บทที่ 60 เที่ยวหอโคมเขียว ถูกเทพสงครามจับได้

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

“ข้าแกล้งเจ้าที่ไหนกัน วันนี้ข้าแค่มีความสุข อยากหาใครมาดื่มด้วยไม่กี่จอกเท่านั้น ก็เจ้าเสี่ยวเซวียนเซวียนบ้านข้าไม่ยอมให้ข้าดื่มสุรากับชายงามคนอื่น ข้าจึงได้แต่หาเจ้าเท่านั้น”

“กี่จอก?” คำพูดของเย่เฟิงกระชับรัดกุม ไม่อยากพัวพันกับกู้ชูหน่วนมากเกินไปนัก

“สามจอกก่อนก็แล้วกัน”

กู้ชูหน่วนนั่งอย่างเกียจคร้าน มือหนึ่งเท้าคาง มองเย่เฟิงถือจอกสุราอย่างสงบ มือถือจอกสุรา ดื่มอย่างสง่างามสามจอก

“เสี่ยวเฟิงเฟิง เจ้าไม่เพียงหน้าตาน่ามอง ท่าทางการดื่มสุรายังน่าหลงใหล”

เซียวหยู่เซวียนพูดด่า “หญิงเจ้าชู้”

อี้เฉินเฟยดีดพิณพลางยิ้มขมขื่น

แม่สาวน้อยผู้นี้ ให้เขามาดีดพิณ เขาดีดยังไม่ทันจบเพลง นางก็ไปสานสัมพันธ์กับชายงามคนอื่นแล้ว”

“ข้าไปได้หรือยัง?”

“แน่นอนว่าไม่ได้ เจ้าไม่ใช่นักดีดพิณหรอกหรือ? ถ้างั้นเจ้าก็ดีดให้ข้าฟังสักเพลง ข้าจะดูว่าเจ้าดีดได้ดี หรือว่าอี้เฉินเฟยดีดได้ดีกว่า”

กู้ชูหน่วนพูดพลางดึงเขามาข้างๆ

เย่เฟิงถอยหลังไปหลายก้าว คล้ายไม่ชอบที่ผู้อื่นสัมผัสร่างของเขา

“เจ้าตื่นเต้นขนาดนี้ไปทำไม ข้าไม่ได้จะกินเจ้านะ”

พูดแล้ว กู้ชูหน่วนก็ลุกไปดึงเขามาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็สะดุดเกี่ยวขาโต๊ะ ทั้งร่างล้มลงไปข้างหน้า

เกิดเสียงดัง “โครม…”

การหกล้มนี้ กู้ชูหน่วนล้มใส่เย่เฟิง

เย่เฟิงอยู่ล่าง กู้ชูหน่วนอยู่บน ท่าของทั้งสองคลุมเครือเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่เสียงหายใจของแต่ละฝ่ายก็ได้ยินอย่างชัดเจน

ทุกคนตกใจจนอ้าปากกว้าง

ลูกตาดำของเย่เฟิงหดลง ใบหน้าเย็นชาแตกดับโดยสิ้นเชิง ความตระหนกหวาดกลัวโถมสู่หัวใจ สองมือปกป้องตัวเองตามปัจจัย

กู้ชูหน่วนก็ตกใจเช่นกัน

ตกใจที่ตนกลับล้มทับเย่เฟิง

ที่ตกใจยิ่งกว่าก็คือตัวของเย่เฟิงสั่นระริก คล้ายกำลังหวาดกลัวอะไร รวมถึงรังสีฆ่าฟันที่วูบผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หวาดกลัว…

จิตสังหาร…

แม้จะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่นางก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน

ยังไม่ทันได้จัดการความคิด และยังไม่ทันได้ลุกขึ้น ก็พลันมีทหารในชุดเกราะสีดำกลุ่มใหญ่กรูกันเข้ามาในหอโคมเขียวอู๋โยว ทหารเหล่านี้มาแล้วก็ล้อมหอโคมเขียวอู๋โยวไว้ทันที จากนั้นก็มีคนผู้หนึ่งที่โดดเด่นอยู่ตรงกลางราวกับเดือนที่รายล้อมด้วยดวงดารา

ชายผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อหมุน สวมหน้ากากหน้าผี ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายน่ากลัวราวกับความตายออกมา

เย่…เย่จิ่งหาน…

คู่หมั้นของนาง เทพสงครามอ๋องหาน…

“กู้ชูหน่วน…”

เย่จิ่งหานพูดลอดไรฟันออกมา นำพากลิ่นอายแห่งผู้เป็นอ๋องอันเข้มงวดที่ไม่อาจรุกรานมาด้วย

ทุกคนในที่นั้นได้ยินเสียงตวาดนี้ ก็อยากจะพากันหมอบคลานลงอย่างเลี่ยงไม่ได้

พลังกดดันจากร่างของชายผู้นั้นมากเกินไปแล้ว กดดันจนพวกเขาหลั่งเหงื่อเย็นออกมาทั่วร่าง ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ราวกับเจอราชาปีศาจจากขุมนรกชั้นเก้า ที่เพียงแค่ขยับนิ้วมือก็ทำให้พวกเขาร่างแหลกกระจุยได้

กู้ชูหน่วนหัวใจสั่นสะท้าน

ไม่ทันได้ตอบสนอง เย่เฟิงก็ผลักร่างนางออก ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยของตน

เผชิญหน้ากับเย่จิ่งหานที่แผ่กลิ่นอายน่ากลัว กู้ชูหน่วนตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

ราวกับคบชู้ แล้วถูกชายของตนเองจับได้อย่างไรอย่างนั้น

ถุย

เย่จิ่งหานไม่ใช่ผู้ชายของนางเสียหน่อย

กู้ชูหน่วนยิ้มเหยเก “เอ๋อ…เมื่อครู่เป็นอุบัติเหตุ ข้ายังมีธุระ พวกเจ้าพูดคุยกันเถอะ ข้าไปก่อนละ”

“ตูม…”

ชิงเฟิงขวางนางไว้ ทหารที่ฝึกอบรมเป็นประจำสองแถวนั่นก็ขวางทางนางไว้เช่นกัน

เย่จิ่งหานคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ดวงตาสีดำมีพายุฝนอันบ้าคลั่ง “คุณหนูสามกู้ไม่ใช่ว่าชื่นชอบชายงามหรอกหรือ? ใยจึงรีบร้อนจากไปเล่า?”

ได้ยินเช่นนี้ กู้ชูหน่วนก็ฝืนใจกลับมา แบกรับพลังคุกคามของผู้เป็นอ๋องที่ครอบงำใต้หล้าของเขา

“ข้าว่านะอ๋องหาน ถือโอกาสที่ตอนนี้พวกเราทั้งสองยังไม่แต่งงานกัน พวกเรามายกเลิกการหมั้นหมายกันเถอะ ท่านก็เห็นแล้ว ข้าเป็นหญิงหลายใจเช่นนี้ ขอเพียงเห็นชายงาม สายตาข้าก็ละออกไม่ได้”