ตอนที่ 128 กล่าวโทษอย่างไร้เดียงสา เสวนาถึงเรื่องจี้ซื่ออีกครั้ง (3)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

ทว่าทุกเรื่องก็ย่อมมีเหตุการณ์ที่คาดคิดไม่ถึงเกิดขึ้น

ตอนที่ทหารรักษาการณ์เหล่านี้ไล่คน ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดเย้ยหยันดังมาจากนอกกลุ่มคนเหล่านี้ แล้วเปล่งเสียงใส “ในยุคบ้านเมืองสงบสุข ภายใต้ฝ่าพระบาทของฮ่องเต้ กลับมีคนกล้าวางอำนาจข่มเหงผู้อื่นกระนั้นหรือ ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ของพวกเราจริงๆ!”

ทหารรักษาการณ์ก็ไม่ใช่ย่อย พอได้ยินคำพูดเช่นนี้ จึงได้ตามหาทิศทางเสียงของคนๆ นี้ในท่ามกลางผู้คนมากมาย จากนั้นก็ตวาดด้วยเสียงเข้ม “ใคร! ช่างบังอาจยิ่งนัก!”

“เหอะ!” บุรุษที่สวมใส่เสื้อคลุมขนกระรอกสีเขียว และปักลายมวลผกาออกจากด้านหลังกลุ่มคน เขาวางมือไว้ข้างหลัง จากนั้นก็เชิดคางขึ้น ลำตัวสง่าประดุจหยกรูปงาม สีหน้าเคล้าด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ข้าแค่พูดตามความจริงเท่านั้น นี่ก็ถือว่าบังอาจแล้วหรือ”

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ที่นี่ไม่มีกิจของเจ้า! รีบไสหัวไป!” ทหารรักษาการณ์เห็นว่าคนที่มาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชั้นดี ดวงหน้าดูเป็นผู้ดี ไม่เหมือนอันธพาลที่หาเรื่องผู้อื่นไปทั่ว จึงตัดสินใจโบกมือและไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับคนเช่นนี้

แต่ว่าบุรุษที่สวมใส่ชุดสีเขียวกลับไม่ได้คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ จึงเดินไปข้างหน้าสองก้าว แล้วแสยะยิ้มพลางถามขึ้น “ทำไมเล่า หรือไม่อยากจะจับกุมตัวข้าไปสืบสวน? นี่กลับเป็นเรื่องที่แปลกพิลึกยิ่งนัก”

ทหารรักษาการณ์ของจวนเฉิงอ๋องทำตามอำเภอใจจนเคยชิน และไม่เคยถูกใครเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อน อีกอย่าง ถึงแม้คนที่อยู่ตรงหน้าจะดูสูงส่ง ทว่าก็ยังถือว่าเป็นคนแปลกหน้า คงไม่ใช่องค์ชายในตระกูลสูงศักดิ์ และคงไม่ใช่คุณชายในตระกูลเลื่องชื่อ ดูจากการแต่งกาย เหมือนจะเป็นลูกหลานของพ่อค้าร่ำรวยมากกว่า ดังนั้นจึงชักดาบออกมาแล้วโบกไปมา พลางชี้ไปยังลำคอของคุณชายชุดสีเขียว พร้อมพูดด้วยเสียงโมโห “ยังจะมามองข้ามความหวังดีของผู้อื่นอีก!”

“พี่จื่อรุ่น! พี่จื่อรุ่น?!” ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนขึ้นจากท่ามกลางผู้คนมากมาย จากนั้นก็เดินเบียดคนมากมายที่มารอดูเรื่องสนุกแล้วเดินเข้ามา “พี่จื่อรุ่น! ข้าหาท่านเจอเสียที!”

เมื่อทหารรักษาการณ์เห็นคนที่มาเยือน พละกำลังรอบกายของเขาลดลงอย่างกะทันหัน และสายตาของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขามองไปที่คุณชายชุดเขียว

เหยาเยี่ยนอวี่ที่ยืนอยู่ตรงประตูแล้วกำลังรอชมเรื่องสนุก จึงหันไปเห็นคนที่เดินเบียดเสียดออกมาจากกลุ่มคนเหล่านั้นก็คือ หลานชายหัวแก้วหัวแหวนของอัครเสนาบดีเฟิง นามว่าเฟิงเซ่าเชิน จึงลอบถอนหายใจออกมาในใจ แล้วกำลังครุ่นคิดว่า ช่างบังเอิญจริงๆ! กลับได้เจอคุณชายท่านนี้ที่นี่ ในเมื่อเขามาเยือนแล้ว วิกฤตนี้ก็ถือว่าจบลง ต่อให้อวิ๋นเหยาจวิ้นจู่คิดจะทำอะไร ก็ไม่ควรเสียภาพลักษณ์ต่อหน้าเฟิงเซ่าเชิน แล้วทำตัวเหมือนสตรีจิตวิปลาสที่เอาแต่ตวาดใส่ผู้อื่นอีกต่อไป

“พี่จื่อรุ่น ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่” เฟิงเซ่าเชินที่สวมใส่ชุดคลุมสุนัขจิ้งจอกสีม่วงเข้มเดินไปข้างกายบุรุษที่อยู่ในชุดสีเขียว จากนั้นก็ดึงแขนของเขาพลางสังเกตมองร่างของเขา แล้วหันไปตวาดทหารรักษาการณ์ของจวนเฉิงอ๋อง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

อวิ๋นเหยาไม่ได้หลบอยู่ที่ในร้านเครื่องประดับ แล้วเรียกร้องอะไรจากเหยาเยี่ยนอวี่อีก นางรีบสาวเท้าเดินออกไปข้างนอก พร้อมกับเชยคางพลางถามเฟิงเซ่าเชินด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เฟิงเซ่าเชิน สหายของเจ้าช่างไร้มารยาทยิ่งนัก กลับมาพูดจาเยาะเย้ยข้ากลางถนน นี่เขากำลังทำตามกฏระเบียบอะไรอยู่”

“ที่แท้จวิ้นจู่นี่เอง” นับจากฐานันดรศักดิ์ที่มี เฟิงเซ่าเชินยังต้องทำมือคารวะให้อวิ๋นเหยา จากนั้นก็เหลือบเห็นเหยาเยี่ยนอวี่ที่ยืนอยู่ตรงประตู ใบหน้าจึงเปี่ยมด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นดีใจทันที เขาจึงเดินหน้าไปสองก้าว แล้วทักทายเหยาเยี่ยนอวี่ “คุณหนูเหยาก็อยู่นี่หรือ ช่างบังเอิญยิ่งนัก”

เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้มอ่อนๆ พลางโค้งตัวลง จากนั้นก็ขานเรียกด้วยความเกรงใจ “คุณชายเฟิง”

อวิ๋นเหยาเห็นท่าทีที่เฟิงเซ่าเชินมีต่อเหยาเยี่ยนอวี่ ภายในใจจึงรู้สึกไม่มีความสุขยิ่งนัก แล้วมองบุรุษชุดเขียวด้วยความเย็นชา พลางถามอย่างไม่พอใจ “เจ้าเป็นใคร ถึงได้ฮึกเหิมเยี่ยงนี้ เจ้าช่างกล้าวิพากษ์วิจารณ์จวิ้นจู่กลางถนนเช่นนี้”

บุรุษชุดเขียวได้ยินจึงยิ้มอย่างสง่า สองมือคารวะให้กับอวิ๋นเหยาจวิ้นจู่ แล้วพูดด้วยเสียงสดใส “ที่แท้ก็คือจวิ้นจู่ที่อยู่ที่นี่ ข้านามว่าเซียวหลิน ขอน้อมคารวะจวิ้นจู่”

เซียวหลินใช้ฐานะของขุนนางทำความเคารพอวิ๋นเหยา กลับไม่ได้เอ่ยวาจา ‘ก้าวร้าว’ อีกอย่างท่าทีของเขาดูมีความเคารพนับถือ แต่กลับไม่ได้ดูต้อยต่ำ นัยน์ตากระจ่างใส สีหน้านิ่งเฉย ทั้งร่างเผยกลิ่นอายของผู้มากการศึกษา ชุดเขียวที่สวมใส่ประดุจไผ่เขียวชอุ่มหลังฝน ซึ่งเป็นไม้ไผ่สูงสง่า โดนลมก็ไม่มีทางหัก ผ่านฝนไม่เปรอะเปื้อนสิ่งสกปรก และยังเหมือนดั่งคมดาบที่ไม่เผยให้เห็นถึงความเก่งกาจ ดูถ่อมตนแต่ไม่ต่ำต้อย

เหยาเยี่ยนอวี่ยืนมองอย่างนิ่งเฉย ภายในใจกำลังชื่นชมบุรุษผู้นี้

“เซียวหลิน?” อวิ๋นเหยานิ่งงันไป แล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เจ้าคือคนของตระกูลเซียวแห่งเจียงหนาน?”

“เรียนจวิ้นจู่ เป็นเช่นนั้นขอรับ” เซียวหลินคลายยิ้มอ่อนๆ แล้วเงยหน้ามองอวิ๋นเหยา

อวิ๋นเหยาทำเสียงเย็นชาในลำคอ ไม่รู้ว่ากำลังพึมพำอะไรอยู่ แค่โบกมือให้กับเหล่าทหารรักษาการณ์ “ไปกันเถอะ”

เหล่าทหารรักษาการณ์ของจวนเฉิงอ๋องได้ยินคำสั่งของเจ้านาย จึงเก็บอาวุธเงียบๆ แล้วเดินตามหลังอวิ๋นเหยาจากไป

เฟิงเซ่าเชินแย้มยิ้มพลางเดินไปตรงหน้าเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วพูดขึ้น “วันนี้ช่างบังเอิญจริงๆ ที่ได้เจอกับคุณหนูเหยาอีกครั้ง”

เหยาเยี่ยนอวี่คลี่ยิ้มบางๆ “เรื่องเมื่อครู่ ต้องขอบคุณคุณชายเฟิงและคุณชายเซียวด้วยเจ้าค่ะ”

เซียวหลินสังเกตมองเหยาเยี่ยนอวี่แค่ประเดี๋ยวเดียว แล้วโบกมือพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “หามิได้ ข้าก็ไม่รู้ว่าจวิ้นจู่อยู่ที่นี่ แค่ทนดูเหล่าทหารรักษาการณ์ขับไล่ชาวบ้านไม่ได้”

เหยาเยี่ยนอวี่ยกยิ้ม ถึงแม้นางจะรู้สึกแปลกใจในตัวของคุณชายเซียวท่านนี้ ทว่ากลับไม่ได้คิดอยู่ต่อที่นี่ ดังนั้นจึงโค้งตัวลงอีกครั้ง “คุณชายทั้งสองท่าน ข้ายังมีธุระ ต้องขอตัวก่อน”

“โธ่ คุณหนูเหยา…” เฟิงเซ่าเชินกำลังคิดจะพูดอะไร กลับถูกเซียวหลินรั้งไว้อย่างเงียบๆ

เหยาเยี่ยนอวี่ส่งยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าให้กับเซียวหลิน จากนั้นก็พาชุ่ยเวยและคนอื่นจากไป

เฟิงเซ่าเชินยืนอยู่ตรงหน้าประตูร้านเครื่องประดับพลางมองเหยาเยี่ยนอวี่ขึ้นรถม้า คนขับรถม้าก็วาดแส้ให้รถขับเคลื่อน จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างพ่ายแพ้

“พอเถอะ แม่นางก็ไปไกลแล้ว เลิกมองได้แล้ว แล้วยังขัดขวางเวลาทำมาหากินของทางร้านอีก” เซียวหลินดึงเฟิงเซ่าเชิน แล้วออกจากประตูร้านขายเครื่องประดับ จากนั้นก็เดินไปตรงกลางถนน

“วันนี้ช่างบังเอิญจริงๆ กลับเจอคุณหนูเหยากลางตลาดเยี่ยงนี้” เฟิงเซ่าเชินเดินไปไกลแล้วทว่าภายในใจยังคงคะนึงถึง

เซียวหลินจึงมองเฟิงเซ่าเชินอย่างจนใจ พลางถามขึ้น “โธ่ ข้าว่าแล้ว เจ้าจะจบเรื่องนี้ได้หรือยัง”

“พี่จื่อรุ่นไม่รู้ เฮ้อ!” เฟิงเซ่าเชินถอนหายใจออกมาแรงๆ เขาเคยคิดหาวิธีเข้าใกล้เหยาเยี่ยนอวี่ ทว่าทุกครั้งที่ผ่านหน้าประตูของจวนตระกูลเหยาก็ไม่กล้าเข้าไป อายุของเขายังน้อย จึงไม่มีเรื่องอะไรให้เข้าไปชวนคุย และรู้ว่าหากให้ท่านปู่และท่านพ่อของตนไปเสวนากับเหยาหย่วนจือก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย นับประสาอะไรกับการที่ตนเองไปเยี่ยมเยียนถึงจวน ก็ต้องถูกเหยาหย่วนจือเมินเฉยใส่แน่นอน อีกอย่างเหยาหย่วนจือและเหยาเหยียนอี้ก็อยู่ ต่อให้ตนเข้าไปในจวนก็คงไม่ได้เจอเหยาเยี่ยนอวี่

ช่วงนี้คุณชายเฟิงโศกเศร้าด้วยความคิดถึง และเขาก็แทบทนไม่ได้กับไข้ใจที่เป็น

เซียวหลินทนมองใบหน้าที่เหมือนเป็นไข้ใจของคุณชายเฟิงไม่ได้ จึงยกมือตบไหล่ของเฟิงเซ่าเชิน จากนั้นก็หยอกล้อขึ้น “พอเถอะ! รูปร่างหน้าตาของแม่นางก็พอเรียกได้ว่างดงาม อย่างไรก็คงไม่ทำให้เจ้าถึงกับหลงหัวปักหัวปำเช่นนี้หรอกน่ะ”

“คุณหนูเหยาไม่ได้มีดีแค่ภายนอก เจ้ารู้หรือไม่ ตอนนั้นที่ข้าไปจุดธูปขอพรกับท่านย่า ไม่รู้ว่าฝูงต่อมาจากไหน…” คุณชายเฟิงเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นออกมาไม่หยุด

เซียวหลินฟังเฟิงเซ่าเชินเล่าจนจบ จึงจับคางรูปงามพลางครุ่นคิด พร้อมกับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเป็นตามที่เจ้าพูด คุณหนูเหยาผู้นี้คงจะมีความสามารถในการรักษาน่ะสิ”

เฟิงเซ่าเชินพลันพูดขึ้น “ทักษะล้ำเลิศ สี่คำนี้ หากเอามาอุปมาถึงคุณหนูเหยาแล้ว ไม่ถือว่าเป็นการกล่าวเกินจริงแม้แต่น้อย”