวงหรือขอรับ” คนติดตามพวกนี้อยู่กับเฉียวเทียนอวี๋มานาน พวกเขาจึงเข้าใจความหมายแฝงนัยโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยออกมา

“ถูกแล้ว ข้าอยากรู้นักว่าเฉียวเทียนช่างจะยังหัวรั้นต่อไปหรือไม่”