บทที่ 132 แผนการล้มเหลว

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 132 แผนการล้มเหลว

ด้วยวิธีเดียวกันนี้ เฉินเฉียงก็ได้ทยอยฆ่ามนุษย์กลายพันธุ์อีกสิบสองตนไปจนหมดสิ้น แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่พบว่ามีใครที่มีพลังซ่อนตัวจากแสงเลยสักตนเดียว โดยมนุษย์กลายพันธุ์ตนสุดท้ายที่เขาได้ฆ่าไปนั้นก็คือหลิวหลางที่มีพลังเหล็กไหล

นี่หมายความว่ามนุษย์กลายพันธุ์ตนแรกที่เขาได้ฆ่าไปนั้นก็คือตนที่มีทักษะซ่อนตัวจากแสง

เมื่อได้คำตอบแล้ว หลังจากสังหารหลิวหลางไปได้แล้วเขาก็ไม่เหลือความลังเลที่จะดูดกลืนแผ่นพลังงานอีกต่อไป

ด้วยการที่ทักษะการขุดดินของเขานั้นฆ่าได้อย่างไร้ร่องรอย ความจริงแล้วในการสังหารมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ เขาไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะนี้แต่อย่างใด แต่ที่เขาใช้ทักษะนี้ในการสังหารเพราะมันช่วยปิดบังตัวตนของเขาได้เพียงเท่านั้น

หลังจากเฉินเฉียงได้นำแผ่นพลังงานที่ได้จากการสังหารมนุษย์กลายพันธุ์ตนแรกออกมาแล้ว เขาก็ได้นำมันไปวางที่มือขวาและดูดซับในทันที

และในทันทีนี้เอง ทักษะซ่อนตัวจากแสงของเขาก็ยกระดับจากหนึ่งเป็นสามในทันที พร้อมค่าพลังงานที่สุดท้ายแล้วมาหยุดที่ เก้าพันสองร้อยหน่วย

“หากดูจากก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ทักษะซ่อนตัวจากแสงสมควรทำให้เราล่องหนได้อย่างน้อยๆก็สองวินาทีรึเปล่านะ”

เฉินเฉียงนั้นยังจดจำได้เป็นอย่างดีว่าตอนที่เขาลองใช้ทักษะซ่อนตัวจากแสงระดับหนึ่งนั้นมันได้สูบพลังงานสายเลือดของเขาแห้งหมดไปหนึ่งจุดชีพจรเพียงครั้งเดียว นี่ทำให้เข้านั้นไม่รีบจะทดสอบแต่อย่างใด เขาคิดว่าจะยกระดับก่อนแล้วที่เหลือค่อยว่ากัน

ในเมื่อปัญหานั้นคลี่คลายแล้ว เฉินเฉียงก็ได้เปิดบอลไขเคลือบที่ราชาสวรรค์ให้เข้ามาเพื่อตรวจสอบดู แต่เป็นตอนนี้ที่สัมผัสพลังจิตของเขานั้นได้ตรวจพบว่ามีใครบางคนติดตามเขาอยู่

และเมื่อเฉินเฉียงลองมองดูไปรอบๆ สัมผัสนั้นก็ยังไม่หายไป

เป็นไปได้ว่าเขานั้นถูกใครบางคนติดตามจริงๆ

ด้วยการที่เฉินเฉียงพึ่งจะมาถึงชายฝั่งแห่งนี้ในฐานะมนุษย์กลายพันธุ์ได้ไม่นอน เฉินเฉียงจึงไม่กล้าที่จะประมาท เขารีบใช้ก้าวย่างสวรรค์บินไปต่ออย่างรวดเร็ว

สิบห้านาทีผ่านไป เฉินเฉียงได้หยุดเท้าลง และเขายังสัมผัสได้ถึงตัวตนที่ติดตามเขา

“ฮื้ม นี่เรายังถูกตามอยู่งั้นเหรอ”

เฉินเฉียงในตอนนี้เริ่มตื่นตระหนกแล้วจริงๆ

ด้วยพลังจิตของเขาในตอนนี้เขาทำได้เพียงสัมผัสได้ถึงทิศทางที่คนคนนั้นติดตามมาเท่านั้น แต่เขาไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอน

นี่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าคนที่ติดตามเขามานั้นจะต้องมีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าเขา ถึงแม้จะไม่ใช่ระดับราชาแต่อย่างน้อยๆก็ควรจะอยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นสูง

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงก็ได้ดำดินลงไปและพุ่งไปด้วยความเร็วสูง

เขานั้นพึ่งจะออกจากเกาะเทียนลี่ หากเขาถูกติดตามล่ะก็ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์

เมื่อคิดได้แบบนี้ เฉินเฉียงได้ทำการปิดตัวบอกตำแหน่งที่เขาได้รับมาในฐานะนักรบของมนุษย์กลายพันธุ์ที่ข้อมือ

หลังจากนั้นเขาก็ได้ดำดินต่อไปอีกชั่วโมงก่อนที่จะคลานจากพื้นดินและเปิดบอลไขเคลือบที่ราชาสวรรค์ให้เขามา

ในขณะเดียวกัน ไม่ห่างจากสถานที่ที่เฉินเฉิยงจากไปนั้น ร่างอรชรอ้อนแอ้นร่างหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมา คนคนนี้คือองครักษ์ของราชาสวรรค์ หยานเสวี่ย

เธอเปิดกำลังสื่อสารของตนที่ข้อมูลพร้อมใบหน้าที่บูดบึ้งและพูดออกมา “นายท่าน ตงเจี๋ยนนั้นมีปัญหาจริงๆ”

“ในทันทีที่เขามาถึงภาคกลาง เขาได้สังหารเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสิบสามคนที่ถูกส่งไปทำภารกิจลอบเข้าตึกจอมพลฮัวจ้งจนหมด”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือชายคนนี้มีทักษะประเภทปฐพีที่สูงล้ำ และในตอนนี้เขาน่าจะกำลังไปหาหลินเสี่ยวและเด็กๆของเราทั้งยี่สิบคนแล้ว อีกทั้งความตื่นตัวและความเร็วของเขานั้นสูงล้ำอย่างน่าตกตะลึงอีกด้วยค่ะ”

“นายท่านจะให้ข้าทำเช่นไรดี”

“ข้าควรจะกำจัดเขาก่อนที่จะไปถึงหรือไม่”

“ฮี่ฮี่ฮี่ อย่างที่คิดจริงๆ”

“หยานเสวี่ย เจ้าไม่ต้องทำอะไร เจ้าแค่ติดตามดูเขาไว้ก็พอ คราวนี้อย่าให้เขาจับได้ล่ะ”

“ได้ค่ะนายท่าน”

หยานเสวี่ยได้ปิดกำไลสื่อสารและหายไปในชั่วพริบตา

….

“อาณานิคมทะเลสาบกระจก…เหรอ”

หลังจากมองสถานที่ในบอลไขเคลือบแล้ว ประกายแสงที่เย็นยะเยียบก็ได้ฉายออกมาจากสายตาของเฉินเฉียงที่กำลังมองทอดผ่านผืนแผ่นดินไปไกล

สองวันถัดมา ในที่สุดเฉินเฉียงก็ได้มาถึงอาณานิคมทะเลสาบกระจกที่ราชาสวรรค์ให้ข้อมูลมา

แต่ว่าการมาของเฉินเฉียงนั้น เขาไม่ได้คิดจะพาพวกเขาไปยังสำนักมังกรอาชูร่า แต่เขาต้องการฆ่าพวกมันให้หมด

มนุษย์กลายพันธุ์ทั้งยี่สิบสองตนนี้เป็นเพียงนักรบเหนือมนุษย์ระดับสูงเพียงเท่านั้นย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะจัดการด้วยตัวคนเดียว แต่กับหลินเสี่ยวนั้นน่าจะมีปัญหาอยู่บ้าง นั่นก็เพราะมนุษย์กลายพันธุ์ตนนี้อย่างน้อยๆก็สมควรจะอยู่ในระดับนายพลทักษะพิเศษขั้นต้นช่วงปลาย

แต่ถึงกระนั้น เขาก็เชื่อว่าเขามีวิธีที่จะจัดการหลินเสี่ยวได้อยู่หมัด

และวิธีที่ดีที่สุดก็คือการฆ่าหลินเสี่ยวก่อนเป็นอันดับแรก

หลังจากคิดถึ่ถ้วนแล้ว เฉินเฉียงจึงได้ไปยืนอยู่ที่หน้าประตูอาณานิคมและตะโกนออกมา “หลินเสี่ยว”

“ใครกันที่มาตะโกนที่นี่”

ประตูอาณานิคมได้เปิดออกพร้อมทั้งเด็กหนุ่มหกคนที่มีอายุสิบสามปีได้พุ่งออกมา พวกเขาสวมใส่ชุดเกราะพร้อมอาวุธที่ครบมือ

เมื่อเห็นเด็กเหล่านี้ที่มีใบหน้าที่เยาว์วัย เฉินเฉียงเองก็อดที่จะบีบรัดหัวใจตนเองอย่างเจ็บปวดไม่ได้

เยาวชนเหล่านี้แต่เดิมสมควรจะเป็นอนาคตของมนุษยชาติ แต่พวกเขานั้นกลับถูกชุบเลี้ยงโดยมนุษย์กลายพันธุ์ ในตอนนี้เขานั้นแทบจะไม่คิดที่จะสังหารเด็กน้อยเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย

แต่เมื่อนึกถึงว่าหากปล่อยให้เด็กเหล่านี้มีโอกาสเข้าไปยังสำนักมังกรอาชูร่าได้ล่ะก็ พวกเขาต้องสร้างความสูญเสียให้กับมนุษยชาติอย่างใหญ่หลวงและอาจสั่นคลอนการคงอยู่ของเผ่าพันธุ์ได้เลยด้วยซ้ำ

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงทำได้เพียงลอบถอดถอนลมหายใจไปเท่านั้น เขาตัดสินใจแล้วว่าหากหลินเสี่ยวโผล่หัวออกมา เขาจะฆ่ามันทิ้งในทันทีที่เห็น

“ใครกัน ทำไมเจ้าถึงมาหานายพลของพวกเรา”

เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้ชี้หอกมาที่เฉินเฉียงพร้อมกับถามออกมาด้วยท่าทีขึงขัง

“บอกนายพลของเจ้า หลินเสี่ยว ว่า ข้ามาจากเกาะเทียนลี่และได้รับคำสั่งให้มาร่วมภารกิจ”

หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้สั่งให้ปีกสีเงินโบกสะบัดในทันที

ถึงแม้ว่าปีกของมนุษย์กลายพันธุ์นั้นจะแตกต่างกันไป แต่ยังไงซะปีนี้ไม่มีทางปรากฏให้เห็นได้ในเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากจะเรียกว่าเป็นนามบัตรของมนุษย์กลายพันธุ์ได้ก็ไม่แผลกนัก

แน่นอนว่าหลังจากเห็นปีกของเฉินเฉียงแล้ว ท่าทางของเด็กหนุ่มทั้งสองก็ได้เปลี่ยนไป แถมทั้งสองยังต้อนรับเฉินเฉียงอย่างอบอุ่นอีกต้วย

“นายท่านผู้นี้ ข้านั้นเคยได้ยินเรื่องราวมาจากนายพลหลินมาว่าท่านราชาสวรรค์จะส่งคนมาพาพวกเราเข้าสำนักมังกรอาชูร่า ข้านึกไม่ถึงว่าท่านจะมาเร็วขนาดนี้ โปรดเชิญเข้ามาก่อน นายพลของพวกเรานั้นพักอยู่ที่หอประจำการ”

เฉินเฉียงได้เก็บปีกของตนพร้อมแสดงออกซึ่งท่าทางเย็นยะเยียบและเดินอาดๆเข้าไปอาณานิคม

อาณานิคมทะเลสาบกระจกแห่งนี้มีทะเลสาบใหญ่อยู่ข้างอาณานิคม หากว่าพวกเขาโดนโจมตีอย่างกะทันหัน ผู้คนที่นี่สามารถหลับหนีผ่านทางทะเลสาบแห่งนี้ได้

เมื่อเห็นบรรยากาศภายในแล้ว เขาเองก็อดที่จะยอมรับในวิสัยทัศน์ที่เรียกที่นี่เป็นฐานชุบเลี้ยงมนุษย์กลายพันธุ์ไม่ได้

“ฮื๊มมมม”

ภายใต้การนำของมนุษย์กลายพันธุ์ตัวน้อย เฉินเฉียงเมื่อเข้าไปในหอประจำการ เขาก็ได้พบผู้คนสูงอายุจำนวนหลายสิบคนที่อาศัยอยู่ในอาณานิคมแห่งนี้ พวกเขามีอายุประมาณห้าสิบปีเห็นจะได้

ยิ่งไปกว่านั้นคือ เพียงแค่มองคนเหล่านี้ก็รู้ได้ในทันทีว่าพวกเขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเพียงเท่านั้น

เมื่อพบเจอเรื่องนี้ทำให้เฉินเฉียงพับแผนของเขาในทันที

หากว่าเขาลงมีที่นี่ในตอนนี้ ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์มนุษย์เหล่านี้ต้องไม่แคล้วที่จะตกตาย

ดูเหมือนว่าเขาคงต้องเปลี่ยนแผนซะแล้ว

ก่อนที่เฉินเฉียงจะได้ทำอะไรออกมา มีใครบางคนได้ไปรายงานเรื่องของเขากับนายพลที่อยู่ในหอประจำการ และนี่ทำให้หลินเสี่ยวรีบเร่งออกมาต้อนรับเขาในทันที

“ผู้น้อย หลินเสี่ยว ขอทำความเคารพนายท่านผู้นำพา”

ถึงแม้เฉินเฉียงจะมีระดับขั้นการบ่มเพาะที่ด้อยกว่าหลินเสี่ยวเล็กน้อย แต่ด้วยการที่เฉินเฉียงมาที่นี่ด้วยเรื่องภารกิจ แถมหลินเสี่ยวยังรับรู้ได้ว่าชายตรงหน้าเขาคนนี้เป็นพวกนักรบมีชีวิต นี่จึงทำให้สถานะของหลินเสี่ยวนั้นด้อยกว่าเฉินเฉียงในทันที

“นายพลหลิน ไม่ต้องมากพิธีไปหรอก”

หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้เดินเข้าไปในหอประจำการและนั่งลง

เมื่อมีคนนำชามาเสิร์ฟให้ทั้งสอง หลินเสี่ยวก็ได้ไล่คนอื่นออกไปให้หมด

“นายท่านผู้นำพา ราชาสวรรค์ได้ให้ท่านพานักรบเหล่านี้เข้าสำนักอาชูร่าใช่หรือไม่”

เฉินเฉียงได้จิบชาก่อนไปทีหนึ่งและถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้น ข้าขอถามว่าทำไมที่นี่ถึงได้มีเผ่าพันธุ์มนุษย์มากมายนัก”