เสียงเอ็ดของอนุฟาง ทำให้ผู้ที่ยืนอยู่นอกรั้วกำแพงเตี้ยยื่นศีรษะเข้ามา
สาวใช้ในเรือนเพ่งมองดูในแสงเช้า แล้วร้อง “เป็นเหลียนเหนียงที่รับใช้อยู่ในเรือนหลักเจ้าค่ะ”
ม้าผอมงั้นหรือ นางมาทำอะไร! ตั้งแต่วันแรกที่เห็นพวกนาง อนุฟางก็ตั้งตนเป็นศัตรูกับม้าผอมที่มาใหม่ทั้งสามแล้ว ตอนนี้คิ้วดั่งต้นหลิวที่วาดมาอย่างดีจึงตั้งตรง
สาวใช้ย่อมตะโกนตามนาย
“เหลียนเหนียง เช้าแบบนี้ เจ้าอยู่ตรงนั้นด้อมๆ มองๆ อะไร ขโมยของหรือไง! ยังไม่เข้ามาอีก!”
เหลียนเหนียงจึงค่อยๆ เดินเข้ามา แล้วหยุดยืนทิ้งระยะห่าง พลางตัวสั่นงันงกขณะทำความเคารพ
“แม่เล็กอย่างเพิ่งเข้าใจผิด ถึงบ่าวกล้าดียังไงก็ไม่กล้าเป็นขโมยขโจรหรอก เพียงแต่…พอเจอเรื่องบางอย่างเข้า ก็รู้สึกเหมือนหาบน้ำไว้ในใจหลายถัง บ้านสกุลอวิ๋นใหญ่โตขนาดนี้ ไม่รู้จะไปรายงานกับใครดี จึงวิ่งมาหาแม่เล็กโดยไม่รู้ตัว ทำให้แม่เล็กต้องตกใจ เหลียนหนียงขออภัย และจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
ในฐานะมารดาของลูกสาวที่กำลังจะได้เป็นผู้สูงศักดิ์ เมื่อวานอนุฟางได้รับคำชมจากอวิ๋นเสวียนฉั่งไม่น้อย จึงดีใจจนนอนไม่หลับ ตอนนี้พอเห็นเหลียนเหนียงเดือดเนื้อร้อนใจ เหตุใดจะไม่วางตัวเป็นนายหญิงเล่า พอเห็นเหลียนเหนียงรู้กาลเทศะ มีตนในสายตา ไม่ไปหาใครอื่น มาหาแต่ตน ก็รู้สึกพอใจยิ่ง ยืดอกที่เต่งตึงขึ้น
“มีเรื่องอะไร ก็ว่ามา”
ลำคอขาวเนียนของเหลียนเหนียงเหลียวซ้ายแลขวา ก่อนเดินเข้าใกล้อนุฟาง ก้มหน้าเล็กๆ ลง แรกเริ่มก็อ้ำๆ อึ้งๆ คล้ายไม่อยากจะพูด แต่ต่อมาคำพูดกลับพรั่งพรูดุจเทถั่วลงในกระบอกไม้ไผ่
“เมื่อไม่กี่คืนก่อน ขณะที่บ่าวกำลังทำงานอยู่ในห้องครัวนั้น เถาฮวาก็เข้ามาต้มน้ำ บอกจะต้มบะหมี่ให้นายท่านรับประทาน แต่เพราะความรีบ จึงทำของหล่นโดยไม่รู้ตัว ตอนนั้นบ่าวไม่ทันสังเกต รอจนเถาฮวาเดินออกไป บ่าวค่อยเห็น จึงเก็บขึ้นมาดู เป็นเข็มกลัดดอกกล้วยไม้ บ่าวแม้ไม่เคยเห็นโลกภายนอก แต่ก็รู้ว่าเข็มกลัดที่ทำจากทับทิมแดงกับหยกมรกตมีมูลค่าไม่น้อย ขณะตกใจ เถาฮวาก็วิ่งกลับมาอย่างร้อนรน แล้วแย่งเอาเข็มกลัดไป บอกว่าเป็นของนาง ทว่า นางกับบ่าวเข้าสกุลอวิ๋นมาพร้อมกันแค่ไม่กี่วัน ไฉนนางถึงมีของล้ำค่าแบบนี้ได้ บ่าวไม่เชื่อ แต่นางยืนยันว่า นายท่านเป็นคนมอบให้นางเอง แล้วนางก็จากไปพร้อมเข็มกลัด…”
อนุฟางใจแป้ว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหึงหวงขึ้นมา เหตุใดนายท่านถึงต้องจ่ายหนักให้นังนั่นด้วย
เหลียนเหนียงมองดูสีหน้าอนุฟาง ก่อนพูดต่อ
“…บ่าวคิดทบทวนไปมาอยู่วันหนึ่ง แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดี เข็มกลัดดอกกล้วยไม้มิใช่ของชิ้นเล็กๆ ถ้าบอกว่านายท่านมอบผ้าเช็ดหน้าให้นางผืนหนึ่ง ปิ่นปักผมอันหนึ่ง บ่าวยังพอเชื่อ แต่เข็มกลัดนั่นราคาแพงจริงๆ ต่อให้เถาฮวาเป็นคนโปรด ก็อยู่ในจวนแค่ไม่กี่วัน นายท่านจะมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้ง่ายๆ ได้อย่างไรกัน!”
“เรามาจากที่เดียวกัน บ่าวเกรงว่าเถาฮวาเพิ่งมาถึงก็เกิดความโลภ ทำให้สมาคมถูกเข้าใจผิด ถึงตอน
นั้น ถ้านางถูกไล่ออกคนเดียวก็ว่าไปอย่าง เกรงว่าอาจลามมาถึงบ่าวกับฮุ่ยหลานด้วย! บ่าวจึงต้องหาที่พึ่ง หา
นายที่ดีคนหนึ่งไว้ จะไม่ยอมออกไปข้างนอกตกระกำลำบากอีก นี่ทำให้บ่าวนอนไม่หลับทั้งคืน ซึ่งถ้าบ่าวบอกเรื่องนี้กับผู้อาวุโสและนายท่านแล้ว เถาฮวาทำผิดจริง บ่าวก็จะไม่มีที่ยืนทันที อย่างไรบ่าวกับนางก็เป็นพี่เป็นน้องกัน บ่าวจึงทนไม่ได้ที่ต้องเห็นนางตกยาก จึงอยากขอให้แม่เล็กช่วยสืบอย่างลับๆ ถ้าเข็มกลัดเป็นของที่นายท่านให้นางจริง นั่นก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าไม่ใช่ จะได้บอกให้นางเอาไปวางไว้ที่เดิม แล้วปิดเป็นความลับ ห้ามไม่ให้นางทำผิดอีก”
โง่เง่าจริงๆ ยัยนี่ อนุฟางเหล่ตามองเหลียนเหนียง ทั้งผอมทั้งตัวเล็ก ก้มหน้าเล็กๆ เท่าฝ่ามือ เหมือนหนูตัวเล็กๆ ไม่มีผิด ขนาดหายใจก็ยังไม่กล้า แต่ก็จริง สามสาวที่ผู้อาวุโสเลือกมาจากสมาคมม้าผอมมา ถือว่าอายุมากอยู่ ไม่ง่ายกว่าที่เหลียนเหนียงจะได้มาจวนรองเจ้ากรม แต่กลับต้องมาเป็นคนใช้ ไหนเลยจะยอมให้เถาฮวาเขี่ยนางกลับไปที่สมาคมม้าผอม หรือกระทั่งขายให้กับตระกูลเล็กๆ ได้เล่า
ส่วนเถาฮวา อนุฟางขยำแขนเสื้อ ความหึงหวงยังไม่จางหาย เนื่องจากเถาฮวารับใช้ที่เรือนหลัก เดิมทีนางเป็นคนที่ตนต้องจับตาดูมากที่สุดอยู่แล้ว โดยเฉพาะการแต่งเนื้อแต่งตัวและการเดินบิดไปบิดมาของนาง ไม่เหมือนคนที่อยู่ในกฏระเบียบแต่อย่างใด มองปราดเดียวก็รู้ว่า เป็นเมียน้อยแน่ ถ้าท่านพี่ให้ของล้ำค่าแบบนั้นกับคนชั้นต่ำอย่างนางจริง ก็แสดงว่ามีใจให้นางอยู่
พอคิดถึงตรงนี้ อนุฟางจึงตัดสินใจในทันที หันไปพูดเสียงเรียบกับบ่าวรับใช้
“จวนรองเจ้ากรมไหนเลยจะอนุญาตให้คนมือเท้าไม่สะอาดอยู่ บ่าวไพร่ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ถ้าเหิมเกริมขนาดนี้ ต่อไปแก่ตัวลงยังไม่เท่าไหร่ แต่ของในบ้านนี่สิ มิต้องถูกนางขโมยจนเกลี้ยงหรอกหรือ เด็กๆ นำตัวเถาฮวามา ข้าจะสอบสวนนางดีๆ ดูซิว่ามันเรื่องอะไรกันแน่!”
ตามหลักแล้ว อนุฟางจะสอบสวนบ่าวในบ้านคนเดียวไม่ได้ แต่ตอนนี้ทั้งนายท่านและผู้อาวุโสล้วนไม่อยู่ กระทั่งคุณหนูใหญ่ก็ยังเป็นแขกอยู่ในวัง ยังไม่กลับ แต่ถ้ามีกรณีพิเศษที่เร่งรีบ อนุฟางจะควบคุมการสอบสวนเอง ก็ไม่ใช่เรื่องเกินเลย ที่สำคัญคือ บ่าวรับใช้ดูออกว่า อนุฟางกำลังริษยาเถาฮวา จึงคิดหยิบยืมโอกาส แสดงอำนาจให้เป็นที่ประจักษ์ ในใจจึงกังวลแทนเถาฮวา ทว่าก็ได้แต่ไปที่เรือนหลัก
เหลียนเหนียงถอยไปยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้าง สีหน้าแสดงความหวาดกลัวและไม่สบายใจให้เห็น
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เถาฮวาก็ถูกบ่าวรับใช้และผู้คุมกฎในจวนลากตัวมาที่เรือนชุนจี้
ตั้งแต่เถาฮวามาถึงบ้านสกุลอวิ๋น พูดได้ว่าก้าวหน้าเร็วมาก วันแรกก็ได้เป็นหัวหน้าสาวใช้ในเรือนหลัก ได้ใกล้ชิดนายท่านโดยตรง จากนั้นก็ไม่ต้องลิ้มรสความยากลำบากของการเป็นสาวใช้แม้แต่นิดเดียว และไม่มีใครในบ้านที่ทำไม่ดีกับนาง
พอเห็นบ่าวรับใช้กับผู้คุมกฎมีท่าทีดุดันตลอดทางที่คุมตัวนางมา นางก็ใจเต้นไม่เป็นระส่ำอยู่ ยิ่งพอเห็นอนุฟางนั่งกอดอกบนเก้าอี้ทรงกลมในชานเรือน และมองมาที่นางอย่างเคร่งเครียด ก็ยืนตะลึงอยู่กับที่ พูดจาตะกุกตะกัก
“แม่เล็กเรียกเถาฮวามามีเรื่องอะไรหรือ…”
วันนี้เถาฮวาแต่งตัวเรียบๆ แต่ก็ยังโดดเด่นในกลุ่มบ่าว นางสวมเสื้อธรรมดาสีขาว กระโปรงสีชมพูเข้ม
ทับด้วยเสื้อกั๊กยาวสีน้ำเงิน อากาศเย็นแบบนี้ นางยังสวมเสื้อเอวลอยตัวเล็ก ไม่รู้ว่าจงใจเผยเสื้อตัวในสีชมพูให้ดูน่ารักหรืออย่างไร ซึ่งอนุฟางเห็นแล้วก็แอบหมั่นไส้ รู้สึกเกลียดขี้หน้า การแต่งตัวยั่วยวนเช่นนี้ ต้องการดึงดูดความสนใจของท่านพี่เห็นๆ จึงตบที่เท้าแขน
“มีเรื่องอะไรรึ ยังมีหน้ามาถามอีก พูด เจ้าขโมยของในบ้านใช่หรือไม่!”
“แม่เล็กเอาอะไรมาพูด…” เถาฮวาตกใจหน้าซีด คุกเข่าทั้งสองข้างลง “ต่อให้บ่าวกล้าแค่ไหน ก็ไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้แน่”
พอหันมองไป แล้วเห็นเหลียนเหนียง ก็สงสัยว่าทำไมนางถึงอยู่กับอนุฟางที่นี่ได้ ในหัวพลันวาบ จึงลุกขึ้นต่อว่า
“เจ้านี่มันหญิงแพศยาไร้ยางอาย พูดให้ร้ายข้าใช่ไหม แม่เล็ก อย่าได้ฟังนางเป็นอันขาด!”
อนุฟางส่งสายตาให้ผู้คุมกฎๆ จึงจับเถาฮวากดลง เถาฮวาไม่ยอม ยังคงด่าว่าเหลียนเหนียงอย่างโกรธแค้น อนุฟางเห็นนางดื้อด้านต่อหน้าตนเช่นนี้ จึงออกคำสั่งเสียงแข็ง
“ตบปาก!”
บ่าวรับใช้จึงก้าวเข้าไป พับแขนเสื้อ แล้วยกมือขึ้นตบ ‘เพียะๆ’ ติดต่อกันหลายฉาด จนเห็นรอยโลหิตเป็นจุดๆ บนใบหน้ารูปไข่ที่เนียนเรียบ แม้เถาฮวาหุบปากลง แต่ไหนเลยจะยอมทนต่อความไม่เป็นธรรมเช่นนี้ จึงร้องไห้เสียงดังขึ้นมา
“แม่เล็กพูดให้บ่าวฟังหน่อยว่า บ่าวขโมยอะไร จับโจรต้องมีหลักฐาน มิเช่นนั้นก็ต้องรอให้นายท่านกลับมา แล้วไต่ถามให้กระจ่างด้วยตนเอง!”
พอพูดถึงท่านพี่ อนุฟางก็ยิ่งโมโหจนไม่ใช่แค่อยากตบอย่างเดียวแล้ว นี่มันแสดงความโอหังในฐานะคนโปรดของท่านพี่นี่ ตอนนี้ขนาดเป็นแค่บ่าวยังทำตัวยโสถึงเพียงนี้ รอให้เลื่อนเป็นอนุ มีฐานะทัดเทียมตนเมื่อไหร่ ยังจะเห็นตนอยู่ในสายตาหรือ ถ้าไม่จัดการตอนยังเป็นต้นอ่อน ต่อไปก็ไม่มีโอกาสแล้ว!
คิดได้เช่นนี้ ดวงตาอนุฟางก็ถูกเมฆดำปกคลุมจนมืดมิด สั่งให้บ่าวรับใช้ไปค้นห้องพักบ่าวของเถาฮวา นำเข็มกลัดดอกกล้วยไม้มา