ตอนที่ 149 ต้องการแก้กลหมาก ต้องตรงนี่แหละ !

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 149 ต้องการแก้กลหมาก ต้องตรงนี่แหละ !

“มาแล้ว ! ”

ทันทีที่เห็นสาวใช้ยกกล่องทรงยาวใบหนึ่งเดินมาอย่างระมัดระวัง

ทุกคนต่างก็อุทานออกมาเบา ๆ แล้วจึงหันไปมองบุรุษหนุ่มที่สวมอาภรณ์สีขาว และอุ้มจิ้งจอกสีขาวราวกับหิมะแนบอกเอาไว้ทันที

บุรุษผู้นี้ช่างสง่างามยิ่งนัก

แม้จะดูอายุยังน้อย แต่ความแตกฉานในวิถีหมากช่างสูงส่งเกินกว่าที่จะคาดเดาได้ วันนี้เขาจะสามารถแก้กลหมากปริศนา 13 ภาพได้จริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ?

เป็นเรื่องที่มิมีผู้ใดสามารถล่วงรู้ได้

ทว่าบุรุษหนุ่มลึกลับผู้นี้ นับได้ว่าเป็นผู้ที่มีความแตกฉานในวิถีหมากสูงส่งที่สุด ที่พวกเขาได้พบเจอมาในรอบสิบกว่าปีมานี้เลยก็ว่าได้

หากวันนี้บุรุษหนุ่มผู้นี้สามารถแก้กลหมากปริศนา 13 ภาพได้จริง เช่นนั้นคงจะสามารถเข้าสู่เต๋าด้วยวิถีหมากได้อย่างแน่นอน

ถึงตอนนั้นเบื้องบนย่อมปรากฏนิมิต พลังปราณบริสุทธิ์ก็จะปกคลุมที่นี่

เช่นนั้นพวกเขาก็จะได้รับวาสนาครั้งใหญ่ และได้รับประโยชน์ที่มิรู้จบไปด้วย

ขณะเดียวกันภายในใจของเยี่ยนเทียนซานตอนนี้ กลับเต็มไปด้วยความแปลกใจ

เรื่องเล่าต่าง ๆ ของกลหมากปริศนา 13 ภาพแห่งหอสายลมจันทรา เขาเองก็เคยได้ยินได้ฟังมาบ้าง

แต่ด้วยเพราะฝีมือหมากล้อมของเขานั้นยังด้อยมากนัก

ก่อนหน้านี้เขาเคยยืมกลหมากปริศนาจากหอสายลมจันทราไป 1 ภาพ แต่เนื่องด้วยภาพกลหมากปริศนาภาพนั้นลึกซึ้งเกินไป อย่าว่าแต่คิดที่จะแก้กลหมากเลย เพียงแค่จับจุดสำคัญของกลหมากยังเป็นปัญหาใหญ่เลยก็ว่าได้

การที่วันนี้ผู้อาวุโสเย่ยอมแสดงฝีมือ เขาจึงรู้สึกยินดีที่จะได้ชมเป็นอย่างยิ่ง

มินานเมื่อสาวใช้เดินถือกล่องไม้ทรงยาวมาถึง หลู่ฉีที่เป็นผู้ดูแลชั้นหมากล้อมก็รีบเดินเข้าไปทันที

ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างรับกล่องไม้ใบนั้นมา จากนั้นจึงกัดนิ้วชี้แล้วป้ายเลือดสด ๆ ลงไปบนกล่องไม้

“เปรี้ยง ! ”

ทันใดนั้นรอยสลักสีเลือดจาง ๆ ก็กระจายไปบนกล่องไม้ภายในมิกี่อึดใจ ดูแปลกประหลาดยิ่งนัก

‘ผนึกโลหิต ! ’

เยี่ยนเทียนซานที่เห็นภาพตรงหน้าพลันหรี่ตาลง

เขาบังเอิญเคยเห็นผนึกชนิดนี้ในตำราโบราณเล่มหนึ่งมาแล้ว

นี่เป็นผนึกเก่าแก่ชนิดหนึ่งที่ใช้เลือดบูชา นอกจากคนที่เกี่ยวข้องก็จะมิมีผู้ใดสามารถเปิดผนึกชนิดนี้ได้

มิฉะนั้นของวิเศษที่ถูกผนึกห่อหุ้มเอาไว้ก็จะถูกทำลายลง

ขณะเดียวกันก็อธิบายความจริงบางเรื่องได้ว่า

เบื้องหลังของหอสายลมจันทราแห่งนี้มิธรรมดาเลย

มุมปากของเยี่ยนเทียนซานโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ขณะเอ่ยกับตัวเองในใจ

หลังจากนั้นมิกี่อึดใจ เมื่อไอพลังโบราณมหาศาลจางหายไป รอยสลักสีเลือดบนกล่องไม้ทรงยาวก็ได้หายไปอย่างรวดเร็ว

หลู่ฉีกวาดตามองทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ก่อนจะค่อย ๆ เปิดกล่องไม้ทรงยาวออกอย่างระวัง

วินาทีต่อมา ม้วนหนังสัตว์โบราณม้วนหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตา

หลังจากหลู่ฉีกางม้วนหนังสัตว์ลงบนโต๊ะไม้ทรงกลมตัวหนึ่ง ภาพหมากอันซับซ้อนไร้ที่เปรียบก็ปรากฏขึ้น

“ทุกท่าน กลหมากปริศนานี้สุดแสนอันตราย หวังว่าทุกท่านจะมิค้นหาวิธีแก้กลหมากโดยพลการ เพราะหากเกิดสิ่งใดขึ้น ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าที่หอสายลมจันทราจะมิขอรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น”

หลู่ฉีกวาดตามองทุกคน พร้อมกับเอ่ยกำชับขึ้น

เมื่อเอ่ยจบแล้วจึงได้หันไปหาเย่ฉางชิง พร้อมกับยิ้มออกมา “คุณชายท่านนี้ เชิญขอรับ”

สีหน้าของเย่ฉางชิงตอนนี้มิได้บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ เขาเพียงแค่พยักหน้ารับยิ้ม ๆ ก่อนจะอุ้มจิ้งจอกน้อยแนบอกแล้วก้าวเดินไปข้างหน้า

ผู้คนที่เห็นเช่นนั้นต่างก็รีบแหวกออกเป็นสองฝั่ง เพื่อเว้นช่องทางเดินให้แก่เย่ฉางชิง

เมื่อเย่ฉางชิงเดินมาถึงหน้าโต๊ะทรงกลม

เขาก็ได้กวาดตามองจำนวนหมากขาวดำบนกลหมากปริศนาแผ่นนี้อย่างคร่าว ๆ แล้วจึงลูบหัวของจิ้งจอกน้อยเบา ๆ เพื่อสำรวจสถานการณ์หมากของแต่ละฝ่าย

เวลาครึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างมิทันรู้ตัว

สายตาของเย่ฉางชิงยังคงจับจ้องไปที่ภาพกลหมากปริศนา ฝ่ามือยังคงลูบเบา ๆ ที่หัวของจิ้งจอกน้อย มิมีทีท่าว่าจะวางหมากแต่อย่างใด

เขาดูใจเย็นอย่างมาก แต่คนอื่นหาได้รู้สึกใจเย็นเช่นเขาไม่

เพราะเยี่ยงไรเสียเขาก็ยังคงดูเด็กเกินไป

“ดูเหมือนคนผู้นี้ก็คงจะมิสามารถแก้กลหมากปริศนาที่หลงเหลือไว้ตั้งแต่สมัยบรรพกาลได้สินะ”

“ดูจากท่าทางของเขาก็คงจะเป็นเช่นนั้น แต่คนผู้นี้แม้อายุยังน้อยแต่กลับมีความแตกฉานในวิถีหมากถึงเพียงนี้ มิรู้ว่าภายภาคหน้าจะมีความแตกฉานในวิถีหมากเพิ่มมากขึ้นอีกเพียงใด”

“ใช่แล้ว ความแตกฉานในวิถีหมากของบุรุษหนุ่มผู้นี้ ภายภาคหน้าย่อมสูงส่งกว่าคนวัยเดียวกันอย่างมากเป็นแน่”

“น่าเสียดายยิ่งนัก ที่วันนี้พวกเราก็ยังมิอาจเห็นคนผู้นี้แก้กลหมากปริศนาด้วยตาตนเองได้”

ขณะที่ทุกคนกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่นั้น

“เปรี้ยง ! ”

จู่ ๆ พลันก็มีนิมิตปรากฏขึ้นทางด้านหลังของเย่ฉางชิง ที่กำลังครุ่นคิดหาวิธีแก้กลหมากอยู่

กระดานหมากล้อมกระดานหนึ่ง ที่ประกอบขึ้นจากลำแสงมากมายผสมผสานกัน

แสงอันเจิดจ้าส่องประกาย พร้อมกับมีพลังปราณลึกลับลอยวนอยู่

โดยเฉพาะจุดดาวทั้งเก้าบนกระดาน ที่ส่องสว่างระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องนภา

‘น่าขันจริง ๆ ก่อนหน้ายังเตือนผู้อื่นอยู่เลย แต่บัดนี้ข้ากลับเป็นผู้ที่หลงอยู่ในวังวนเสียเอง’

มุมปากของเย่ฉางชิงยกยิ้มขึ้นเยาะเย้ยตนเอง พร้อมส่ายหน้าพลางพึมพำเบา ๆ ‘บนภาพกลหมากปริศนาแผ่นนี้ ทั้งฝ่ายขาวและดำได้มีการวางหมากไว้เกือบสองร้อยตัว ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้หมากกระดานนี้สับสนวุ่นวายไปหมด’

‘ขณะเดียวกันก็ทำให้มิอาจเดินต่อได้อีก ทว่าแม้จะเป็นการต่อสู้ที่ปั่นป่วน แต่หมากที่มิมีความเชื่อมโยงใด ๆ กลับเป็นกุญแจสำคัญในการแก้หมากเกมนี้ได้ ! ’

วินาทีนี้ เย่ฉางชิงราวกับเซียนที่กำลังตัดสินชี้เป็นชี้ตายก็มิปาน

ระหว่างที่เขาพึมพำออกมานั้น บนกระดานหมากที่เกิดจากลำแสงมากมายผสานกัน และปรากฎขึ้นที่ด้านหลังของเขา ก็มีหมากสีขาวและสีดำค่อย ๆ เผยออกมา

ระหว่างที่เขาเพิ่งจะบ่นพึมพำจบ

หมากในภาพกลหมากปริศนา ก็ได้ปรากฏขึ้นบนกระดานด้านหลังของเขาด้วย

ผู้คนที่เห็นภาพสุดอัศจรรย์ตรงหน้าต่างก็อ้าปากค้าง ใบหน้าสีเผือดลงทันที

‘นิมิตนี้ช่างอลังการน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ’

‘ทั้งยังสามารถนำภาพกลหมากปริศนาซ้อนลงไปบนภาพนิมิตได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย ! ’

‘คนผู้นี้คงมิใช่เพียงเข้าสู่เต๋าด้วยวิถีหมากธรรมดา ๆ ’

‘หากมิมีสิ่งใดผิดพลาด ท่านผู้นี้คงเป็นเทพที่อยู่ในจุดสูงสุดของวิถีหมากแล้ว แม้แต่เทพหมากล้อมคนปัจจุบันอย่างหนานกงเสวียนจีก็ยังยากที่จะเทียบเคียงได้’

‘เทพแห่งหมาก ! ’

‘เทพแห่งหมากตัวจริง ! ’

‘ผู้อาวุโสท่านนี้เหมาะสมที่จะเป็นเทพแห่งหมากของยุคตัวจริงเสียงจริง ! ’

หลังจากได้สติอีกครั้ง ทุกคนต่างก็ก้าวถอยหลังออกไปคนละสองก้าว ก่อนจะโค้งคำนับให้แก่เย่ฉางชิงอย่างนอบน้อม

แต่เพราะผู้อาวุโสท่านนี้ยังมิได้แก้กลหมากปริศนานี้อย่างสมบูรณ์ พวกเขาจึงยังมิมีผู้ใดเอ่ยออกมา

ชมหมากมิพูด

สิ่งนี้คือคุณสมบัติพื้นฐานของนักหมากล้อม

บัดนี้เทพแห่งหมากตัวจริงปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า แล้วพวกเขาจะกล้าแหกกฎนี้ได้เยี่ยงไรกัน ?

ขณะเดียวกันเยี่ยนเทียนซานที่ยืนอยู่มิไกลก็มิได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น

‘กลหมากปริศนา 13 ภาพนี้มิธรรมดาจริง ๆ มิเช่นนั้นด้วยความแตกฉานในวิถีหมากของผู้อาวุโสเย่ มิมีทางปรากฏนิมิตเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน’

เยี่ยนเทียนซานยกมือขึ้นลูบที่หนวดของตนเอง พลางคิดขึ้นมาด้วยความดีใจ ‘แต่การที่ผู้อาวุโสเย่ได้พบกลหมากปริศนาเช่นนี้ในเมืองหลวง ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการเดินทางแล้วกระมัง ! ’

ตอนนั้นเองมุมปากของเย่ฉางชิงก็ค่อย ๆ โค้งขึ้นจนเกิดเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ

‘ต้องการแก้กลหมาก ต้องตรงนี่แหละ!’

เย่ฉางชิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะยื่นออกมาจิ้มลงยังตำแหน่งที่ใกล้กับด้านล่างบนกลหมากปริศนา

ขณะเดียวกันบนกระดานหมากด้านหลังของเขา พลันปรากฏหมากสีขาวตัวหนึ่งในจุดที่เขาพึ่งจิ้มลงไป

ทันใดนั้นหมากดำบนกระดานก็ถูกพลังทำลายล้าง และหายวับไปจากกระดานที่มีลำแสงมากมายผสานกันอยู่ทันที

เห็นได้ชัดว่าในที่สุดหมากขาวก็ชนะหลังจากที่เย่ฉางชิงวางหมากลงไป

นั่นหมายความว่ากลหมากปริศนาภาพนี้ในที่สุดก็ถูกแก้แล้ว !

ผู้คนทั่วทั้งชั้นหมากล้อมที่ได้เห็นภาพตรงหน้า ต่างก็ตกตะลึงจนแข็งค้างราวกับหิน

ดวงตาเบิกโพลง ท่าทางของแต่ละคนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด

‘แก้กลหมากสำเร็จแล้วงั้นหรือ ? ’

‘ใช่แล้ว ! ’

‘เทพแห่งหมากตัวจริงแห่งยุคท่านนี้ ใช้เวลามิถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถแก้กลหมากปริศนาได้ภาพหนึ่งแล้ว ! ’

ในตอนนั้นเองก็เกิดเหตุประหลาดขึ้นอีก

บนภาพกลหมากปริศนากลับมีลำแสงหนึ่งพุ่งไปยังหว่างคิ้วของเย่ฉางชิง

เสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในโสตประสาท