ภาคที่ 2 บทที่ 120 ต้นหญ้างอกขึ้นมา

มู่หนานจือ

คุณหนูเติ้งแห่งตระกูลอันลู่โหวถึงเอ่ยเสียงดังอย่างเพิ่งคิดได้ว่า “ข้างนอกหนาวขนาดนั้น หากท่านหญิงเจียหนานโดนอากาศหนาวมากจนป่วยไปจะทำอย่างไร? พวกเราต้องบอกขันทีซุนสักหน่อยหรือไม่?”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว!” คุณหนูซูได้สติกลับมา และรีบเอ่ยว่า “ต้องบอกขันทีซุนสักหน่อยถึงจะถูก” แล้วมองพวกหานถงซินกับไช่หรูอี้ครั้งหนึ่ง หมายความว่าแม้ข้าจะคิดว่าดี แต่ก็ไม่อยากออกหน้า ดังนั้นพวกเจ้าต้องช่วยตัดสินใจถึงจะถูก

หานถงซินปรายตามองคุณหนูซูครั้งหนึ่งอย่างดูถูก

นางเกลียดผู้หญิงที่มาจากตระกูลขุนนางที่ทั้งทำไร่ไถนาและเรียนหนังสืออย่างพวกนางที่สุด คนเสแสร้ง ทำอะไรก็ต้องวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่มีคนที่ตรงไปตรงมาสักคน

หานถงซินสั่งให้นางในข้างกายไปเรียกขันทีเข้ามาคนหนึ่ง และให้เขาไปรายงานซุนเต๋อกง

ดวงตาของคุณหนูตระกูลซูกับคุณหนูสองคนจากตระกูลวังต่างสว่างไสวราวกับหิมะ แน่นอนว่าความคิดของหานถงซินปิดบังพวกนางไม่ได้ ทั้งสามคนจึงอดไม่ได้ที่จะดูถูกหานถงซินอย่างรุนแรงในใจ

ทุกเรื่องต้องบอกลำดับขั้นตอนให้ชัดเจน ยิ่งกว่านั้นคือเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว เป็นหน้าที่ของใครและใครเป็นคนรับผิดชอบกันแน่ ก็ยิ่งต้องพูดให้ชัดเจน การปกป้อง ให้ท้าย ไม่รู้จักสำนึกผิดและแก้ตัวใหม่แบบนี้ มีแต่จะก่อเรื่องใหญ่มากขึ้นในอนาคต ดังนั้นจะทำอย่างขอไปทีได้อย่างไร แน่นอนว่าใครทำคนนั้นก็ต้องเป็นคนกอบกู้สถานการณ์หลังจากเกิดเหตุผิดพลาดแล้ว!

หานถงซินมีสิทธิอะไรมาให้พวกนางออกหน้าให้นาง

ทั้งไม่ใช่คนรู้ใจ แล้วก็ไม่ใช่เพื่อนสนิท

นางมีสิทธิมาอะไรมาดูถูกพวกนางอีก

พวกนางไม่ได้เป็นคนก่อเรื่องเสียหน่อย!

หานถงซินกับคุณหนูสกุลซูไม่พอใจกันและกันอยู่พักหนึ่ง ทว่าซุนเต๋อกงที่ได้ข่าวกลับตกใจจนเหงื่อตกทั้งตัวในช่วงเวลาที่หนาวที่สุดในฤดูหนาว

ท่านหญิงชิงอี๋ของตระกูลอ๋องเจี่ยนผู้นี้เป็นคนที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใครจริงๆ สู้ไม่ได้ก็ไม่รู้จักหลบเลี่ยงงั้นหรือ? ต้องมารนหาที่ตายต่อหน้าท่านหญิงเจียหนานให้ได้เสียทุกครั้ง ครั้งสองครั้งก็ไม่ได้รับบทเรียน

ท่านหญิงเจียหนานเป็นใคร?

แม้แต่ผู้อาวุโสอย่างท่านหญิงตงหยางเจอแล้วก็ต้องยอมให้เช่นกัน

นางดูท่าทางฉลาดมาก ทำไมโตมาถึงได้โง่เล่า?

อากาศหนาวเย็นยะเยือกเช่นนี้ และท่านหญิงเจียหนานก็เป็นที่รู้กันดีว่าคลอดก่อนกำหนด นี่หากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้น ต่อให้อ๋องเจี่ยนออกหน้า ก็เกรงว่าจะถูกไทฮองไทเฮาเล่นงานเช่นกัน

ตอนนั้นที่เฉาไทเฮาว่าราชการหลังม่าน เพียงแค่เอ่ยว่า ‘เจียหนานก็อ่อนแอเกินไปแล้วเช่นกัน’ ประโยคเดียว ไทฮองไทเฮาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ บุ่มบ่ามสั่งสอนเฉาไทเฮาไปไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วยาม เฉาไทเฮาโกรธจนสะบัดแขนเสื้อและจากไป ไทฮองไทเฮายังตามออกจากวังฉือหนิงไปเล่นงานเฉาไทเฮาต่อ เฉาไทเฮาไม่มีทางเลือก จึงยอมรับผิด ไทฮองไทเฮาถึงหยุด

เรื่องนี้คนในเมืองหลวงไม่มีใครไม่รู้

ตั้งแต่นั้นมาทุกคนต่างรู้ว่า ยอมตำหนิไทฮองไทเฮาดีกว่าเอ่ยถึงข้อบกพร่องของท่านหญิงเจียหนาน

ต่อให้ท่านหญิงชิงอี๋มีหน้ามีตามาก และจะโอ้อวดต่อหน้าท่านหญิงเจียหนานให้ได้…

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านหญิงตงหยางทำบาปอะไรไว้ ถึงได้มีลูกอย่างหานถงซิน

ซุนเต๋อกงเดินไปที่จุดชมทิวทัศน์ที่จ้าวอี้อยู่อย่างเร็วมาก เขาสั่งให้เหล่าขันทีไปหาเจียงเซี่ยน พลางตำหนิหานถงซินอยู่ในใจไปด้วย ทว่ากลับไม่แสดงออกทางสีหน้าแม้แต่นิดเดียว เขาเดินเข้าไปในจุดชมทิวทัศน์อย่างแผ่วเบา เห็นจ้าวอี้กำลังคุยกับอ๋องเหลียวเรื่องการเล่นปิงฉิวเมื่อครู่อย่างคึกคัก ไม่มีความหงุดหงิดแม้แต่นิดเดียว เขาก็แอบโล่งอก และก้มหน้าค้อมตัวเข้าไปรายงานเรื่องนี้เสียงเบา

สีหน้าของจ้าวอี้เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีม่วงในชั่วพริบตา

เชิญเหล่าคุณหนูของตระกูลขุนนางที่สร้างความดีความชอบมาดูการละเล่นบนน้ำแข็งด้วยกันที่ทะเลสาบสือช่าเป็นราชโองการของเขา เวลานี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นต่อหน้าพวกอ๋องเหลียวและจ้าวเซี่ยว เจียงเซี่ยนไม่เพียงแต่ไม่ช่วยกอบกู้สถานการณ์หลังจากเกิดเหตุผิดพลาด ทว่ายังหนีไปพร้อมกับไป๋ซู่อีก…

จ้าวอี้รู้สึกเหมือนตนเองถูกเจียงเซี่ยนตบหน้าต่อหน้าพวกอ๋องเหลียว ทำให้เขาเสียหน้า

เพียงแค่ไป๋ซู่คนหนึ่งเท่านั้น

ทั้งที่เจียงเซี่ยนรู้ดีว่าอีกไม่นานไป๋ซู่ก็จะแต่งงานกับเฉาเซวียนแล้ว ยังคอยปกป้องนางแบบนี้อีก

หากในอนาคตเขาจะฆ่าเฉาเซวียน เจียงเซี่ยนจะปฏิบัติกับเขาต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเลยหรือไม่?

แต่นางเติบโตในวังและเติบโตมาพร้อมกับเขา สุดท้ายใจก็ยังไปทางตระกูลเจียง ไปทางเจียงเจิ้นหยวน!

จ้าวอี้รู้สึกอัดอั้นตันใจ นานมากกว่าจะเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อนางรู้สึกว่าจุดชมทิวทัศน์อุดอู้เกินไป งั้นก็ให้นางออกไปเดินเล่นหน่อยแล้วกัน นางก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ยังจะเกิดอะไรขึ้นอีกงั้นหรือ?”

สองวันก่อนทะเลสาบสือช่าก็ถูกปัดกวาดและทำความสะอาดสถานที่แล้ว

ซุนเต๋อกงคิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะพูดแบบนี้ เขาไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก จึงขานรับอย่างนอบน้อม และถอยออกไป

เจียงลวี่นั่งอยู่ไกลจากจ้าวอี้เล็กน้อย และข้างนอกก็เสียงดังมาก เขาได้ยินแว่วๆ แค่ว่าจ้าวอี้สั่งซุนเต๋อกงหลายคำอย่างไม่พอใจ แต่พูดอะไรบ้างกันแน่นั้นกลับได้ยินไม่ชัด กลับเป็นจ้าวเซี่ยวที่นั่งอยู่ต่ำกว่าจ้าวอี้ แม้จะได้ยินไม่ชัดว่าซุนเต๋อกงพูดอะไรกับจ้าวอี้บ้าง ทว่าคำสั่งของจ้าวอี้นั้นจ้าวเซี่ยวกลับได้ยินชัดมาก

เขาเดาว่าเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับเจียงเซี่ยน

แต่ดูความเห็นของฮ่องเต้คือไม่อนุญาตให้ไปยุ่งกับเจียงเซี่ยนแล้ว

จ้าวเซี่ยวเหลือบตาลงและดื่มชาหลายอึก แล้วหาข้ออ้างไปปลดทุกข์ เขาเดินออกจากจุดชมทิวทัศน์อย่างรวดเร็ว จนพบผู้ติดตามของตนเอง “เกิดอะไรขึ้นทางฝั่งผู้หญิง?”

ผู้ติดตามเอ่ยเสียงเบาว่า “ได้ยินว่าท่านหญิงชิงอี๋ทะเลาะกับท่านหญิงชิงฮุ่ย ทำให้ท่านหญิงเจียหนานไม่พอใจ จึงพาท่านหญิงชิงฮุ่ยหนีไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหนีไปไหนแล้วขอรับ”

จ้าวเซี่ยวตกใจ

เขารู้ว่าเจียงเซี่ยนเป็นคนเจ้าอารมณ์ ทว่าคิดไม่ถึงว่าจะเจ้าอารมณ์ถึงขนาดนี้

ต่อหน้าฮ่องเต้ก็ยังกล้าทำหน้าไม่พอใจ

“รู้ว่านางหนีไปที่ไหนหรือยัง?” จ้าวเซี่ยวถาม

ผู้ติดตามส่ายหน้า และเอ่ยว่า “ยังหาไม่พบขอรับ!”

จ้าวเซี่ยวพยักหน้า เขาคิดแล้วเอ่ยว่า “เจ้าก็ตามไปหาด้วยเถอะ! หากเจอตัวแล้วก็บอกข้าหน่อย”

ผู้ติดตามขานรับและจากไป

จ้าวเซี่ยวกลับไปที่จุดชมทิวทัศน์

บนลานน้ำแข็งบรรยากาศคึกคักมาก

แต่ในใจของจ้าวเซี่ยวกลับเหมือนมีต้นหญ้างอกขึ้นมา และรู้สึกกระวนกระวาย

เขามองไปทางจ้าวอี้

จ้าวอี้ถือกล้องส่องทางไกลอยู่และกำลังรวบรวมสมาธิทั้งหมดจ้องไปที่ทหารที่เล่นอยู่บนทะเลสาบที่เป็นน้ำแข็ง ไม่ได้เป็นห่วงที่ไปของเจียงเซี่ยนสักนิด เขามองไปทางเจียงลวี่อีกครั้ง เจียงลวี่กำลังคุยกับหวังจ้านอยู่ บนหน้าของทั้งสองคนต่างเจือด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ท่าทางดีใจมากที่กองบัญชาการปัญจทิศรักษานครสามารถเอาชนะหน่วยองครักษ์ได้…จ้าวเซี่ยวรู้สึกแย่มาก

เขาคิดแล้วก็ตัดสินใจไปหาเจียงเซี่ยนด้วยตนเอง

เขาหาข้ออ้างออกจากจุดชมทิวทัศน์อีกครั้ง และวิ่งไปที่ป่าเล็กๆ ข้างทะเลสาบสือช่าทันที

มีขันทีหลายคนหาคนอยู่ที่นั่นอย่างที่คิดจริงๆ

เขาถาม “พบท่านหญิงเจียหนานหรือยัง?”

เหล่าขันทียังคิดว่าเขาอาจจะรับคำสั่งมาจากฮ่องเต้หรืออาจจะถูกเจียงลวี่ฝากฝังให้มาสนใจที่ไปของเจียงเซี่ยน จึงส่ายหน้าติดกันหลายครั้ง และเอ่ยสิ่งที่รู้ออกมาทันที “ฝั่งตะวันออกกับฝั่งใต้หาหมดแล้วก็ยังหาไม่พบ ท่านหัวหน้าขันทีบอกว่า หากไม่ไหวก็ทูลฝ่าบาท และส่งหน่วยองครักษ์ไปหา พวกเรากำลังคนน้อยเกินไป จึงหาได้แต่ในป่าขอรับ”

รบกวนหน่วยองครักษ์ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ และแพร่ออกไปก็ไม่ดีกับชื่อเสียงของเจียงเซี่ยนเช่นกัน

เขามองไปรอบด้าน

ฝั่งตะวันออกนั้นถัดไปอีกเป็นบึงต้นอ้อ และถัดไปอีกก็มีเรือนห้อยขา[1]ที่สร้างอยู่บนบึงต้นอ้อ ที่อื่นก็เป็นป่าหมด และป่าพวกนี้ล้วนเติบโตตามธรรมชาติ เวลานี้ใบไม้ร่วงหมดแล้ว กิ่งและใบแตกกิ่งก้านลามไปทั่ว มีหรือไม่มี มองแวบเดียวก็รู้

ขันทีเหล่านี้ไม่ได้พยายามหาคนอย่างเต็มที่ด้วยซ้ำ!

จ้าวเซี่ยวรู้ทันทีว่านี่เป็นเพราะท่าทีของจ้าวอี้

ทว่าด้วยฐานะของเขาก็พาผู้ติดตามที่รับใช้ข้างกายมาได้แค่สองคนเช่นกัน

หากหาเจียงเซี่ยนด้วยตนเอง เขาอาจจะต้องใช้เวลานานมาก จนกระทั่งจ้าวอี้อาจจะรู้ถึงสิ่งที่เขาทำ และเข้าใจว่าตระกูลของพวกเขาคิดจะเป็นพันธมิตรกับตระกูลเจียง

นี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากจริงๆ!

———————————–

[1] เรือนห้อยขา บ้านที่สร้างยื่นลงไปน้ำครึ่งหนึ่งและมีเสาไม้รองรับน้ำหนักตัวบ้านกับพื้นน้ำ