เสี่ยวเชี่ยนแสดงความรู้สึกตัวเองต่อเจี่ยซิ่วฟาง กอดแม่แล้วพูดเสียงเบา
“ในสายตาของหนูแม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลก แม่ไม่รู้จักโลกภายนอกก็ไม่เป็นไร หนูจะปกป้องแม่คอยช่วยแม่เลือกเอง หนูจะต้องทำให้บั้นปลายชีวิตของแม่อยู่อย่างมีความสุขไม่ต้องมีเรื่องกลุ้มอย่างแน่นอน”
ก็เหมือนกับที่อวี๋หมิงหลางพูด ในสายตาของคนทั่วไปเจี่ยซิ่วฟางก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา แต่ในสายตาของเสี่ยวเชี่ยนนี่คือแม่ที่ยิ่งใหญ่ที่ให้ความรักแก่เสี่ยวเชี่ยนกับต้าหลงอย่างเต็มเปี่ยม
ถ้าพ่อของเลี่ยวฟู่กุ้ยทำไม่ได้ตามเงื่อนไขที่เสี่ยวเชี่ยนตั้งไว้ เธอยอมที่จะทำตัวเป็นคนเลวตัดเขาทิ้งทันที ไม่มีทางยอมให้แม่ไปอยู่แบบน้อยเนื้อต่ำใจเด็ดขาด
“ขนลุก กินแตงโม” เจี่ยซิ่วฟางซึ้งกับคำพูดของลูกสาวจนขอบตาแดงๆ เลยแกล้งยัดแตงโมใส่ปากเสี่ยวเชี่ยนเพื่อกลบเกลื่อน พอหันไปทำอย่างอื่นน้ำตาก็ไหลออกมา
ตอนนี้เวลาเสี่ยวเชี่ยนเห็นแตงโมก็จะนึกถึงอวี๋หมิงหลาง นึกถึงภาพตอนนัวเนียกันบนเตียง แตงโมผลไม้ธรรมดาๆกลับถูกมองเป็นอีกความหมายหนึ่งที่ไม่ค่อยสะอาด แต่กินแล้วก็หวานฉ่ำ
เจี่ยซิ่วฟางคุยกับลูกสาวอยู่สักพัก เสี่ยวเชี่ยนก็โทรหาพี่ใหญ่ เธอต้องกลับมหาวิทยาลัยแล้ว
เจี่ยซิ่วฟางเตรียมของกินให้เสี่ยวเชี่ยน จากนั้นก็กำชับเรื่องหยุมหยิมกับเธอ พูดๆอยู่ก็เอามือกุมท้อง
“เป็นอะไรไปแม่?”
“ปวดท้องนิดหน่อย ช่วงนี้ชอบเป็น”
“เดี๋ยวหนูพาไปโรงพยาบาล ทำไมไม่รีบบอกล่ะ?” เสี่ยวเชี่ยนมองตำแหน่งที่แม่เอามือจับ คล้ายกับเป็นตรงไส้ติ่ง
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เดี๋ยวไปซื้อยามากินก็หายแล้ว”
“ไม่ได้ เดี๋ยวหนูบอกพี่ใหญ่ไม่ต้องให้ส่งรถมาแล้ว หนูจะกลับช้าวันนึง” ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังจะหยิบโทรศัพท์มาโทรก็มีสายเข้าพอดี
“ประธานเชี่ยนนี่ฉิวฉิวนะ”
“ฉิวฉิวมีอะไรเหรอ?”
“ช่วงนี้สภาพจิตใจของจิงจิงมั่นคงมาก ฉันเจอกับเขาน้อยลงตามที่เธอบอก ตอนนี้พวกเราไม่เจอกันมาอาทิตย์นึงแล้ว แม่เขาบอกว่าเขาก็ไม่ได้ถามถึงฉัน เธอว่างั้นควรเริ่มการรักษาขั้นต่อไปเลยไหม?”
นี่เป็นสิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนกับฉิวฉิวสัญญากันไว้ หากจิงจิงเลิกติดฉิวฉิว เสี่ยวเชี่ยนก็ควรไปสะกดจิตผนึกความทรงจำให้เธอ
“วันอื่นได้ไหม?” เสี่ยวเชี่ยนมองแม่ เธอไม่วางใจเรื่องแม่
“แต่แม่ของจิงจิงบอกว่าช่วงนี้จิงจิงฝันร้ายบ่อย ชอบตื่นมากลางดึก เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าถ้าเจอเรื่องแบบนี้ห้ามรอช้า ถ้าปล่อยทิ้งไว้สภาพอารมณ์ของเขาอาจจะแปรปรวน ฉันจำได้เธอเคยบอกว่าถ้าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ขึ้นมาอีกพวกเราก็ต้องทำทุกอย่างทั้งหมดใหม่อีกรอบ”
ฉิวฉิวจำสิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนพูดได้ทุกอย่าง เขาใส่ใจเรื่องของจิงจิงมาก
อย่างนั้นเหรอ…เสี่ยวเชี่ยนลำบากใจ ตอนว่างๆล่ะทุกอย่างเงียบสงบ แต่พอเกิดเรื่องก็ประเดประดังเข้ามา
เจี่ยซิ่วฟางได้ยินลูกสาวคุยโทรศัพท์ก็รีบโบกมือ “เชี่ยนเอ๋อรีบกลับไปเถอะ ฉันไม่เป็นไร ถ้าแกไม่วางใจเดี๋ยวบ่ายฉันไปโรงพยาบาล ก็แค่ไปลงทะเบียนไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นจะยาก แกไม่อยู่ฉันก็ทำได้”
เสี่ยวเชี่ยนใช้เวลานานมากกว่าจะควบคุมอาการของจิงจิงได้ ตอนนี้ถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว เป็นโอกาสในการรักษาที่ดีที่สุด หากพลาดก็ต้องรออีกนาน และระหว่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง
เสี่ยวเชี่ยนลังเล แล้วก็ตัดสินใจไปดูจิงจิงก่อน
“แม่ ตอนบ่ายรีบไปหาหมอเลยนะ แล้วหนูจะโทรมาถามผล เดี๋ยวหนูจะโทรบอกพี่สะใภ้ของอวี๋หมิงหลางไว้ แม่ไปตรวจที่โรงพยาบาลเขา ให้เขาตรวจให้ละเอียดเลยนะ มีอะไรก็โทรหาหนูทันที หนูจัดการคนไข้เสร็จแล้วจะกลับมา”
“รู้แล้วน่า ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปได้เด็กคนนี้ มันจะมีอะไรนักหนา กินยาให้น้ำเกลือไม่กี่วันก็หายแล้ว รีบๆไปเหอะ” เจี่ยซิ่วฟางดันตัวเสี่ยวเชี่ยน พอประตูปิดก็เหงื่อแตก
แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้มันปวดหนักกว่าเดิมมากเลยนะ คงต้องไปหาหมอจริงๆแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนโทรหาพี่สะใภ้ใหญ่แล้วเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง พี่สะใภ้ใหญ่บอกให้เสี่ยวเชี่ยนกลับมหาวิทยาลัยไปอย่างวางใจ ทางนี้เธอจะช่วยดูแลเจี่ยซิ่วฟางให้ มีพี่สะใภ้แบบนี้ดีจริงๆ
เมื่อจัดการทุกอย่างแล้วเสี่ยวเชี่ยนจึงกลับมหาวิทยาลัย ฉิวฉิวรออยู่นานแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนกลับไปถึงยังไม่ทันจะได้เอาของไปวางที่หอก็ตรงไปบ้านจิงจิงทันทีแล้วเริ่มการรักษาขั้นสุดท้าย
มีการรักษาก่อนหน้านี้ปูนำมาก่อน บวกกับเสี่ยวเชี่ยนเพิ่งรักษาให้หูเหม่ยจิ้งไปไม่นาน ดังนั้นการสะกดจิตระดับลึกให้จิงจิงจึงสำเร็จอย่างราบรื่น
เสี่ยวเชี่ยนสร้างโลกดั่งเทพนิยายให้จิงจิงใหม่ทั้งหมด ในนั้นไม่มีการทำร้าย ไร้ความหวาดกลัว ให้เธอเริ่มชีวิตใหม่
การสร้างโลกใหม่จะส่งผลโดยตรงต่อความหวาดกลัวในส่วนลึกของจิตใจจิงจิง เพราะเธอเคยมีประสบการณ์ถูกลักพาตัว ดังนั้นเสี่ยวเชี่ยนจึงกรอกความทรงจำใหม่หมดให้กับเธอ พอเสร็จทุกขั้นตอนจิงจิงก็หลับไป
“หมอเฉิน พอเขาตื่นขึ้นมาก็จะไม่เป็นไรใช่ไหม?” พ่อแม่ของจิงจิงถามเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า
“เพราะการรักษาก่อนหน้านี้ความทรงจำในตอนนั้นของเธอเลยเลือนราง การรักษาในวันนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ”
“ขอบคุณหนูมากจริงๆเลยนะ ช่วยรับนี่ไว้ด้วย” พ่อของจิงจิงยื่นซองจดหมายที่ดูหนักให้เสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนดันกลับไม่รับไว้
“หนูกับเขาเคยถูกลักพาตัวไปเหมือนกัน เขาเคยช่วยหนูไว้ ครั้งนี้หนูก็ช่วยเขากลับ หายกันแล้วค่ะ”
เธอชอบเงิน แต่ก็ไม่ถึงกับจะขอรับไว้ทุกอย่าง
“งั้นก็ขอบคุณหนูจริงๆนะ น่าเสียดายที่พอเขาตื่นพวกเราก็จะไปจากเมืองนี้แล้ว ต่อไปคงไม่ได้เจอหนูอีก น้าว่าพอจิงจิงตื่นขึ้นมาคงอยากขอบคุณหนูด้วยตัวเองที่ให้เขาได้มีชีวิตใหม่เป็นครั้งที่สอง”
แม่ของจิงจิงขอบคุณเสี่ยวเชี่ยนอย่างจริงใจ
ถ้าไม่มีเสี่ยวเชี่ยนตอนนี้ลูกสาวจะใช้ชีวิตอย่างไรเธอไม่กล้าคิดเลยจริงๆ
แต่เมื่อจิงจิงตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วไม่ได้เจอเสี่ยวเชี่ยนอีก ไม่ได้ขอบคุณจิตแพทย์ที่ให้ชีวิตใหม่กับเธอสักคำ นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
“ความทรงจำของคนเราไม่ได้แก้กันได้ง่ายๆ ตอนนี้สิ่งที่หนูทำให้เขาเป็นเพียงการทำให้เขาลืมเรื่องบางเรื่องชั่วคราว และเพื่อให้เขาลืมเรื่องทุกอย่างโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เขาเจอกับคนที่เขาคลุกคลีด้วยระหว่างป่วยต้องถูกปิดตาย รวมถึงเสื้อผ้าที่พวกคุณน้าเคยใส่ ข้าวของเครื่องใช้ หรือแม้แต่อาหารที่เขาชอบกินตอนป่วย ทั้งหมดนี้ห้ามให้เขาเห็นอีก เขาจะได้ไม่นึกถึง และไม่เจอจิตแพทย์อย่างหนูอีกเลยเป็นดีที่สุดค่ะ”
สำหรับเสี่ยวเชี่ยนแล้ว จิงจิงอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นเพื่อนกับเป็นผู้ป่วย หลังจากนี้ไปการที่เธอไม่เจอจิงจิงอีกถือเป็นการปกป้องจิงจิง
ฉิวฉิวเองก็เหมือนกัน ในฐานะที่เป็นบุคคลที่ทำให้จิงจิงยอมรับเพื่อนต่างเพศได้อีกครั้ง ฉิวฉิวก็จะไม่ปรากฏตัวอีก พอจิงจิงตื่นขึ้นมาก็จะไปอยู่ที่เมืองอื่นกับพ่อแม่แล้วพร้อมกับมีชีวิตใหม่ อยากเจอกับฉิวฉิวอีกคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว
โลกแคบมาก ไม่รู้ว่าจะได้เจอคนที่ทำให้ใจหวั่นไหวได้ตอนไหน
แต่โลกก็กว้างมากเช่นกัน พอเดินจากแล้วหันกลับไป คนๆนั้นก็ไม่อยู่ที่เดิมแล้ว
ถึงจะเป็นการรักษาที่ประสบความสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง แต่ในใจของเสี่ยวเชี่ยนกลับแอบลอบถอนใจ
ไม่ใช่ให้ตัวเอง แต่ให้ฉิวฉิว ฉิวฉิวเพิ่งจะเริ่มชอบจิงจิง แต่กลับต้องยอมตัดใจเพื่อให้เธอมีชีวิตที่ดีกว่า