ตอนที่ 74 ช่างงดงามยิ่ง

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 74 ช่างงดงามยิ่ง

เนื่องจากฟู่เสี่ยวกวนพาสตรีทั้งสองนางมาด้วย ทำให้หวางเอ้อมิได้ออกจากบ้านอีกหลังจากกลับมาที่เรือนซีซาน

พวกเขาไม่รู้ว่าทั้งสองนางนั้นเป็นใคร แต่มองจากการแต่งตัวแล้วก็รู้ดีว่าเป็นคุณหนูผู้มั่งคั่ง หวางเอ้อได้ทักทายพวกนางแล้ว แต่ก็กังวลว่าจะทำอะไรผิดพลาดไปและอาจทำให้คุณชายของเขาลำบากใจ

รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่เสี่ยวกวนฝึกฝนชุดหมัดมวยอยู่ในเรือน เมื่อเห็นหวางเอ้อและหวางเฉียงออกมาจากบ้าน เขาก็รีบวิ่งตามออกไป

เมื่อคืนเขาครุ่นคิดตลอดคืนว่าเรื่องของน้ำหอมนั้นควรให้ผู้ใดรับผิดชอบ ?

สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถเฉพาะทางใด ๆ มีเพียงส่วนของแอลกอฮอล์ที่วุ่นวาย แต่หากมีสายลับเกิดขึ้นอีกละก็ มันก็สามารถเลียนแบบได้อย่างง่ายดายนัก

คิดไปคิดมาเขาจึงตัดสินใจมอบหมายหน้าที่ให้จางเสี่ยวเหมย คู่หมั้นของหวางเฉียงเป็นผู้ดูแล อีกทั้งยังเชื่อใจได้อีกด้วย สตรีนางนั้นฟู่เสี่ยวกวนเคยพบเจออยู่หลายครั้ง นางเป็นผู้มีสติรอบคอบ ทำการใดล้วนคล่องแคล่ว เหมาะสมกับการจัดการเรื่องน้ำหอมนี้

“หวางเฉียง ช้าก่อน”

“คุณชาย ! ”

“อีกประเดี๋ยวเจ้าและคู่หมั้นของเจ้ามาหาข้าหน่อย ข้ามีเรื่องจะมอบหมายให้นางรับผิดชอบ”

หวางเฉียงตกตะลึงแล้วเอ่ยว่า “นางจะทำได้อย่างไร ?  นางไม่รู้หนังสือเสียด้วยซ้ำ มิได้ขอรับ หากนางทำไม่สำเร็จจะเสียเวลาคุณชายเปล่า ๆ ”

ฟู่เสี่ยวกวนตบบ่าหวางเฉียง หัวเราะว่า “ดูเจ้าสิ อย่าดูถูกสตรีเชียว เอาตามนี้ละ เจ้าจงพานางมาพบข้าเป็นพอ”

หวางเอ้อนำมือตบเข้าที่หัวของหวางเฉียงเบา ๆ “คุณชายเห็นและเชื่อมั่นในความสามารถของบ้านเรา จงทำตามที่คุณชายสั่ง อีกอย่างนำเมล็ดพันธุ์ฟู่อีต้ายไปตากอีกหนึ่งแดด จากนั้นก็นำมาให้คุณชาย ได้ยินหรือไม่ ? ”

“ขอรับ ๆ ๆ ข้าจะทำตามที่ท่านเอ่ยทุกประการ”

……

……

เช้าตรู่ที่หนาวเหน็บเช่นนี้แน่นอนว่าสตรีทั้งสองนางมิยอมลุกขึ้นจากที่นอน อีกอย่างเมื่อพวกนางเดินทางมายังเรือนซีซานแล้วรู้สึกว่านอนดึกกว่าเดิมมากนัก พวกนางยังไม่อยากตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่

ฟู่เสี่ยวกวนหยิบรายงานที่จางจือเช่อสรุปมาให้ในช่วงนี้ออกมาอ่าน โดยรวมนับว่าไม่มีสิ่งใดควรกังวล เพียงแต่สถานที่ก่อสร้างแห่งใหม่นั้นดำเนินไปค่อนข้างล่าช้า

เรื่องนี้ไม่ค่อยสะดวกนักเนื่องจากบัดนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยว คนงานที่อยู่ในซีซานล้วนเป็นผู้เช่านา หน้าที่หลักของพวกเขาคือปลูกข้าว

บัดนี้แม้แต่ขนส่งซีซานก็หยุดลงกว่าครึ่งแล้ว หากมิใช่เพราะโรงปูนมีความจำเป็น คาดว่าขนส่งซีซานคงพักการชั่วคราว

“ได้ยินคนงานจากขนส่งซีซานกล่าวว่า อำเภอเหยามีประชากรเดือดร้อนมากมาย ได้ยินมาว่าหยู๋เหลียนสั่งปิดประตูเมือง ในแต่ละวันจะมีการส่งข้าวส่งน้ำ เกรงว่าผู้ประสบภัยที่มาจากแม่น้ำหวงเหอทั้งสองฝั่งจะมีจำนวนมาก ผู้ประสบภัยเหล่านี้เปรียบดั่งตั๊กแตน หากพวกเขาเลี่ยงอำเภอเหยามาถึงที่นี่ ก็ค่อนข้างลำบากทีเดียว”

เหตุการณ์น้ำท่วม ณ แม่น้ำหวงเหอนั้นฟู่เสี่ยวกวนได้ยินบิดาเอ่ยถึงบ้าง คาดไม่ถึงว่าผู้ประสบภัยจะเดินทางมาถึงที่นี่

แต่ชั่วครู่แววตาเขาก็เป็นประกาย “หากเป็นเช่นนี้หมายความว่าหยู๋เซี่ยนหลิง[1] ไม่ประสงค์จะช่วยเหลือผู้เดือดร้อนเหล่านี้ใช่หรือไม่ ? ”

“จะช่วยเหลือได้อย่างไร ? หากช่วยเหลือพวกเขาไว้ แล้วผู้เดือดร้อนคนอื่น ๆ ได้ยินเข้าคงรีบพากันเดินทางมาพึ่งพิง อำเภอเหยาพื้นที่มีไม่มากอีกทั้งมีอาหารเพียงเล็กน้อย จะเพียงพอต่อพวกเขาได้อย่างไรกัน ? ผู้เดือดร้อนเหล่านั้นหากโมโหหิวขึ้นมาอาจจะทำการที่คาดไม่ถึงได้ หยู๋เซี่ยนหลิงจะรับแรงกดดันนี้อย่างไร ? ”

“หากพวกเรารับช่วยเหลือเล่า ? ”

จางเช่อตกใจและรีบโบกไม้โบกมือว่า “คุณชาย มิได้เด็ดขาดขอรับ พื้นที่เพาะปลูกของจวนฟู่แบ่งเรียบร้อยแล้ว การที่ชาวนาทั้งหลายปลูกข้าวอย่างอุ่นใจได้นั้นเนื่องจากนายท่านมิเคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผืนนาที่แบ่งไว้เรียบร้อย อีกทั้งเรามิอาจคาดเดาได้ว่ามีผู้เดือดร้อนมากมายเพียงใด เขาจะพักที่ไหน ? จะกินอะไร ? ที่นี่นอกเหนือจากเรือนซีซานแล้วไม่มีทหารสำรองใด ๆ หากพวกเขาเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา คุณชายจะทำเยี่ยงไร ดีไม่ดีบรรดาชาวบ้านอาจถูกพวกเขาข่มเหงได้ขอรับ”

จางเช่อกลืนน้ำลายแล้วนั่งตัวตรงเอ่ยต่อไปว่า “ท่านยังเยาว์ มิเคยเห็นความน่ากลัวของผู้ประสบภัยเหล่านี้ เพื่อปากท้องพวกเขาสามารถฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น”

ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งไปชั่วครู่ เขายังไม่ยอมวางมือจากผู้เดือดร้อนเหล่านี้

สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความเมตตาใด ๆ เขาเพียงต้องการคน เขาต้องการคนจำนวนมาก !

“ข้าเข้าใจแล้ว เรื่องนี้ข้าจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วน”

จางเช่อขอตัวกลับ ฟู่เสี่ยวกวนเดินเล่นอยู่ที่ริมธารนึกถึงเรื่องราวผู้เดือดร้อนเหล่านั้น

อำเภอเหยาปิดประตูเมืองก็จริงแต่ก็ยังส่งข้าวส่งน้ำ นั่นหมายความว่าบัดนี้ผู้เดือดร้อนยังมีไม่มากนัก มิเช่นนั้นหยู๋เซี่ยนหลิงคงขอความช่วยเหลือมายังหลินเจียงจวนโจวแล้ว

จวนโจวนั้นมีทหารเพื่อรักษาความปลอดภัยในหลินเจียง คาดว่าหลิวจือโจว[2]คงจะส่งทหารออกไปบ้าง มิใช่เพื่อข่มขู่แต่อย่างน้อยก็ป้องกันไว้บ้างจะได้มิเสียหายอันใด

ตอนนี้ผู้เดือดร้อนไม่มากนัก หากควบคุมได้จะไม่เกิดเรื่องราวอื่น ๆ ตามมาทีหลัง

เช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือหยู๋เซี่ยนหลิง แต่ยังสามารถจัดการกับผู้เดือดร้อนได้อย่างเป็นระเบียบ

เรื่องนี้ต้องจัดการโดยเร็ว ในวันนี้ต้องจัดการเรื่องน้ำหอมให้แล้วเสร็จ สอนวิธีการทำให้แก่แม่นางจางเสี่ยวเหมย วันรุ่งขึ้นเขาจะเดินทางไปยังอำเภอเหยา

หวางเฉียงพาจางเสี่ยวเหมยเข้ามาพบฟู่เสี่ยวกวน ณ เวลานั้นต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินได้ล้างหน้าแปรงฟันนั่งอยู่ในเรือนเรียบร้อยแล้ว

จางเสี่ยวเหมยตื่นเต้นกังวลยิ่ง นางรู้ดีว่าสิ่งใด ๆ ที่ฟู่เสี่ยวกวนคิดกระทำต้องเป็นการใหญ่ ตลอดเวลาที่เดินทางมา หวางเฉียงกำชับนางเสมอ ดังนั้นจึงทำให้นางเกิดแรงกดดันไม่น้อย

เพียงไม่นานต่อมา อาจารย์หลิวก็เดินถือแอลกอฮอล์ออกมา สิ่งนี้เพิ่งทดลองทำเมื่อคืน ในวันนี้เขาก็ได้ทำด้วยตนเองอีก 1 ขวด

จางเช่อเองก็เดินถือตะกร้าเข้ามาเช่นกัน สิ่งนั้นคือดอกมะลิและกุ้ยฮวาที่เพิ่งเด็ดมาเมื่อเช้าในซีซาน

ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือมายังจางเสี่ยวเหมยแล้วยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าอย่าได้กลัวไปเลย ข้าจะสอนให้แก่เจ้าเอง เมื่อเจ้าเรียนรู้สำเร็จแล้ว จงไปคัดเลือกสตรีมาจำนวนหนึ่ง และสอนสิ่งเหล่านี้ต่อพวกนางก็เพียงพอ”

“คุณชาย……”

“เจ้าจงดูให้ดี ข้าจะสอนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”

“สิ่งนี้เรียกว่า เครื่องกลั่น อาจารย์หลิว รบกวนท่านนำเตามาให้ข้าหน่อย จากนั้นนำขวดน้ำกลั่นมา 1 ขวด เป็นขวดที่ใช้แบ่งแยกน้ำยามกลั่นสุรา”

“คุณชายโปรดรอสักครู่”

ไม่นานนัก อาจารย์หลิวก็เดินเข้ามายังเรือนพร้อมกับคนงานคนหนึ่ง คุณชายจะทำสิ่งอัศจรรย์ใดอีกหรือ ?

“ตอนนี้ให้นำดอกมะลิวางลงไปยังเครื่องกลั่นนี้ จากนั้นก็จุดไฟที่เตาเพื่อเพิ่มความร้อน จนกระทั่งภายในนี้เกิดหยดน้ำออกมา สิ่งนี้เรียกว่าน้ำมันหอมระเหย”

พวกเขาอดใจรอนานกว่าครึ่งชั่วโมง ภายในเครื่องกลั่นนั้นจึงปรากฏน้ำมันหอมระเหยออกมา

“สิ่งนี้เรียกว่าแก้วตวง เจ้าจงดูว่าบนนี้มีขีดบอกจำนวนอยู่ พวกเราใช้น้ำกลั่นจำนวน 6 ขีดเทใส่ลงไปในเครื่องกลั่น จากนั้นก็นำแอลกอฮอล์จำนวน 1 ขีดใส่ลงไป จะได้กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุน แล้วนำมันใส่ลงไปในภาชนะ ขั้นตอนสุดท้ายคือนำน้ำมันหอมระเหยจำนวน 3 ขีดใส่ลงไปในภาชนะนี้ด้วย”

เมื่อเปิดเครื่องกลั่นออก กลิ่นมะลิอันแรงกล้าก็ลอยออกมาปะทะหน้า พวกเขาทั้งหลายแววตาเป็นประกาย

“จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการปรุง จงใช้แท่งกระจกนี้คนในภาชนะ จงจำไว้ว่าการคนให้เข้ากันนี้อย่างน้อยต้องใช้เวลา 2 ชั่วยาม ในขั้นตอนนี้ข้าจะข้ามไป”

“สุดท้ายคือการนำไปบรรจุ……จงนำไปเก็บไว้ในโรงเก็บสุรา หลังจากนี้สองเดือนจึงจะนำออกมาขาย”

“เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่ ? ”

จางเสี่ยวเหมยพยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหัว

ฟู่เสี่ยวกวนใช้ความอดทนสอนวิธีกลั่นน้ำหอมให้นางอีกครั้งโดยใช้ดอกกุ้ยฮวา ครั้งนี้จางเสี่ยวเหมยจำได้ขึ้นใจ

“เอาละ สิ่งนี้ข้ามอบให้เจ้ารับผิดชอบดูแล หากต้องการสิ่งใดจงไปบอกผู้ดูแลจางได้เลย”

ผู้ดูแลจางรับคำสั่ง จากนั้นก็พาพวกเขาเดินทางจากไป ต่งชูหลานและหยูเวิ่นหวินอดมิได้ที่จะหยิบน้ำหอมนั้นมาสูดดม

เนื่องจากมีการคนจนเข้ากันดีแล้ว กลิ่นน้ำหอมจึงไม่ฉุนเกินไป แต่กลับหอมติดจมูก

“สิ่งนี้นำมาพรมที่ร่างกายใช่หรือไม่ ? ”

“ถูกต้อง พวกเจ้าลองดู”

“สิ่งนี้มองดูแล้ววุ่นวายนัก เหตุใดจึงต้องเก็บไว้นานถึง 2 เดือนกัน แล้วขายในราคาเท่าใด ? ”

“ขวดเหล่านั้นข้าสั่งทำขึ้นมาพิเศษ ขายขวดละ 1 ตำลึง ! ”

ขวดละ 1 ตำลึง ? ไม่แพงเท่าไรนัก

สตรีผู้มั่งคั่งทั้งสองนางแก้ไขราคาขายที่ฟู่เสี่ยวกวนตั้งไว้ เมื่อน้ำหอมนี้วางขาย ก็ถูกพวกนางปรับราคาสูงถึงขวดละ 10 ตำลึง อีกทั้งยังไม่พอต่อความต้องการ !