กู้ซินเยว่รอคอยมาครึ่งค่อนวัน กลับได้รับเพียงคำว่า “ไม่เลว” แววตาเฝ้ารอคอยเต็มไปด้วยประกายผิดหวังทันที ฮูหยินเฒ่ากู้กลับรู้ว่าบุตรชายตนเองมีอุปนิสัยเรียบสงบชอบทำตัวเหินห่างตั้งแต่เด็ก จึงกล่าวเป็นเชิงตำหนิ “ไม่เลวอย่างไร เจ้าพูดให้ชัดเจนหน่อยสิ! ”
“ล้วนไม่เลว” ซ่งฉางชิงกล่าวตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
ฮูหยินเฒ่ากู้รู้สักขำขัน “ดูเจ้าสิ เป็นเถ้าแก่มานานหลายปีแล้ว ยังเป็นคนปากหนักไม่เปลี่ยน”
กล่าวจบ จึงกล่าวกับกู้ซินเยว่ที่อยู่ข้างๆ “ซินเยว่ ไม่ต้องสนใจเขา เขาก็เป็นคนเช่นนี้ ไม่ช่างพูดช่างเจรจา เขาไม่พูด ป้าจะพูดเอง”
ฮูหยินเฒ่ากู้ดื่มน้ำแกงหนึ่งถ้วยอย่างให้เกียรติ ก่อนจะกินอาหารอีกหลายชนิด แล้วจึงกล่าวด้วยความพึงพอใจ “ซินเยว่ ฝีมือการทำอาหารของเจ้าไม่เลวเลย ต่อไปหากใครได้แต่งเจ้าเป็นภรรยา ต้องเพราะผลบุญแต่ชาติปางก่อนแน่นอน”
ใบหน้ากู้ซินเยว่ขึ้นสีแดงเรื่อทันที ก่อนจะก้มหน้าลง นางปราดสายตามองผ่านใบหน้าซ่งฉางชิงทีหนึ่ง เห็นว่าสีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ได้บอกว่าเห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้คัดค้าน นางจึงกล่าวด้วยความเหนียมอาย “ท่านป้า ข้า… ข้าไม่อยากออกเรือนเจ้าค่ะ จะอยู่กับท่านป้าไปชั่วชีวิต เพียงแต่ไม่รู้ว่า หากต่อไปญาติผู้พี่แต่งพี่สะใภ้เข้ามาแล้ว จะรังเกียจซินเยว่หรือไม่? ”
“เขากล้าหรือ! ” ฮูหยินเฒ่ากู้ย่อมเข้าใจความหมายของกู้ซินเยว่ รีบหันมองซ่งฉางชิงเป็นเชิงตำหนิ “หากใครกล้ารังเกียจเจ้า ข้าจะไล่คนนั้นออกไปเป็นคนแรก”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้า” กู้ซินเยว่วางมือทั้งคู่ไว้บนตัก คอยบีบมืออยู่ใต้โต๊ะไม่หยุด นิ้วมือเรียวเล็กประหนึ่งต้นหอมถูกันไปมา พอจะดูออกว่าเวลานี้นางรู้สึกตื่นเต้นเพียงใด “ญาติผู้พี่ หากอาหารเหล่านี้ไม่อร่อยตรงไหน พรุ่งนี้ข้าจะแก้ทันทีเจ้าค่ะ”
ซ่งฉางชิงกล่าวอย่างเรียบสงบ “ไม่ต้อง”
นางเอ่ยวาจามากมาย สุดท้ายกลับได้กลับมาเพียงคำว่า “ไม่เลว” และ “ไม่ต้อง” ต่อให้เป็นคนแปลกหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องเย็นชาถึงเพียงนี้กระมัง?
ซ่งฉางชิงกินอาหารไปเล็กน้อยพอเป็นพิธี ก็ลุกขึ้นยืน “ท่านแม่ ที่ภัตตาคารยังมีลูกค้าอยู่ไม่น้อย ข้าไม่อาจอยู่บ้านเป็นเวลานาน ยังต้องรีบกลับไปต้อนรับ”
กลับมาเป็นเวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา
ฮูหยินเฒ่ากู้รีบยิ้มพร้อมบอกให้เขากลับไป “กลับไปเถอะ! เจ้าสามารถกลับมาได้ แม่ก็รู้สึกดีใจมากแล้ว รีบไปเถอะ ธุระสำคัญกว่า”
หลังจากซ่งฉางชิงอำลาฮูหยินเฒ่ากู้ ไม่มองกู้ซินเยว่ที่อยู่ข้างๆ ด้วยซ้ำ หันตัวสาวเท้าก้าวใหญ่เดินจากไปทันที
โคมไฟสีแดงพลิ้วไหว ส่องแสงจนแผ่นหลังของเขามีแสงสีแดงหนึ่งชั้น สายลมโชยอ่อนในยามราตรี โบกพัดเส้นผมสีดำดุจน้ำหมึกและชุดยาวสีฟ้าครามของเขาให้พลิ้วไหว แผ่นหลังเหยียดตรงสูงโปร่งนั่นหายไปตรงมุมช้าๆ
มองไม่เห็นอีกต่อไป
มือของกู้ซินเยว่ที่อยู่ใต้โต๊ะกำหมัดแน่นนานแล้ว ออกแรงจนปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ นางยังไม่รู้สึกเจ็บปวด ความรู้สึกเดียวที่มีคือ หากไม่ใช่เพราะฮูหยินเฒ่ากู้อยู่ด้วย นางแทบอยากคว่ำโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารนี้เสีย
นางพยายามมากถึงเพียงนี้ แต่เพราะเหตุไรเขาถึงมองไม่เห็นเล่า?
“ซินเยว่ ซินเยว่…”
ฮูหยินเฒ่ากู้เห็นหลานสาวที่อยู่ข้างๆ แสดงสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจและไม่พึงพอใจ จึงรีบปลอบใจนาง “ฉางชิงมีอุปนิสัยเรียบสงบมาตั้งแต่เด็ก นอกจากจะชอบการอ่านตำราแล้ว ก็ไม่สนใจเรื่องอื่นใดอีก อย่าว่าแต่กับเจ้าเลย กับข้าที่เป็นแม่ก็ยังมีท่าทีเช่นนี้ เจ้าอย่าถือโทษเขาเลย”
กู้ซินเยว่เรียกสติคืนกลับมา รู้ว่าเมื่อครู่ตัวเองเกือบเสียมารยาท รีบผ่อนมือทั้งคู่ที่กำจนแน่น ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านป้า ข้ารู้ว่าญาติผู้พี่งานยุ่ง ยากนักกว่าจะกลับมาได้ ซินเยว่จะโทษเขาได้อย่างไรเจ้าคะ! ”
“เจ้าไม่โทษเขาก็ดีแล้ว” ฮูหยินเฒ่ากู้ก็แสดงสีหน้าจนใจ “ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะท่านลุงของเจ้าป่วยและจากไปกะทันหัน ฉางชิงก็ไม่ต้องกลับมาทำในเรื่องที่เขาไม่ชอบ เด็กคนนี้ เป็นเด็กฉลาดตั้งแต่เยาว์วัย ทุกคนต่างบอกว่า ในอนาคตเขามีแววจะได้เป็นจ้วงหยวน* แต่ใครให้ท่านลุงของเจ้าด่วนจากไปเล่า”
ฮูหยินเฒ่ากู้ถอนหายใจยาว วาจาเต็มไปด้วยความอ่อนใจ “ละทิ้งการเรียนหนังสือ กลับมาสานต่อกิจการภัตตาคารแห่งนี้ ถือเป็นเรื่องทารุณเพียงใดสำหรับเขา ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อุปนิสัยของเขานิ่งขรึมกว่าเดิม แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หากเขาไม่กลับมา เซียนจวีโหลวก็ต้องปิดตัว เซียนจวีโหลวแห่งนี้เป็นแรงกายแรงใจชั่วชีวิตของท่านลุงเจ้า จะปล่อยให้ปิดตัวลงง่ายๆ ได้อย่างไร? ”
กู้ซินเยว่ “ท่านป้า ญาติผู้พี่พยายามมากแล้วเจ้าค่ะ! ทั้งเมืองโยวหลัน มีบุรุษคนใดสามารถเทียบญาติผู้พี่ได้บ้าง”
บุรุษที่โดดเด่นถึงเพียงนี้ นางถึงได้ชอบถึงเพียงนั้น!
ฮูหยินเฒ่ากู้ตบมือของกู้ซินเยว่เบาๆ ด้วยความยินดี “นั่นสิ ดังนั้น นอกจากเรื่องอาหารเหล่านี้ เจ้าสามารถสื่อสารกับเขาในเรื่องอื่นๆ ข้าจำได้ว่าช่วงที่เขาเป็นเด็ก ท่านลุงของเจ้าอยู่ข้างนอก ไปหาตำราโบราณและตำราที่เขาไม่เคยอ่านมาจากห้องหนังสือ เมื่อนำกลับมามอบให้ญาติผู้พี่ของเจ้า ท่าทางดีอกดีใจของเขา จนถึงเวลานี้ข้าก็ยังจดจำได้ดี”
กู้ซินเยว่กัดริมฝีปาก แอบจดจำไว้ในใจ
ซ่งฉางชิงออกจากเรือนตระกูลซ่ง เดินอยู่บนถนนที่เจริญรุ่งเรืองเพียงลำพัง
ที่นี่มีแสงไฟส่องสว่าง แม้แต่ในยามค่ำคืน ก็ยังมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยตั้งแผงขายของและเดินเที่ยวซื้อของอยู่ข้างนอก คึกคักยิ่งนัก
เสียงเอะอะวุ่นวาย ดังเข้ามาในโสตประสาทของซ่งฉางชิง ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดว้าวุ่นใจยิ่งขึ้น
วันที่สองผักตี้เอ่อมีไม่มากนัก อุณหภูมิสูงขึ้น ต่อให้ฝนตกหนัก เมื่อพระอาทิตย์สาดส่อง พื้นดินร้อนขึ้น ผักตี้เอ่อก็แห้งแล้ว
ครั้งนี้รับซื้อผักตี้เอ่อได้แค่หนึ่งร้อยกว่าจิน
ขณะซ่งฝูมาถึง เพียงเอ่ยเรียกฮูหยินเซียวอย่างเรียบสงบ จากนั้นก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก เซี่ยยวี่หลัวพูดคุยกับเขา เขาก็มีสีหน้าเรียบสงบ หากเซี่ยยวี่หลัวดูไม่ผิด แววตาของซ่งฝูแฝงเร้นด้วยประกายดูแคลน
เรื่องนี้ทำให้เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกประหลาดใจ
ก่อนซ่งฝูจะไป เซี่ยยวี่หลัวบอกกล่าวว่าพรุ่งนี้น่าจะไม่มีผักตี้เอ่อแล้ว ซ่งฝูก็เพียงพยักหน้าพร้อมบอกว่าได้ จากนั้นจึงกล่าว “ฮูหยินเซียว เซียนจวีโหลวหาผู้จัดหาวัตถุดิบคนอื่นได้แล้ว ผักตี้เอ่อนี่ต่อไปท่านไม่ต้องรับซื้อแล้ว”
จู่ๆ เซี่ยยวี่หลัวก็แสดงสีหน้ายินดี คิ้วงามโก่งโค้ง “เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านซ่งและท่านซ่งน้อยแล้ว”
นางรู้สึกดีใจจริงๆ เดิมทีนางก็ไม่อยากรับซื้อผักตี้เอ่ออยู่แล้ว
ดูสิ รับซื้อผักตี้เอ่อเพียงสองหน ก็เกิดเรื่องขึ้นมากมาย
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกดีใจมาก ซ่งฝูมองนางด้วยท่าทีฉงนแวบหนึ่ง เห็นนางยิ้มอย่างเบิกบานใจ เหมือนจะดีอกดีใจมาก
ซ่งฝูแอบคิดในใจ เกรงว่าคงล่อลวงเซียวเหลียงสำเร็จแล้ว เงินแค่นี้ คงไม่เห็นอยู่ในสายตาแล้วกระมัง!
จากนั้น จึงนั่งรถม้าจากไป นับตั้งแต่นี้จะไม่มาหาสตรีนางนี้อีก
เซี่ยยวี่หลัวบอกกล่าวกับท่านปู่เซียว บอกว่าต่อไปไม่ต้องรับซื้อผักตี้เอ่อแล้ว ท่านปู่เซียวก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก “ไม่รับซื้อก็ดี เป็นหญิงครองเรือนทำงานข้างนอก หาเงินได้เล็กน้อยก็โดนคนอื่นนินทาว่าร้ายได้ง่ายๆ ! ”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “ไม่หาเงินก็ไม่ได้เจ้าค่ะ ในบ้านทั้งสามคนต้องกินข้าว หากเซียวยวี่กลับมา อุปกรณ์เครื่องเขียนล้วนต้องใช้เงิน ย่อมไม่มีทางได้มาโดยไม่เสียอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ท่านปู่เซียว ข้าหาเงินโดยอาศัยความสามารถของตัวเอง ไม่ได้ลักขโมยหรือแย่งชิงหรือทำเรื่องไม่ดีอะไร ข้าไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้นเจ้าค่ะ! ”
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยความทะนง ระหว่างที่เอ่ยวาจาเหล่านี้ ท่านปู่เซียวรู้สึกเหมือนได้เห็นตัวเองในวัยหนุ่ม
“ดีมาก แม่หนู มีความมุ่งมั่นดี! เซียวยวี่ดูคนไม่ผิดจริงๆ ! ” ท่านปู่เซียวสูบยาสูบหนึ่งคำ พ่นควันออกมา แววตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “หากต่อไปมีเรื่องอะไรให้ช่วย เจ้าก็มาหาปู่เซียวได้ เรื่องที่ปู่เซียวทำไม่ได้ ท่านอาเซียวเหลียงของเจ้าย่อมทำได้แน่! ”
เขาเห็นเซี่ยยวี่หลัวเหมือนคนในครอบครัวแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวขอบคุณท่านปู่เซียวอย่างอ่อนหวาน ก่อนพาเด็กสองคนกลับบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เชิงอรรถ
*จ้วงหยวน หรือ จอหงวน คือผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งในการสอบระดับสูงสุดของบัณฑิต