“ยังไม่ได้อีกหรือ” หัวหน้าห้องเจียวผู้ใช้ยันต์อันเชิญเทพถึงสองใบติดต่อกันห่อเหี่ยวลงไป ปรมาจารย์โลกบนอะไรกัน อันเชิญยากชะมัด ทันใดนั้นใจของเขาเย็นวูบ ดูท่าทางวันนี้จะไม่รอดแล้ว
มองดูราชาผีด้านนอกที่กำลังพุ่งเข้ามา ตัวของเขาแข็งทื่อ ไม่อาจหลบหลีกได้ไปชั่วขณะ
อวิ๋นเจี่ยวที่ฝังเข็มเสร็จรีบเอื้อมมือออกไปดึงคนให้ถอยกลับเข้ามา “รีบเข้าข่ายพลัง!”
นาทีถัดมา พลังสีดำของราชาผีก็ปะทะเข้ากับข่ายพลังป้องกัน เจียวเหิงอีตั้งสติได้ มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณสหายอวิ๋น…” หากไม่ใช่นางดึงตนเองกลับมา ตัวของเขาคงไม่อาจหลบได้ เมื่อคิดถึงเรื่องของยันต์อันเชิญเทพสีหน้ายิ่งหม่นหมองและรู้สึกผิด ยันต์อันเชิญเทพแตกต่างจากยันต์อื่น มีเพียงยันต์ที่วาดด้วยตนเอง ถึงจะส่งความศรัทธาไปยังเทพเจ้าที่อยู่โลกบนให้รับรู้ได้ “เป็นเพราะพลังของข้าไม่แข็งแกร่งพอ เดิมทีคิดจะอัญเชิญเทพเจ้าทั้งสามลงมาท่านใดท่านหนึ่ง แต่ใช้ยันต์อันเชิญติดต่อกันสองใบก็ยังไม่สามารถอันเชิญปรมาจารย์เสวียนเหมินลงได้”
ปรมาจารย์เหวินชิง “…”
ปรมาจารย์หยวนเจียง “…”
รู้สึกเหมือนโดนตำหนิอย่างไรไม่รู้
“พอเถอะ ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย” อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าเหนื่อยหน่าย อันที่จริงแล้วท่านทำสำเร็จแล้ว “มา ช่วยข้าวางข่ายพลังเจ็ดสังหารนี้ก่อน!”
หัวหน้าห้องเจียวผงะ ทันใดนั้นดีใจขึ้นมา “จริงสิ! พวกเรายังสามารถใช้ข่ายพลังนี้ได้!” เขาโยนความผิดหวังทิ้งไป ก่อนจะหยิบธงข่ายพลังออกมา ร่วมมือกับอวิ๋นเจี่ยวเริ่มวางข่ายพลัง
ข่ายพลังเจ็ดสังหารเป็นข่ายพลังโจมตีที่แข็งแกร่ง ด้านในมีวิธีการสังหารเจ็ดประเภท ประกอบไปด้วย ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ลม น้ำแข็ง และสายฟ้า ไม่อาจคาดเดาการเปลี่ยนแปลงได้ อีกทั้งยังมีการทำลายล้างมหาศาล พลังสีดำของราชาผีนี้ค่อนข้างแปลกประหลาด วิธีการของเถิงสีเมื่อครู่ไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย แต่ว่าวิธีสังหารทั้งเจ็ดต้องมีวิธีใดวิธีหนึ่งที่ใช้ได้แน่
ดังนั้นทั้งสองคนแยกกันไปสองฝั่ง เริ่มลงมือวางข่ายพลัง ราชาผีที่อยู่ด้านนอกโจมตีหนักมากขึ้น ข่ายพลังป้องกันดังก้องไปด้วยเสียงกระแทก ดูเหมือนกำลังจะพังทลายลง พลังสีดำมากมายห้อมล้อมพวกนางไว้ตรงกลาง สุดท้ายข่ายพลังป้องกันปรากฏรอยร้าวตั้งแต่ด้านบนลงมา
“ไม่ทันแล้ว!” หยวนเจียงสีหน้าเปลี่ยนไป ราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ เขาเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว พร้อมใช้พลังเทพเสี้ยวสุดท้ายภายในร่างกาย ทันใดนั้น คนทั้งคนส่องแสงสีขาวจางๆ ออกมา
“ศิษย์พี่สอง! ท่านจะ…” สีหน้าของเหวินชิงเปลี่ยนไป เขากำลังจะระเบิดจิตดั้งเดิมหรือ “ไม่ได้! รีบหยุดลง!” เขาจะวิญญาณสลายนะ
เขาอยากจะห้ามปรามอีกฝ่าย แต่หยวนเจียงกลับหลบหลีกเขา หันมามองเขาทีหนึ่งพร้อมพูด “คุ้มครองพวกเขาออกไป!”
นาทีถัดมา ข่ายพลังป้องกันแตกละเอียด พลังสีดำจำนวนมากพุ่งเข้ามา หยวนเจียงดึงพลังเทพออกมาจนสุดแล้ว แสงสีขาวทั่วตัวสว่างมากขึ้น ในขณะที่กำลังจะระเบิดจิตดั้งเดิม
ทันใดนั้น แสงสีทองที่สว่างกว่าเปล่งประกายขึ้น พร้อมกับกวาดไปทั่วบริเวณ มันกดแสงสีขาวของหยวนเจียงลงไปจนหมดสิ้น ในขณะเดียวกัน บังคับให้พลังสีดำนั้นถดถอยออกไปจนหมด ห้องหินประกายด้วยแสงสีทองแสบตาทั่วห้อง
หยวนเจียงผงะ ก่อนจะหยุดลง
“สหาย…สหายอวิ๋น?” เจียวเหิงอีมองไปยังอวิ๋นเจี่ยวด้วยความตกตะลึง นาทีนี้ทุกคนถึงได้พบว่าแสงสีทองนั้นออกมาจากตัวของอวิ๋นเจี่ยว อีกทั้งยังปะปนไปด้วยพลังที่เหวินชิงไม่อาจเทียบทานได้
อวิ๋นเจี่ยวเองก็ฉงนเช่นกัน แสงนี้คืออะไร
(⊙_⊙)
นางก้มมองลงไปยังหน้าอกของตนเองพบว่าบนร่างกายของตนเองปรากฏอักขระของยันต์ขึ้นมา ก่อนจะกลายเป็นรูปร่างอย่างช้าๆ ดูแล้วเหมือน…ยันต์ขนส่ง?!
ในช่วงเวลาเร่งรีบ นางตั้งสติได้ ก่อนจะดึงหัวหน้าห้องเจียวที่อยู่ใกล้ตัวเอาไว้ พร้อมกับพูดเสียงดัง “เร็ว! จับข้าไว้!”
คนที่เหลือสามคนต่างตะลึง แต่ก็ยื่นมือออกไปจับนางเอาไว้
นาทีถัดมา ทุกคนรู้สึกเพียงมิติบริเวณโดยรอบบิดเบี้ยวไป ราวกับมีบางอย่างแตกออก จากนั้นตามมาด้วยแสงสีทองที่เปล่งประกายขึ้น ทั้งห้าคนหายตัวไปจากที่เดิม
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกเพียงฉากตรงหน้าเปลี่ยนไป ความมืดสลายไป นาทีถัดมาเผชิญหน้าเข้ากับใบหน้าเย็นชาดุจดั่งน้ำแข็งของอาจารย์ปู่ เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นตามมา
“ฟ้ามืดแล้ว ทำไมถึงเพิ่งกลับ”
เยี่ยยวนจ้องมองไปยังอีกฝ่าย แต่กลับพบว่าข้างตัวของศิษย์หลานมีเพิ่มขึ้นถึงสอง…สาม…สี่คน ทันใดนั้นไฟโกรธภายในใจลุกขึ้นมา อีกทั้งยังมีแนวโน้มลุกหนักมากขึ้น…
ทันใดนั้นพลังทั้งหมดแผ่ออกมาอย่างบ้าคลั่ง เหล่าคนที่เพิ่งรอดตายกลับมายังไม่ทันตั้งสติได้ ก็ถูกกดทับราวกับขนมเปี๊ยะยัดไส้ นอกจากอวิ๋นเจี่ยวแล้ว คนอื่นล้วนถูกกดลงบนพื้นในทันใด
ฟ้าค่ำแล้วศิษย์หลานไม่กลับมา แต่กลับพาชายที่ไหนไม่รู้สี่คนกลับมาด้วย!
(╰_╯)
อวิ๋นเจี่ยวผงะไป นางยังไม่ทันได้สติจากราชาผีที่เจอเมื่อครู่ พวกเขากลับมาแล้วเหรอ
นาทีถัดมา เสียงคำรามดังขึ้น พลังสีดำซัดเข้ามาจากด้านหลัง ก่อนจะรวมตัวกันเป็นหัวผีขนาดใหญ่ มันกำลังจะกลายเป็นรูปเป็นร่าง
เฮ้ย ราชาผีก็ถูกส่งมาด้วย!
อวิ๋นเจี่ยวหันไปขอความช่วยเหลือตามสัญชาตญาณ “อาจารย์…”
เพี๊ยะ!
นางยังพูดไม่ทันจบ พลังกลุ่มหนึ่งกวาดไปทางราชาผีโดยตรง อีกทั้งยังหนักกว่าของคนอื่นอีกหลายเท่า ราชาผีสลายไปในทันที พลังสีดำที่ซัดเข้ามาอย่างโหมกระหน่ำราวกับเทียนเล่มเล็กที่ถูกพายุระดับสิบพัดผ่าน ดับสลายไปจนหมดสิ้น เหมือนกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน
อวิ๋นเจี่ยว “…”
หัวหน้าห้องเจียว “…”
เถิงสี “…”
ศิษย์พี่ศิษย์น้อง “…”
“อะไรนะ” เยี่ยยวนมองไปยังศิษย์หลานของตน เขาแค่รู้สึกว่ามีคนกำลังต่อต้าน จึงใช้พลังมากขึ้นเท่านั้น แต่อีกฝ่ายกลับสลายหายไป ไม่ทันมองว่าอีกฝ่ายคืออะไร
อวิ๋นเจี่ยวโล่งใจในทันใด สักพักถึงได้พูดขึ้น “ไม่…ไม่มีอะไร” นางไม่ค่อยอยากบอกว่านั่นคือ บอส ราชาผี มิเช่นนั้นอาจจะเป็นการดูถูกมันเกินไปหน่อย
เยี่ยยวนไม่ได้สนใจ กวาดตามองศิษย์หลานของตน ความโกรธเมื่อสักครู่ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ทันใดนั้นรู้สึกว่าตนเองควบคุมอีกฝ่ายหละหลวมเกินไป ทำให้นางไม่เชื่อฟัง มื้อค่ำไม่กลับมากินไม่เท่าไหร่ แต่ยังพาผู้ชายที่ไหนไม่รู้กลับมาบ้าน ยิ่งคิดยิ่งโมโห ตัดสินใจว่าครานี้ต้องคุยกับอีกฝ่ายให้รู้เรื่อง
ดังนั้น สีหน้าของเขาเย็นลงไป เดินเข้าไปใกล้สองก้าว พร้อมกับจ้องมองศิษย์หลานโดยตรง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นเวลาค่ำแล้ว!”
“อืม…” อวิ๋นเจี่ยวกลับไม่รับรู้ถึงความโกรธของอีกฝ่าย ตอบรับคำหนึ่ง เส้นประสาทที่ตึงเครียดอยู่ตลอดเวลาผ่อนคลายลงได้เสียที ทันใดนั้นความเหนื่อยล้าถาโถมเข้ามา นางถอนหายใจยาว ร่างทั่งร่างอ่อนระทวย แม้แต่คนที่อยู่ตรงหน้ายังรู้สึกว่าล่องลอยขึ้นมา ก่อนจะล้มเข้าไปยังอ้อมกอดของอีกฝ่ายโดยตรง พร้อมกับเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา “อาจารย์ปู่…”
เยี่ยยวนผงะ มองดูคนที่พุ่งเข้ามา คนทั้งคนแข็งทื่อไป คำตำหนิที่อยู่ในปากเมื่อสักครู่หายไปจนหมดสิ้น เขาเพิ่งเคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของศิษย์หลานตัวเอง ฟังแล้วทำให้ใจคนอ่อนระทวย
อวิ๋นเจี่ยวประคองตัวไว้ไม่อยู่ ดูท่าทางกำลังจะล้มลงไป เยี่ยยวนเอื้อมมือออกไปรับประคองคนเอาไว้ ก่อนจะพบว่านางหลับไปแล้ว ลมหายใจแผ่วเบา ราวกับขนนกที่กวาดผ่านข้างลำคอของเขา รู้สึกร้อนระอุเล็กน้อย ผิวหนังบริเวณนั้นราวกับถูกไฟเผา และมีแนวโน้มที่จะลามขึ้นหน้าอีกด้วย
อืม ช่างเถอะ ดูท่าทางนางจะสำนึกผิด ครั้งนี้ไม่ลงโทษแล้วกัน