บทที่ 129 องค์ชายรัตติกาลหมดสติ

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 129

องค์ชายรัตติกาลหมดสติ

“พระชายา?” อวี้ตี๋เอ๋อถึงกับผงะไปพักหนึ่ง แล้วพอรู้สึกตัวได้ก็กล่าว “พวกเจ้าจะเรียกนังนั่นแบบนั้นไม่ได้นะ นางน่ะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับองค์ชายสักหน่อย”

ถึงแม้นางนั้นจะถูกถ่างปากอยู่ แต่อวี้ตี๋เอ๋อก็ยังพูดได้แม้จะไม่ชัด

ในเวลานี้อันเอ้อนั้นไม่ได้มองมาที่นางแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่จะตอบนางเลย ในสายตาของเขาแล้วเขามองผู้หญิงตรงหน้าเขานี้เป็นบ้าด้วยซ้ำ

ในขณะที่ทั้งคู่กำลังตกอยู่ในความเงียบนั้นเอง ประตูห้องของเจียงหวายเย่ก็ได้เปิดออกแล้วหมอรุ่ยเหยียนก็ออกมา หลังจากที่มองไปที่สายตาคาดหวังของอันเอ้อแล้ว เขาก็ได้ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

“ไม่เป็นไร พระชายาคงจะต้องมีหนทางแน่” อันเอ้อกล่าวอย่างเชื่อมั่น

หมอรุ่ยเหยียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้เดินเข้าไปหา “ข้าเองก็มั่นใจในวิชาแพทย์ของตัวเองเหมือนกัน แต่ในเวลาแม้แต่ข้าเองก็ยังบอกไม่ไหว แต่ทำไมเจ้าถึงได้ตั้งความหวังไว้ที่นางนัก?”

อันเอ้อก็ได้ยักคิ้วขึ้นมา แล้วดวงตาของเขานั้นก็เต็มไปด้วย “ก่อนหน้านี้พระชายายังสามารถรักษาพิษเรื้อรังขององค์ชายได้ และคราวนี้ข้าเองก็เชื่อว่าพระชายาก็ต้องทำได้เช่นกัน”

“ถ้าอย่างนั้นก็ควรค่าแก่การเฝ้ารอล่ะนะ” หมอรุ่ยเหยียนก็ได้สงสัยในตัวของพระชายามากขึ้นเรื่อยๆ แล้วทั้งสองคนก็ได้ยืนรออยู่ที่หน้าตำหนักนั้น และอันเอ้อก็ได้ให้คนพาตัวอวี้ตี๋เอ๋อไป

แต่หลังจากนั้นสักพัก พระชายาก็ยังไม่มาแต่กลับเป็นสนมขององค์ชายที่มาแทน

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

ในเวลานี้องค์ชายนั้นถูกวางยาพิษและไม่ได้สติอยู่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่อันเอ้อจะให้ปล่อยให้นางเข้าพบกับองค์ชายได้ เขาจึงได้ห้ามเอาไว้

เหลียนเอ๋อก็ได้เงยหน้าขึ้นมาและมีสีหน้าเหมือนกำลังร้องไห้ “ได้โปรดให้ข้าเข้าไปเถอะ ข้ามีเรื่องด่วนที่จะต้องบอกกับองค์ชายให้ได้”

อันเอ้อยังคงไม่ขยับไปไหน ถึงแม้ว่าองค์ชายเย่นั้นจะไม่ได้บ้าผู้หญิงมากนัก แต่ก็มีผู้หญิงมากมายอยู่ในตำหนักในของเขาแม้ว่าจะถูกยัดเยียดมาให้ก็ตามที ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าพวกผู้หญิงเหล่านี้ล้วนกำลังคิดอะไรอยู่

“องค์ชายกำลังพักผ่อนอยู่ ไม่ให้ใครเข้าพบทั้งนั้น” อันเอ้อก็ได้ยื่นมือขวางเหลียนเอ๋อ และใบหน้าที่ด้านชาของเขาก็ได้มีสีหน้าราวกับปีศาจร้าย

แล้วก็มีแววตาหดหู่ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของ เหลียนเอ๋อ นางได้คุกเข่าลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมา “วันนี้สาวใช้ของข้าจู่ๆเสียชีวิต ข้าจึงหวังให้องค์ชายเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้และให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วย”

“อะไรนะ?”

มีการฆ่ากันเกิดขึ้นในพระราชวัง มันทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก อันเอ้อจึงได้หันหน้าไปที่หมอรุ่ยเหยียนแล้วส่งสัญญาณให้ แล้วก็หันกลับมาบอกกับเหลียนเอ๋อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “แม่นางช่วยพาข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย”

ถึงแม้ว่ามันจะผิดไปจากแผนที่นางวางเอาไว้ แต่ เหลียนเอ๋อก็ได้ผงกหัวให้อย่างใจเย็น แล้วได้พาอันเอ้อกลับไปยังตำหนักเล็กๆของนาง

ที่ตำหนักเล็กๆของเหลียนเอ๋อนั้นกลับดูเรียบง่ายมาก เพราะถึงนางจะเป็นนางสนม แต่ก็หาได้มีฐานะหรือศักดิ์ใดๆไม่ จึงมีแค่สาวใช้เพียงคนเดียวคอยรับใช้นางเท่านั้น

“เจ้าพบว่านางตายเมื่อใด?” อันเอ้อก็ได้ถามและตรวจสอบอย่างตั้งใจ เพราะเขารู้สึกแปลกๆกับเรื่องนี้

“ในวันนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยดี ข้าจึงได้อยู่แต่ในห้องของข้าเพื่อพักผ่อน หลังจากที่ตื่นขึ้นมาและอยากที่จะดื่มน้ำ แต่ไม่ว่าข้าจะเรียกซิ่งเอ๋อเท่าไรแต่ก็กลับไม่มีใครตอบกลับมาเลย” ในขณะที่นางเล่า เหลียนเอ๋อก็ได้หยิบผ้าพันคอของนางขึ้นมา และเริ่มร้องไห้ออกมาเบาๆ “จากนั้นข้าจึงได้ออกไปตามหานาง แต่ก็ไม่คิดว่า…..”

ไม่พบสิ่งใดผิดปกติจากในเรื่องที่นางเล่า อันเอ้อจึงได้ทำการตรวจสอบร่างกายของสาวใช้ซิ่งเอ๋อก่อน และพบว่าไม่มีบาดแผลๆใดที่ตัวของซิ่งเอ๋อ และพบเพียงเข็มเงินที่ไม่สะดุดตาปักอยู่ที่คอของนาง แล้วสีหน้าของเขาก็ได้มืดดำขึ้นมา

ยาพิษ! เมื่ออันเอ้อเห็นเช่นนี้แล้ว ก็มีคำคำเดียวปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา แต่ใครกันล่ะที่สามารถฆ่าคนด้วยยาพิษได้?

แล้วคำถามนี้ก็ได้ทำให้หัวของอันเอ้อเหมือนจะระเบิด แล้วจากนั้นเขาก็ได้สั่งให้คนมาจัดการกับศพของซิ่งเอ๋อแต่เหลียนเอ๋อก็ได้ปฏิเสธ นางปกป้องซิ่งเอ๋อแล้วจ้องไปที่อันเอ้อ

“ข้าไม่เชื่อเจ้า ข้าจะรอให้องค์ชายเป็นคนตัดสินใจเท่านั้น” เหลียนเอ๋อกล่าวขณะที่ยังมีน้ำตาไหลออกมาจากขนตายาวๆของนาง ซึ่งใครได้เห็นต่างก็รู้สึกสงสารนาง

อันเอ้อก็ได้คิ้วขมวดแล้วจากไปโดยที่ไม่ได้พูดอีก

ณ ตำหนักขององค์ชายเย่ หลินซีเหยียนก็ได้มาถึงหลังจากที่อันเอ้อออกไปได้สักพัก และในเวลานี้นางก็ได้เริ่มทำการฝังเข็มรักษา

หมอรุ่ยเหยียนยืนดูอยู่ใกล้ๆ และมองดูเข็มเงินที่ปักลงไปในร่างของเจียงหวายเย่อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ดวงตาของเขาก็ได้ร้อนผ่าวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ เขาทำได้แค่เพียงมองดูอย่างอดทนเท่านั้น

หลังจากที่การฝังเข็มของหลินซีเหยียนเสร็จสิ้น หมอรุ่ยเหยียนก็ได้กล่าวขึ้นมา “พระชายา เมื่อใดองค์ชายถึงจะฟื้น?”

“อันนี้เจ้าคงต้องถามตัวองค์ชายเย่เอง” หลินซีเหยียนกล่าวพร้อมกับยิ้ม

หมอรุ่ยเหยียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะยิ้มกลบเกลื่อนแล้วถามออกไป “พระชายาหมายความเช่นไรรึ?”

“ด้วยวรยุทธ์ระดับองค์ชายเย่แล้ว แต่กลับไม่สามารถหลีกเลี่ยงแผนการร้ายของอวี้ตี๋เอ๋อได้ เจ้าจะเชื่อไหม? ยิ่งไปกว่านั้น สภาพร่างกายของเขาเป็นเช่นไรนั้นข้าก็รู้ได้ทันทีที่จับชีพจรของเขานั่นแหละ” มองไปที่ร่างกายขององค์ชายรัตติกาลที่อยู่ตรงหน้านางแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้เปิดโปงแผนการของเขาอย่างไม่ปรานี

เจียงหวายเย่ที่ยังคงนอนอยู่ที่เตียงนั้นก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมา แล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่อ่อนแรง “เปิ่นหวางยังรู้สึกแย่และวิงเวียนอยู่เลย”

“ก็ปกติดีนี่นา” หลินซีเหยียนกล่าวอย่างใจเย็นโดยไม่มีความสงสารเลยแม้แต่น้อย เพราะนางรู้ว่าเจียงหวายเย่นั้นแกล้งทำเป็นน่าสงสาร

“พระชายา องค์ชายอาการหนักมากเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าท่านควรที่จะใช้มือของท่านรักษาเขาหน่อยเหรอ?” หมอรุ่ยเหยียนที่ทนต่อไปไม่ไหว และรู้สึกว่าหลินซีเหยียนนั้นไร้หัวใจ ทั้งๆที่คนรักของนางเป็นเช่นนี้แต่กลับเมินเฉยได้

หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วแล้วถาม “องค์ชายเย่คิดฆ่าตัวตายก็ต้องย่อมอาการหนักอยู่แล้ว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?”

เจียงหวายเย่ก็ได้ยื่นมือออกไปและฉวยโอกาสตอนที่หลินซีเหยียนไม่ทันได้ตั้งตัวดึงนางเข้ามาในอ้อมแขนของเขา แล้วเขาก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาและแหบแห้ง “เสี่ยวเหยียนเอ๋อโกรธเพราะเปิ่นหวางไปดูแลตัวเองงั้นเหรอ?”

“เปิ่นหวางสำคัญตนผิดไปแล้ว” หลินซีเหยียนกล่าวอย่างประชดประชัน “ท่านล้อเล่นกับชีวิตของตัวเองเช่นนี้ ทำไมข้าต้องรักษาท่านอย่างจริงจังด้วย?”

คำพูดที่โหดร้ายและไม่ฟังเหตุผลออกมาจากริมฝีปากของหลินซีเหยียนเรื่อยๆ เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องไปที่นางและก้มลงจูบนาง

ทั้งหลินซีเหยียนและหมอรุ่ยเหยียนต่างก็ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ หลินซีเหยียนจึงได้ตกใจตัวแข็งทื่อและปล่อยให้เจียงหวายทำเช่นนั้น ในขณะที่หมอรุ่ยเหยียนก็ได้รีบหันหลังให้ทันที ทำราวกับว่าเขานั้นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น แต่ปลายหูของเขาก็ได้ทรยศเขาและมีสีแดงปรากฏขึ้นมา

“ปล่อยข้า…”

หลังจากที่รู้สึกตัวได้ หลินซีเหยียนก็ได้เริ่มขัดขืน แต่ตัวของนางนั้นถูกกักขังอย่างแน่นหนาด้วยแขนของเจียงหวายเย่ ทำให้นางนั้นไม่สามารถขยับได้เลย

การจูบนี้ดำเนินไปอยู่พักใหญ่ๆจนกระทั่งหลินซีเหยียนรู้สึกได้ว่านางนั้นกำลังจะขาดใจตาย

“เพราะเสี่ยวเหยียนเอ๋อชอบปากไม่ตรงกับใจ ทั้งๆที่เจ้าเป็นห่วงเป็นใยเปิ่นหวางมากขนาดนี้แต่กลับทำเป็นไม่สนใจเปิ่นหวาง” เจียงหวายเย่ได้หรี่ดวงตาลูกท้อของเขาลง ซึ่งเมื่อรวมกับใบหน้าที่งดงามของเขาแล้วก็น่ากลัวอย่างมาก และทำให้ หลินซีเหยียนต้องตกตะลึงอีกครั้ง

เมื่อคำพูดเหล่านี้เข้าหูของรุ่ยเหยียน สีหน้าของรุ่ยเหยียนก็ได้บิดเบี้ยวราวกับกินอึขึ้นมาทันที คนที่กำลังพูดจีบสาวอยู่นั้นคือเจียงหวายเย่จริงๆเหรอ??

หรือว่าจะรักษาเขาผิดพลาด

จะต้องเป็นเพราะพิษแน่ๆ บางทีเขาควรที่จะตรวจอาการและรักษาเจียงหวายเย่อีกหนหลังจากนี้ บางทีสมองของเขาอาจได้รับความเสียหาย

ในเวลานี้เจียงหวายเย่นั้นไม่รู้ว่ารุ่ยเหยียนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ และในเวลานี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยเสียวเหยียนเอ๋อ พระชายาที่เขาเลือกแล้ว

“เจียงหวายเย่ปล่อยข้านะ” หลินซีเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้

แต่ความสงบนิ่งคาดไม่ถึงนี้ทำให้เจียงหวายเย่ตื่นตระหนก เขาจึงได้ล็อคหลินซีเหยียนเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาแน่นกว่าเดิมและไม่คิดที่จะปล่อยนางไปแม้แต่น้อย ราวกับกลัวว่านางจะจากเขาไปทันทีที่เขาปล่อยนางไป