บทที่ 90 บทลงโทษที่แสนรุนแรง

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

เมื่อถูกตื๊อมาก ๆ เข้า อวี้ฮ่าวหราน จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพา ถวนถวน ไปจัดการปัญหาภายในบริษัทกับเขาด้วย

ไม่กี่นาทีต่อมา อวี้ฮ่าวหราน ก็ไปพบกับผู้จัดการหวังที่หน้าแผนกสายการผลิต

นี่คือเรื่องแรกที่อวี้ฮ่าวหรานอยากแก้ไข

ที่ด้านในแผนก พวกพนักงานที่มีปัญหาเกือบ20คนก็ยังคงปฏิเสธไม่ยอมทำงานตามที่หัวหน้าของพวกเขาสั่ง

พวกเขายังคงเรียกร้องต้องการให้เพิ่มเงินเดือนเหมือนเดิมไม่งั้นพวกเขาก็จะไม่ทำงาน

“ไม่ต้องมาสั่ง! ถ้าประธานอวี้ไม่ขึ้นเงินเดือน พวกเราก็จะไม่ทำงาน!”

“อยากรู้เมหือนกันว่าถ้าพวกเราไม่ทำงาน บริษัทจะเอาของจากไหนไปขาย!”

“บริษัทมีผลกำไรมหาศาลทุกปีแต่กลับขึ้นเงินเดือนให้เราแค่ปีละ5%แบบนี้มันเอาเปรียบกันมากเกินไปอย่างน้อย ๆ ก็ต้อง40%!”

“…”

บรรดาพวกหัวหน้าแผนกก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับเหตุการณ์นี้ ขนาดประธานบริษัทยังไม่กล้าออกหน้า แล้วพวกเขาจะกล้าไล่คนงานที่มีประสบการณ์สูงพวกนี้เกือบ20คนได้ยังไง?

“โอ้ ยังคงสร้างปัญหาอยู่สินะ เยี่ยม!”

อวี้ฮ่าวหราน เดินเข้ามาในแผนกด้วยรอยยิ้มเย็นชา

“เฮ้! นั่นประธานอวี้นี่นา ในที่สุดก็มาได้สักทีเมื่อวานคุณรีบหนีไปเหลือเกินจนพวกเรายังไม่ได้บอกรายละเอียดเลยว่าพวกเราต้องการให้ขึ้นเงินเดือนเท่าไหร่!”

คนที่เป็นผู้นำการประท้วงเมื่อวานตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าหยิ่งผยองทันที เมื่อเห็นว่า อวี้ฮ่าวหราน เดินเข้ามา

ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหราน ชี้นิ้วไปที่บรรดากลุ่มคนที่กำลังประท้วงทุกคนและพูดว่า “ผู้จัดการหวังจดชื่อคนพวกนี้ทุกคนให้หมด!”

จากนั้น อวี้ฮ่าวหราน ตะโกนไปทางกลุ่มคนงานต่อว่า “อ้อทุกคนไม่ต้องห่วงไม่ว่ายังไง ผมก็ไม่ขึ้นเงินเดือนให้พวกคุณแน่นอน ผมไม่มีทางยอมให้การประท้วงใด ๆ มีผลกับการตัดสินใจขึ้นเงินเดือนของบริษัท!”

“อะไรกันประธานอวี้ ทำไมคุณถึงไร้เหตุผลแบบนี้? พวกเราอุตส่าห์ทำงานหนักมาโดยตลอดทำไมพวกเราถึงไม่ได้ขึ้นเงินเดือน?”

คนที่เป็นผู้นำกลุ่มประท้วงตะโกนขึ้นเสียงด้วยสีหน้าไม่พอใจ

จากนั้นผู้ประท้วงคนอื่น ๆ ก็เริ่มตะโกนขึ้นโต้แย้งเช่นกัน

“พวกคุณทุกคนเห็นพัสดุขนาดใหญ่ที่วางอยู่มุมห้องตรงนั้นไหม?”

อวี้ฮ่าวหราน ไม่สนใจกับคำทักท้วงของพวกกลุ่มประท้วง เขาชี้ไปที่กล่องไม้ขนาดใหญ่สูง3เมตรครึ่งที่วางอยู่มุมห้องกล่องหนึ่ง

แน่นอนว่ามันคือหุ่นที่ อวี้ฮ่าวหรานเพิ่งสั่งมาเมื่อวานซึ่งวันนี้ตัวแรกได้ส่งมาถึงที่นี่เรียบร้อย

จากนั้น อวี้ฮ่าวหราน ส่งพยักหน้าสัญญาณให้กับผู้จัดการหวัง

เมื่อได้รับสัญญาณ ผู้จัดการหวังเดินออกไปเรียกคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีจำนวน7คนเดินเข้ามาด้านในแผนกทันทีและตรงไปที่กล่องไม้เพื่อเปิดมันออกและเริ่มทำการติดตั้งหุ่นที่ไลน์การผลิต

“นี่คือหุ่นปัญญาประดิษฐ์รุ่นล่าสุดที่ผมเพิ่งสั่งมาเมื่อวานหลังจากที่พวกคุณรวมตัวกันประท้วง ผมสั่งพวกมันมา 6 ระบบ 1 ระบบสามารถใช้แทนแรงงานได้10คน แต่ประโยชน์ของหุ่นประเภทนี้คือมันไม่ต้องหยุดพัก! มันไม่ต้องได้รับเงินเดือน! มันไม่ประท้วงแบบไร้เหตุผลทำให้ผมรำคาญใจ!”

อวี้ฮ่าวหราน เอ่ยขึ้นทันทีเมื่อกล่องไม้ถูกเปิดออกและทุกคนสามารถเห็นหุ่นที่เป็นรูปทรงแขนกลตัวสีขาวใหม่เอี่ยมสูง3เมตร

ทันทีที่ อวี้ฮ่าวหราน อธิบายจบ บรรดาพนักงานทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ประท้วงหรือเป็นกลุ่มที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายต่างตกตะลึง

หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์?

1 ระบบแทนคนงานได้10คน?

นี่คือเหตุผลที่ประธานอวี้รีบเดินหนีไปเมื่อวานเพื่อไปซื้อหุ่นตัวนี้มาจัดการกับพวกเขางั้นเหรอ?

ถ้างั้นการที่พวกเขาสร้างความวุ่นวายแบบนี้มันไม่เท่ากับว่าหาเรื่องใส่ตัวรึไง?

“นี่ของจริงงั้นเหรอ?”

คนที่เป็นผู้นำกลุ่มประท้วงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าโง่งม

“แน่นอน ดูมันเอาไว้ให้ดี ๆ ผมซื้อมันมาแทนพวกคุณ!”

อวี้ฮ่าวหราน เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเด็ดขาด เขาไม่มีความเห็นใจคนพวกนี้แม้แต่น้อย ต้องรู้ว่าบริษัทของเขานั้นจ่ายค่าจ้างพนักงานสูงกว่าค่าเฉลี่ยค่าแรงในเมืองฮ่วยอันถึง20%

แต่คนพวกนี้กลับยกเรื่องเงินเดือนมาเรียกร้องกับเขางั้นเหรอ?

หลังจากรอไปได้พักใหญ่ บรรดากลุ่มเจ้าหน้าที่เทคนิคของ เฟิงซีหนาน ที่ถูกสั่งตัวมาให้อบรมการใช้งานหุ่นให้กับคนของ อวี้ฮ่าวหราน ก็ติดตั้งหุ่นเสร็จและตั้งโปรแกรมมันเรียบร้อยและเริ่มเปิดใช้งาน

คราวนี้ทุกคนต่างเห็นมันด้วยตาตัวเองว่าหุ่นมันทำงานด้วยตัวเองเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งต่อให้เป็นคนปัญญาอ่อนก็รู้ว่าหุ่นตัวเดียวแทนแรงงาน10คนได้แบบสบาย ๆ แน่นอน

บรรดาคนที่ประท้วงกลายเป็นตื่นตระหนกไม่รู้จะทำอะไรต่อ

“อย่างที่ผมบอกไปเมื่อครู่ผมสั่งมันมาทั้งหมด 6 ระบบ ซึ่งแทนคนได้ 60 คน!”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหราน กวาดสายตามองไปพนักงานที่อยู่ในแผนการผลิตทุกคนด้วยสายตาเย็นชาโดยเฉพาะกลุ่มคนที่ประท้วง

คำพูดนี้ของ อวี้ฮ่าวหราน ยิ่งทำให้บรรดาพนักงานตื่นตระหนกมากกว่าเดิม

“นี่ประธานกำลังหมายความว่าพวกเขาจะไล่คนออก60คนงั้นเหรอ?”

“ชิบหายแล้ว นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย ไม่นะฉันไม่อยากถูกไล่ออก!”

“ไม่ ฉันจะถูกไล่ออกตอนนี้ไม่ได้ บ้านกับรถของฉันยังผ่อนไม่ไหมดเลย!”

“…”

เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของบรรดาพนักงาน อวี้ฮ่าวหราน ยิ้มเยาะด้วยสายตาไร้ความเห็นใจ คนพวกนี้บังอาจมายั่วยุเขาก่อนทั้ง ๆ ที่บริษัทของเขาจ่ายเงินเดือนให้มากกว่าที่อื่นถึง20%!

คนพวกนี้ไม่เพียงไม่สำนึกแต่กลับพยายามบ่อนทำลายบริษัทของเขาอีก เขาต้องจัดการให้เด็ดขาดไม่ให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!

อวี้ฮ่าวหราน กวาดสายตามองไปที่พนักงานทุกคนจากนั้นเขาตะโกนขึ้นเสียงดัง “ค่าไฟที่ผมต้องจ่ายให้กับหุ่นพวกนี้ในการทำงานมันน้อยกว่าค่าแรงที่ผมต้องจ่ายให้กับพวกคุณแน่นอน ฉะนั้นตอนนี้ผมจะขอถามอีกที มีใครอยากประท้วงต่ออีกไหมผมจะได้ไล่ออกไปให้พ้น ๆ บริษัทผม?”

บรรดาพนักงานทุกคนต่างเงิยบกริบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาแม้เพียงครึ่งคำ เมื่อมีหุ่นแบบนี้อยู่ น้ำหนักการต่อรองของพวกเขาจึงเบาหวิวราวกับขนนก

“ผู้จัดการหวัง คุณจดเอาไว้หมดแล้วใช่ไหมรายชื่อพวกคนที่ประท้วงทั้งหมด?” อวี้ฮ่าวหราน หันกลับไปเอ่ยถาม

“ผมจดเอาไว้หมดแล้วครับท่านประธาน มีทั้งหมด18รายชื่อ…”

จากนั้น ผู้จัดการหวัง อ่านรายชื่อทั้ง18คนขึ้นมาเสียงดังเพื่อให้ทุกคนได้ยิน

อวี้ฮ่าวหราน พยักหน้าเล็กน้อยเมื่อฟังรายชื่อครบ จากนั้นเขาตะโกนใส่กลุ่มคนที่ประท้วงว่า “พวกคุณทุกคนล้วนมีความผิดฐานก่อความวุ่นวายในบริษัทหากเป็นสถานการณ์ปกติผมคงไล่พวกคุณออกแน่นอน แต่ตอนนี้ผมกำลังปรับปรุงโครงสร้างบริษัทผมจึงอยากจะคงคนไว้ให้มากที่สุดฉะนั้นผมจะไม่ไล่พวกคุณออกแต่ย้ายตำแหน่งงานของพวกคุณแทนเพื่อเป็นการลงโทษ!”

“แกนนำการประท้วงสองคนได้แก่ ซุนโยวฟา และ หวางชางกุย ผมย้ายให้คุณไปเป็นเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดห้องน้ำตึกB! ส่วนคนอื่น ๆ อีก16คน ผมจะย้ายพวกคุณไปอยู่ตำแหน่งพนักงานขายรายย่อย!”

เมื่อได้ยินคำสั่งของ อวี้ฮ่าวหราน พนักงานในกลุ่มผู้ประท้วงทุกคนต่างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

ถูกย้ายให้ไปเป็นพนักงานล้างห้องน้ำ? เป็นพนักงานขายรายย่อย?

“ไม่นะ!! ประธานอวี้ผมอยู่ในสายงานการผลิตของบริษัทเดิมมาเป็นสิบปีแล้ว คนมีประสบการณ์ขนาดผมคุณย้ายให้ไปเป็นคนล้างห้องน้ำได้ยังไง! ได้โปรดอย่าทำกับผมแบบนี้!”

“ใช่! ท่านประธานอวี้ พวกเรารู้แล้วว่าพวกเราผิด โปรดให้โอกาสพวกเราอีกครั้งเถอะ พวกเราสาบานพวกเราจะไม่สร้างปัญหาอีกแล้ว!”

“…”

ตอนนี้บรรดาผู้ประท้วงต่างคุกเข่ากันลงอ้อนวอน อวี้ฮ่าวหราน ด้วยสีหน้าเศร้าสลด

เมื่อเทียบกับตำแหน่งคนงานผลิตที่มีเงินเดือนสูงตายตัว การให้ไปเป็นพนักงานขายหรือพนักงานล้างห้องน้ำมันย่อมเป็นเรื่องที่รับไม่ได้

พนักงานขายจะมีเงินเดือนตายตัวเพียงน้อยนิดซึ่งถ้าหากอยากได้รับค่าตอบแทนเพิ่มพวกเขาก็ต้องตรากตรำขายของให้ได้เยอะ ๆ ซึ่งมันเหนื่อยมาก ๆ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงพนักงานล้างห้องน้ำ ค่าตอบแทนของพวกเขาย่อมน้อยลงไปอีกแถมมันเป็นงานที่คนส่วนใหญ่ไม่มีใครเค้าอยากจะทำ!

เมื่อคิดถึงผลลัพธ์เช่นนี้ที่พวกเขากำลังเผชิญบรรดาผู้ประท้วงทุกคนต่างเสียใจอย่างสุดซึ้งโดยใช้เฉพาะแกนนำทั้งสอง

อวี้ฮ่าวหราน เหล่มองไปที่คนเหล่านี้ซึ่งกำลังอ้อนวอนเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน จากนั้นเขาเอ่ยขึ้นว่า “อ้อผมลืมบอกไป หากพวกคุณไม่พอใจ กับการตัดสินใจของผมพวกคุณสามารถลาออกได้เลยผมไม่ว่า แต่ถ้าหากพวกคุณเอาเรื่องการย้ายตำแหน่งนี้ไปร้องเรียนกับกรมแรงงานพวกคุณก็เตรียมเงินค่าทนายกันดี ๆ ก็แล้วกันเพราะผมได้ให้ผู้จัดการหวังเก็บหลักฐานพฤติกรรมของพวกคุณเอาไว้หมดแล้ว แล้วอีกอย่างถ้าพวกคุณออกจากบริษัทของผมเมื่อไหร่ ผมจะส่งข้อมูลวีรกรรมของพวกคุณทุกคนไปให้กับทุกบริษัทในเมืองฮ่วยอันซึ่งหลังจากนั้นผมมั่นใจว่าจะไม่มีใครกล้าจ้างพวกคุณในสายงานเดิมแน่นอน”

เมื่อพูดจบ อวี้ฮ่าวหราน หันหลังเดินออกไปในทันทีปล่อยให้บรรดากลุ่มคนที่ประท้วงยิ่งโศกเศร้ามากกว่าเดิม

บทลงโทษนี้มันรุนแรงยิ่งกว่าไล่ออกซะอีก!

พวกเขาไม่นึกเลยว่าประธานที่ดูหนุ่มและไร้ประสบการณ์ผู้นี้จะเป็นคนที่โหดเหี้ยมขนาดนี้

ตอนนี้พวกเขาจะลาออกก็ลำบาก แต่ถ้าให้ทนทำต่อไป พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน พวกเขาเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่เหมือนตกนรกทั้งเป็น!

อีกด้านหนึ่งในออฟฟิศของ เจิ้งเหวยกัว

“อะไรนะ? ไอ้เด็กเวรนั่นมันคลี่คลายปัญหาพนักงานได้แล้ว? นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”

เจิ้งเหวยกัว ฟังคำอธิบายจากในายโทรศัพท์ด้วยสีหน้าตกตะลึงและเขายิ่งโมโหมากเข้าไปให้ที่ได้ยินว่าอดีตลูกน้องของตัวเองถูกย้ายตำแหน่งให้ไปเป็นพนักงานขายหรือไม่ก็พนักงานล้างห้องน้ำ!

ไอ้เวร อวี้ฮ่าวหราน!

บทลงโทษของมันรุนแรงขนาดนี้แล้วแบบนี้อนาคตต่อไปใครจะกล้าสร้างปัญหาให้มันอีก?

หลังจากปรับอารมณ์อยู่พักใหญ่ เจิ้งเหวยกัว ก็เริ่มคิดแผนการต่อไปเพื่อเอาไว้หยุดยั้ง อวี้ฮ่าวหราน