ตอนที่ 245 อยากจูบจนแทบจะทนไม่ไหว / ตอนที่ 246 ฟังจือหันโมโหแล้ว

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 245 อยากจูบจนแทบจะทนไม่ไหว

 

 

ถึงแม้ตระกูลเยี่ยจะเชิญซย่าเฉิงโจวมาเพิ่มอีกหนึ่งคน แต่ตลอดทั้งการผ่าตัดอวี๋กานกานเป็นคนลงมือเองทั้งหมด ความเชี่ยวชาญของอวี๋กานกานทำให้ไมเคิลถึงกับต้องมองเธอใหม่ ไมเคิลทึ่งในทักษะการฟังเข็มอันแม่นย่ำและช่ำชองของอวี๋กานกาน เขาขอโทษอวี๋กานกานจากใจจริงที่ก่อนหน้านี้ได้สบประมาทเธอไว้

 

 

ซย่าเฉิงโจวที่ยืนอยู่ข้างๆ พลันนึกถึงตนเองขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขาเองก็ดูถูกดูแคลนอวี๋กานกานเพราะเรื่องอายุเช่นเดียวกัน ความรู้สึกผิดในใจถาโถมเข้ามาประหนึ่งเขื่อนกั้นน้ำแตก

 

 

เขาขอโทษอวี๋กานกานซ้ำอีกครั้ง “ขอโทษ” เรื่องเมื่อก่อนที่เคยทำตัวเสียมารยาท

 

 

อวี๋กานกานมองซย่าเฉิงโจวด้วยสายตาประหลาดใจ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องขอโทษอีก

 

 

ซย่าเฉิงโจวกล่าวด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิดเสียเต็มประดา “ขงจื้อกล่าวไว้ว่า ‘ในสามคนที่เดินมา จักต้องมีครูของเราอยู่ จงเลือกสิ่งที่ดีของเขาแล้วปฏิบัติตาม สิ่งที่ไม่ดีของเขาก็ให้นำมาย้อนมองแก้ไขพัฒนาตนเอง[1]’ แต่ผมกลับมองแคบๆ แค่สามชุ่นตรงหน้า น่าละอายใจจริงๆ”

 

 

อวี๋กานกานเข้าใจในทันที คลี่ยิ้มบางๆ “เรื่องนั้นมันก็ผ่านไปแล้ว ถึงฉันจะไม่ได้เรียกคุณว่ารุ่นพี่ซย่า แต่ฉันก็เคารพคุณเหมือนรุ่นพี่คนหนึ่งของฉันนะคะ”

 

 

ได้เห็นอวี๋กานกานส่งยิ้มให้ ซย่าเฉิงโจวรู้สึกว่าเมฆหมอกอึมครึมในใจหายสลายไปในพริบตา

 

 

การผ่าตัดสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว ทว่าอวี๋กานกานยังไม่กลับ เธอกังวลว่าแม่เฒ่าเยี่ยจะมีอาการปวดหลังผ่าตัดจนทนไม่ไหว ถึงตอนนั้นเธอจะได้อยู่ช่วย เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงมานั่งรอบริเวณหน้าห้องพักผู้ป่วย

 

 

ในคีมภีร์หลิงซู บทเปิ่นเสินระบุไว้ว่า ‘แพทย์ผู้ฝังเข็ม จักต้องสังเกตภาวะของคนไข้ ตรวจทานจิตวิญญาณและสัญญาณชีพ ประเมินโอกาสสำเร็จและล้มเหลว’

 

 

ดังนั้นระหว่างขั้นตอนการฝังเข็ม แพทย์จะต้องรวบรวมสมาธิ จดจ่ออยู่กับภาวะตื่นตัวของคนไข้รวมทั้งหมั่นตรวจเจินซย่า[2] อยู่เสมอ เพื่อให้การฝังเข็มได้ประสิทธิภาพสูงสุด

 

 

การผ่าตัดใช้เวลาสองชั่วโมงเต็ม สมาธิมหาศาลที่ใช้ไปทำให้อวี๋กานกานค่อนข้างเหนื่อยล้า เมื่อได้นั่งผ่อนคลายร่างกายบนเก้าอี้ก็เกิดอาการง่วงหงาวหาวนอนขึ้นมา

 

 

เดิมทีซย่าเฉิงโจวตั้งใจจะกลับแล้ว ทว่าได้ยินนางพยาบาลพูดกันว่าอวี๋กานกานยังไม่กลับ เขาจึงเดินมาที่ห้องพักผู้ป่วยของแม่เฒ่าเยี่ย พลันเห็นอวี๋กานกานหลับอยู่บนเก้าอี้ คำพูดที่ขึ้นมาถึงริมฝีปากถูกกลืนลงไป เขากลัวว่าอวี๋กานกานจะเป็นหวัด ซย่าเฉิงโจวถอดเสื้อโค้ทของตัวเองออก จากนั้นคลุมให้อวี๋กานกานอย่างเบามือ พร้อมกับหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ

 

 

หญิงสาวหน้าตาสะสวย ผิวขาวเนียนละเอียด ท่าทางตอนนอนหลับให้ความรู้สึกบอบบางน่าทะนุถนอม ไม่เหมือนเวลาปกติที่ดูหนักแน่นมั่นคง

 

 

สายตาของซย่าเฉิงโจวเคลื่อนลงด้านล่างช้าๆ จดจ้องอยู่ที่ริมฝีปากของอวี๋กานกาน รูปปากของอวี๋กานกานได้สัดส่วนสวยงาม ชมพูอวบอิ่มดุจดอกซากุระ ยั่วยวนชวนให้น้ำลายไหล เหมาะที่จะประทับริมฝีปากลงไป

 

 

ความคิดเช่นนี้ปรากฏขึ้นในหัวของซย่าเฉิงโจว ใบหน้าของเขาหน้าแจ๋อย่างฉับพลัน จู่ๆ ก็ใจเตลิดไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาดีดตัวนั่งหลังตรง เคลื่อนสายตาจ้องไปด้านหน้า แกล้งทำเป็นไม่เห็นไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น

 

 

ทว่าจิตใจของเขาเตลิดไปเป็นที่เรียบร้อย ราวกับมีมดเป็นร้อยเป็นพันตัวเดินไปเดินมาอยู่ในหัวใจ รู้สึกคันยุบยิบจนแทบจะไม่ไหว เพียงครู่เดียวความอดทนของเขาก็หมดลง หันกลับไปมองอวี๋กานกานอีกครั้ง

 

 

อวี๋กานกานยังคงหลับสนิท ขนตางอนยาวทอดเงาอยู่บนใบหน้า สายตาของซย่าเฉิงโจวหยุดอยู่ที่ริมฝีปากของอวี๋กานกานอีกครั้ง

 

 

ใจเต้นโครมคราม สมองไม่ฟังคำสั่ง ซย่าเฉิงโจวกลั้นหายใจ ร่างกายค่อยๆ เอียงเข้าไปอย่างอ้อยอิ่ง ริมฝีปากเคลื่อนเข้าใกล้หมายจะประทับจูบ…

 

 

ริมฝีปากอยู่ตรงหน้า ห่างเพียงแค่ระยะหนึ่งเล่มหนังสือ เปลือกตาของซย่าเฉิงโจวค่อยๆ ปิดลง เตรียมจะประทับจูบลงไป ทันใดแขนแขนของเขาก็ถูกคนคนหนึ่งคว้าเอาไว้

 

 

วินาทีถัดมา ท้องฟ้าและผืนแผ่นดินพลิกสลับสับไปมา ในตอนที่ได้สติคืนกลับมา เขาพบว่าตัวเองถูกคนกระชากอย่างแรงจนลงไปกองอยู่บนพื้น!

 

 

ฟังจือหันปรายตามองซย่าเฉิงโจวที่นอนเอ้งเม้งอยู่บนพื้นจากจุดที่อยู่สูงกว่า สายตาเย็นยะเยือกทิ่มแทงกระดูกเสียยิ่งกว่าน้ำค้างแข็ง น้ำเสียงอันตรายแฝงไว้ด้วยไอสังหาร “แกจะทำอะไร”

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] หมายความว่า เราสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากคนรอบข้างได้

 

 

[2] เจินซย่า คือ ความรู้สึกของเข็มหลังฝังลงไปในจุดลมปราณ บริเวณรอบๆ เข็มจะตึงแน่น ซึ่งหมายความว่าเข็มกำลังทำงานอยู่ 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 246 ฟังจือหันโมโหแล้ว

 

 

เสียงซย่าเฉิงโจวกระแทกกับพื้นดัง “อั่ก” สนั่นไปทั้งหน้าห้องพักผู้ป่วยจนอวี๋กานกานถึงกับสะดุ้งตื่น เธอดีดตัวนั่งหลังตรง เสื้อโค้ทที่คลุมอยู่คนตัวหล่นลงบนพื้น

 

 

อวี๋กานกานก้มลงเก็บเสื้อโค้ทวางไว้บนเก้าอี้ด้านข้าง มองซย่าเฉิงโจวที่นั่งอยู่บนพื้นและฟังจือหันที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง  

 

 

ระเบียงทางเดินของโรงพยาบาลปกคลุมไปด้วยรังสีอึมครึม ชายหนุ่มเย็นชารูปร่างสูงตระหง่านสวมเสื้อโค้ทสีดำ ไอสังหารล้อมรอบกาย ชวนให้รู้สึกหายใจไม่ออก

 

 

อวี๋กานกานที่เพิ่งตื่นมีอาการสะลึมสะลือเล็กน้อย สับสนงงงวยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เอ่ยปากถาม “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

 

 

ฟังจือหันชำเหลืองมามองเธอแวบหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็หมุนตัวเดินมาหยุดตรงด้านข้างอวี๋กานกาน จากนั้นคว้าข้อมือของเธอแล้วเดินจากไปทันที

 

 

เอาแต่ใจและเผด็จการที่สุด

 

 

ฟังจือหันก้าวขายาวๆ อย่างรวดเร็ว อวี๋กานกานแทบจะต้องวิ่งถึงจะฝืนเดินตามฟังจือหันทัน หลังจากที่เดินผ่านระเบียงทางเดินจนมาถึงลานจอดรถ อวี๋กานกานอดทนต่อไม่ไหวแล้ว เอ่ยปากถาม “ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

 

 

ฟังจือหันปรายตามองอวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกานฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร

 

 

เมื่อเห็นอวี๋กานกานยิ้มอย่างสดใสเบิกบาน ท่าทางไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง แววตาของฟังจือหันยิ่งอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศรอบกายที่แผ่ออกมาหนาวเหน็บยิ่งกว่าหิมะที่อยู่รอบๆ เสียอีก

 

 

เมื่ออวี๋กานกานเห็นว่าตัวเองยิ้มก็แล้ว แต่ฟังจือหันกลับยังคงจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา แถมสีหน้ายิ่งแย่ เธอค่อยๆ หุบยิ้มลง รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง ทั่วร่างกายรู้สึกหนาวเหน็บบาดลึกลงไปถึงกระดูก

 

 

รถยนต์ขับเคลื่อนอยู่บนถนนอย่างมั่นคง

 

 

ความกดอากาศต่ำแผ่ออกมาจากร่างกายฟังจือหัน ภายในรถยนต์เปิดฮีตเตอร์ แต่กลับให้ความรู้สึกหนาวเหน็บยิ่งกว่าด้านนอกที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ฟังจือหันในตอนนี้เป็นเหมือนเครื่องปรับอากาศมนุษย์เคลื่อนที่ ทั้งยังเป็นเครื่องปรับอากาศชนิดทำความเย็นโดยเฉพาะ

 

 

อวี๋กานกานลูบข้อมือของตัวเองที่ถูกฟังจือหันจับจนเป็นรอยแดง เธอยังเคลือบแคลงใจ

 

 

ฟังจือหันโกรธเหรอ

 

 

ทำไมถึงโกรธ

 

 

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง อวี๋กานกานพบว่าเส้นทางที่รถกำลังขับเคลื่อนไปไม่ใช่ทางกลับสมาคมแพทย์แผนจีนและไม่ใช่ทางกลับบ้านของฟังจือหันเช่นกัน

 

 

อวี๋กานกานถาม “กำลังไปที่ไหนเหรอ”

 

 

ฟังจือหันไม่ตอบ ทำเพียงแค่ปรายหางตามามองเท่านั้น

 

 

อวี๋กานกานเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้ว หมอนี้เป็นอะไร เธอเผลอทำความผิดร้ายแรงถึงขั้นยกโทษให้กันไม่ได้หรืออย่างไร

 

 

ฟังจือหันหยุดรถอย่างกะทันหัน ซ้ายขวาหน้าหลังห้อมล้อมไปด้วยทิวทัศน์สีขาว โลกที่มีเพียงหิมะสีขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา มองไปไกลๆ เห็นชายหญิงวัยรุ่นกำลังเล่นสกีอยู่ได้อย่างเลือนราง

 

 

อวี๋กานกานกำลังจะหันไปถามฟังจือหันว่าพาเธอมาที่นี่ทำไม แต่ฟังจือหันเปิดประตูลงจากรถไปแล้ว เสียงรองเท้าเดินบนพื้นหิมะดังฉึบฉึบ

 

 

ฟังจือหันเดินมาหยุดที่ประตูรถฝั่งอวี๋กานกาน เปิดประตูดึงอวี๋กานกานออกมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นเปิดประตูหลังดันอวี๋กานกานเข้าไป

 

 

อวี๋กานกานต่อต้าน ไม่ยอมเข้าไป ขึงตาใส่ฟังจือหัน “ตกลงนายเป็นอะไรเนี่ย โอ้ย! แขนฉัน…”

 

 

ฟังจือหันกลัวว่าตัวเองจะเผลอใช้แรงมากเกินไปจนทำให้แขนของอวี๋กานกานได้รับบาดเจ็บ พลันผ่อนแรงคลายมือทันที จากนั้นกดเธอไว้กับประตูรถแทน

 

 

ลมหายใจของอวี๋กานกานถี่กระชั้น มองชายตรงหน้าด้วยสายตาตะลึงงัน “นาย…” แพขนตากระพือขึ้นลงเบาๆ ประหนึ่งปีกผีเสื้อ “ปะ…เป็นอะไร”

 

 

ฟังจือหันยืนแนบชิดติดกับเธอจนขยับไม่ไปไหนไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว อวี๋กานกานยกแขนขึ้นหมายจะดันฟังจือหันออก ทว่าฟังจือหันกลับคว้าแขนของเธอไว้จากนั้นกดแนบลงกับลำตัว

 

 

ใบหน้าหล่อเหล่างดงามเคลื่อนเข้าใกล้ สายตาลึกซึ้งจับจ้องไปที่อวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกานสบตาฟังจือหันด้วยแววตาลุกลน กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “นาย…”

 

 

ประโยคที่จะพูดยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยออกมา ฟังจือหันโน้มตัว ประกบริมฝีปากลงมา…