บทที่ 116 ไอ้โรคจิต![รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 116 ไอ้โรคจิต![รีไรท์]

ฉู่ชวิ๋นไม่ได้แผ่ลมปราณหรือกลิ่นอายใด ๆ ออกมาแม้แต่น้อย แค่มองด้วยสายตานิ่ง ๆ กลับทำให้หลิวเสี่ยวไป๋รู้สึกเหมือนตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกแล้ว!

หัวหน้าและชายชรายังคงรู้สึกตะลึงที่เสี่ยวไป๋ยอมรับความผิดพลาดของเธอ โดยเฉพาะหัวหน้า เขาเป็นกังวลมากกว่าความหวาดกลัวเพราะเขารู้นิสัยของเสี่ยวไป๋ดี

เพราะศิษย์น้องของเขาทั้งเย่อหยิ่งและมีความมั่นใจสูง น้อยคนนักที่จะสามารถสบตากับเธอได้

เธอดูถูกและท้าทายฉู่ชวิ๋นก่อน แล้วอยู่ ๆ ก็มารินไวน์เพื่อขอโทษ นั้นเป็นสิ่งที่ดูไม่ปกติเป็นอย่างมาก ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัวแน่ ๆ

เขาแอบภาวนาในใจหวังว่าคราวนี้หลิวเสี่ยวไป๋จะฉลาดขึ้นอีกนิด และไม่ทำอะไรแปลก ๆ ไม่งั้นก็ไม่มีใครช่วยเธอได้อีกต่อไปแล้ว

มือของหลิวเสี่ยวไป๋นั้นนุ่มนวลสวยงาม ตอนนี้กำลังถือแก้วไวน์ให้กับฉู่ชวิ๋นและก้มหัวเพื่อปิดบังความตื่นตระหนกในดวงตาของเธอ

เมื่อไม่ได้สบตากับฉู่ชวิ๋น ความหวาดกลัวก็ค่อย ๆ หายไป หลิวเสี่ยวไป๋กำลังทะเลาะกับตัวเอง นี่ตัวเองกำลังเป็นอะไร? ทำไมถึงถูกสายตาของฉู่ชวิ๋นทำให้ตกใจกลัวล่ะ ขายหน้าเกินไปแล้ว

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาความกลัวก็หายไป ความมั่นใจก็ค่อย ๆ กลับเข้ามา เธอยิ้มอีกครั้ง “ท่านคงไม่ได้ใจแคบ ถือสาเด็กผู้หญิงอ่อนแออย่างฉันหรอกนะคะ?”

ฉู่ชวิ๋นถอนสายตาขึ้นมองเล็กน้อยและเอ่ยเบา ๆ ว่า “ไม่หรอก เพราะเธอไม่มีค่าพอ หากไม่มีศิษย์พี่ของเธอ เธอคงได้กลายเป็นซากศพไปแล้ว”

ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างไม่ปิดบัง

รอยยิ้มของหลิวเสี่ยวไป๋นั้นแข็งทันที ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีเข้มและแก้วไวน์ในมือของเธอก็ส่งเสียงดังเอี๊ยดราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

เพล้ง!

ในที่สุดแก้วไวน์ก็แตกกระจาย เล็กชิ้นน้อยลอยและไวน์ก็กระเด็นไปทั่ว หลิวเสี่ยวไป๋หน้านิ่งไปเพราะเธอไม่ได้ทำให้แก้วแตก แต่มันระเบิดแตกเอง

“เสี่ยวไป๋ เธอไม่มีมารยาทเกินไปแล้วนะ!” หัวหน้าเช็ดไวน์ที่เลอะหน้าของตนและสีหน้าของเขาก็แย่มาก

“พะ…พี่…ฉะ…ฉัน…” เธอไม่สามารถอธิบายอะไรออกมาได้เลย เพราะแก้วไวน์มันระเบิดในมือของเธอ

“พอแล้ว เสี่ยวไป๋ก็ไม่ได้ตั้งใจ ในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ของเธอก็ต้องคอยดูแลศิษย์น้องของตัวเองสิ อย่าตำหนิเธอกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้” ชายชรารู้สึกไม่พอใจ

หัวหน้าอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ท้ายที่สุดท้ายก็ทำได้แค่ถอนหายใจ! ยิ่งอายุเยอะย่อมเอ็นดูคนที่เด็กกว่าอยู่แล้ว ฉู่ชวิ๋นเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะให้เขาทนเหมือนกัน เอาจริง ๆ ทั้งสามไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลย และพวกเขาก็ไม่มีค่าพอที่จะให้เขาอดทน

เขาเป็นเทพเซียนและเคยเป็นจักรพรรดิเซียนมาก่อน คำพูดเขาคือบัญชาสวรรค์ ลงมือตามใจตนได้ทุกอย่าง ตำแหน่งของหัวหน้าหมายเลขหนึ่งไม่ได้ทำให้เขากลัวเลยด้วยซ้ำ

เขาสัญญากับหัวหน้าว่าจะไว้ชีวิตศิษย์น้อง เขาทำให้แล้ว แต่ถ้าหากหลิวเสี่ยวไป๋ยังมาดูถูกหรือท้าทายเขาอีก ถึงตอนนั้นเขาจะลงมือฆ่าอย่างไม่ลังเล

….

….

ในอีกด้านหนึ่งของถางโร้วที่พึงจะจบงาน

“คุณถางจะกลับไปที่โรงแรมก่อนไหมคะ? ดิฉันจะได้จัดหารถเอาไว้ให้” ผู้จัดการร้านเครื่องประดับถาม

ถางโร้วพยักหน้าให้เบา ๆ เธอยุ่งตลอดทั้งบ่ายและเธอก็เหนื่อยเล็กน้อย ไม่นานนักคนที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการเตรียมการก็มา

“คุณถาง รถพร้อมแล้วครับ อยู่ที่โรงรถใต้ดิน เชิญครับ!”

เนื่องจากฮวนยวี่เอนเตอร์เทนเมนท์ผลักดันถางโร้วอย่างบ้าคลั่ง ประกอบกับพรสวรรค์และการทำงานหนักของเธอ ทำให้ตอนนี้เธอมีชื่อเสียงมากและกลายเป็นดาราแถวหน้าไปแล้ว

ดังนั้นเธอต้องให้ความสำคัญในเรื่องการเดินทาง จึงให้คนขับรถนำรถไปคอยอยู่ที่โรงรถใต้ดิน เพราะมีผู้สื่อข่าวและแฟนคลับที่บ้าคลั่งของเธอที่มารวมตัวกันที่ประตู หากถางโร้วออกไปตอนนี้จะเกิดความวุ่นวายได้

ถางโร้วต้องขอบคุณเขา และผู้จัดการของเธอหลิวซินก็เดินตามคนที่รับผิดชอบมายังประตูลิฟต์ไปโรงรถใต้ดิน เมื่อเธอมาถึงชั้นใต้ดิน รถ RV สีดำก็รออยู่แล้ว คนดูแลก็รีบไปเปิดประตูให้

ฉึก!

ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นไปได้สวยก็มีมีดมาปาดคอคนที่เปิดประตูให้ ทำให้คนคนนั้นล้มลงไปทันที ถางโร้วและหลิวซินตกใจมากและไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่พวกเธอจะมีเวลาตอบโต้พวกเธอก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่างแล้วสลบไป

ฉู่ชวิ๋นได้ทราบข่าวการหายตัวไปของถางโร้วทันที จากที่มังกรเขียวที่โทรมา จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและบอกลาหัวหน้าหมายเลขหนึ่งและแลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้

เมื่อมองไปยังหลังของฉู่ชวิ๋น หลิวเสี่ยวไป๋ก็แอบยิ้มแปลก ๆ เมื่อฉู่ชวิ๋นจากไป หัวหน้าหมายเลขหนึ่งก็รีบเดินเข้าไปหาน้องของตัวเองทันที

สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของหัวหน้า หัวใจของเขากระตุกวูบ สัมผัสได้ลาง ๆ ว่ามีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น และพูดว่า “ศิษย์น้อง ฉันช่วยเธออย่างสุดกำลังแล้ว หากเธอยังรนหาที่ตายแบบนี้ ก็อย่าหาว่าฉันไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเธอล่ะ!”

….

ระยะทางที่ต้องเดินทาง 10 นาที ฉู่ชวิ๋นใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็มาถึงแล้ว ที่หน้าบริษัท นอกจากมังกรเขียวแล้วก็มีงูเขียวและลิงทองคำยืนอยู่

“ผู้อาวุโสขอโทษครับ/ค่ะ!”

งูเขียวและลิงทองคำก้มหัว พวกเขารู้สึกผิดมากและใบหน้ารู้สึกอับอาย มังกรเขียวมอบหมายให้พวกเขาดูแลถางโร้ว แต่ตอนนี้ถางโร้วกลับหายตัวไป

“ท่านสบายใจได้ เราจะหาตัวคุณถางให้เจอครับ” มังกรเขียวให้คำมั่นสัญญา พวกเขาเคยเห็นฉู่ชวิ๋นในโหมดโหดเหี้ยมมาแล้ว หากเขาระเบิดความโกรธในตอนนี้ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมากแน่

“มีร่องรอยอะไรไหม?” เขาถามเบา ๆ

มังกรเขียวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใจเย็นได้ขนาดนี้ แต่ความนิ่งสงบแบบนี้แหละที่ทำให้เขารู้สึกกลัว

ลิงทองคำเดินเข้ามาและพูดว่า “เราเห็นจากกล้องวงจรปิด อีกฝ่ายเป็นผู้มีวิชาครับ”

สีหน้าของลิงทองคำดูรู้สึกผิด เขาและงูเขียวประมาทเกินไป งูเขียวแยกเขี้ยวสีขาวดุจหิมะออกมา สายตาเย็นเฉียบ พวกเขาเป็นถึงคนของประเทศและยังเป็นขั้นนักสู้พลังชีพจรระดับ9 พวกเขารู้สึกว่าไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเขา แต่กลับกลายเป็น…

“มีอย่างอื่นอีกไหม?” ฉู่ชวิ๋นถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ทั้งสามคนก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดและอับอาย

“ผมส่งคนไปสำรวจแล้ว” มังกรเขียวพูดเสียงเบา เขาเป็นถึงคนของประเทศ แต่กลับทำให้ผู้ที่อยู่ใต้ความปกป้องของตนสูญหายไปได้ แล้วยังหาไม่เจออีก มันน่าอายจนแทบอยากมุดดินหนี

ยิ่งไปกว่านั้นถางโร้วเป็นถึงดาราแนวหน้า พวกเขาไม่กล้าตามหาอย่างเปิดเผย ถ้าหากมีนักข่าวผู้ไม่หวังดีเอาเรื่องที่ถางโร้วถูกลักพาตัวไปเผยแพร่ขึ้นมานี่เป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับดาราหญิง ครั้งหนึ่งมีดาราหญิงคนหนึ่งบนเกาะฮ่องกงถูกพวกนรกลักพาตัวและถูกบังคับให้เล่นหนังให้พวกเขา ที่จริงมันไม่มีอะไรเลย แต่นักข่าวกลับเขียนข่าวว่าดาราสาวถูกแก๊งข่มขืน ทำให้สุดท้ายเธอต้องฆ่าตัวตายไป

“ตรวจสอบพวกสำนักจอมยุทธ์หรือยัง?” ฉู่ชวิ๋นคิดออกพร้อมกับถามขึ้น

มังกรเขียวนิ่งไป ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้นะ? ในเมื่อเป็นสิ่งที่อำนาจรัฐบาลหาไม่เจอ ก็มีแต่พวกสำนักจอมยุทธ์แล้วล่ะ

“ท่านโปรดวางใจครับ ผมจะให้คนไปสืบหาเดี๋ยวนี้” มังกรเขียวมีชื่อเสียงมานานและพวกพ้องอยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงเริ่มโทรออกทันที

ฉู่ชวิ๋นเงียบไป มีเพียงบางครั้งที่แววตาของเขาจะแสดงความเยือกเย็นออกมา ซึ่งทำให้อากาศตรงหน้าเขากลายเป็นน้ำแข็ง

….

ในเวลาเดียวกัน ถางโร้วก็ตื่นมาในห้องโบราณห้องหนึ่ง

ทั้งห้องทำจากไม้มะฮอกกานี่ เต็นท์ผ้าโปร่งสีเขียว ภาพเขียนพู่กันและภาพวาดที่แขวนอยู่บนผนัง ใครที่ไม่รู้วิธีวาดภาพก็สามารถมองเห็นภูเขาที่งดงามได้ในภาพวาดได้ การประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาดเหล่านี้มีค่ามากและอากาศก็อบอวลไปด้วยกลิ่นไม้

ถางโร้วขยี้ตาของตน เธอหันไปเห็นผู้จัดการของเธอนอนอยู่ใกล้ ๆ แล้วเธอก็นึกเรื่องที่เกิดในชั้นใต้ดินได้ทันที มันทำให้เธอก็เริ่มตื่นกลัว

เธอพยายามปลุกหลิวซิน

เปลือกตาของหลิวซินกะพริบอยู่ 2-3 ครั้งแล้วจึงลืมตาขึ้น เมื่อเธอพบว่าเธออยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนใบหน้าของเธอก็ซีดทันที ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกลัวอย่างมาก

ถางโร้วไม่ใช่เด็กอ่อนต่อโลกที่พึ่งออกมาเปิดหูเปิดตาอีกต่อไปแล้ว เธอเคยโดนลอบสังหารโดยองค์กรแมงป่องพิษ และไม่นานนี้เธอก็ถูกจับโดยกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าทองคำ เรื่องแค่นี้จึงไม่ทำให้เธอสติหลุด เธอจึงคอยปลอบหลิวซินให้ใจเย็นลงและวางแผนที่จะหลบหนี

ไม่นานนักก็มีเสียงฝีเท้าเดินตามลงมา

“นายน้อย เราจับมาได้แล้วครับ”

“ครั้งนี้ถือว่าเสี่ยวไป๋ทำได้ดีเลยทีเดียว พวกนายเองก็ด้วย ไว้จะตบรางวัลให้” เสียงสนทนาดังขึ้น จากนั้นมีเสียงของคำเยินยอดังขึ้นมาอีก

ตึ้ง!

ประตูถูกเปิดออกและมีร่างของคนหลายคนเดินเข้ามา

หลังจากที่พวกเขาเข้ามา พวกเขามองไปที่ถางโร้วและหลิวซินในเวลาเดียวกัน ซึ่งหลายคนตกตะลึง

“ตื่นเร็วเหลือเกิน” มีคนหนึ่งพูดขึ้นมา

ถางโร้วและหลิวซินถอยไปอยู่ที่มุมห้องและมองไปที่ผู้คนด้วยความตื่นตระหนก การรวมกันนี้ดูแปลกไปเล็กน้อยเพราะชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าสวมชุดโบราณจริง ๆ ชุดผ้าขาวและเสื้อคลุมสีแดง เป็นผู้ชายที่ผมสีดำและยาวกว่าผู้หญิง มีเพียงแค่หน้าตาของเขาค่อนข้างน่าเกลียด ตาเล็กจมูกใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยสิว ดูเป็นคนใจแคบ แต่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาสวมใส่ชุดยุคปัจจุบัน

ถางโร้วและหลิวซินมองหน้ากัน หากพวกเธอจำไม่ได้ว่าถูกลักพาตัวมาก็คงคิดว่ากำลังถูกจัดฉากแสดงละครอะไรสักอย่าง? หรือพวกเธอย้อนยุคมา?

“คุณถาง ข้าน้อยมีนามว่าเฉินยวี่ถิง” คนคนนี้แสดงความเคารพราวกับคนสมัยโบราณ ด้วยน้ำเสียงที่แหลมสูงและรูปลักษณ์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยใบหน้าที่น่ากลัวนั้นมันน่าขยะแขยง

“พวกคุณเป็นใคร จับเรามาทำไม?” ถางโร้วอดทนแล้วถามขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“ไม่ต้องกลัวไปคุณผู้หญิง” เฉินยวี่ถิงโบกมือ “ข้าน้อยเพียงทำตามที่ได้รับมอบหมาย และจะไม่ทำร้ายพวกคุณอย่างแน่นอน ข้าน้อยชื่นชมคุณหนูมานาน วันนี้ได้มาเห็นตัวเป็น ๆ ช่างโชคดีนัก หากคุณหนูเองก็ชื่นชอบ สมรสกับข้าน้อยแล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกันเถอะ!”

ถางโร้วขมวดคิ้วต่อต้านอาการคลื่นไส้และพูดว่า “คุณพูดดี ๆ ได้ไหมคะ?”

หากอีกฝ่ายยังพูดเลียนแบบคนโบราณ เธอคงจะอ้วกแล้วจริง ๆ แน่ สีหน้าของเขาดูตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้แสดงความโกรธใด ๆ ที่จริงทุกคนล้วนดูออกว่าเขากำลังทน

โดยเฉพาะลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา ต่างก็รู้จักเฉินยวี่ถิงดี มีเพียงพวกเขาที่รู้ว่าคุณชายของพวกเขานั้นเป็นโรคจิตที่น่ารังเกียจแค่ไหน โรคจิตที่สามารถข่มขืนและฆ่าได้แม้กระทั่งน้องสาวแท้ ๆ เพียงเพราะเธอพูดว่าเขาเป็นคนน่าเกลียดที่ทำตัวประหลาด

เฉินยวี่ถิงมีชื่อเดิมว่าเฉินชวง เขาเป็นคนเปลี่ยนชื่อเอง เขาไม่ชอบให้ใครมาพูดถึงเรื่องหน้าตาของเขา นี่เป็นข้อห้ามของเขา เพราะเหตุนี้ทำให้เขาเคยฆ่าคนในหมู่บ้านไปหนึ่งคน เพียงเพราะเมื่อเขากำลังเดินสวนทางกับเด็กน้อยแล้วเด็กน้อยดันบอกว่าเขาน่าเกลียด

แม้เฉินยวี่ถิงจะหน้าตาน่าเกลียด แต่เรื่องวิชาของเขาก็ถือว่าดีมากทีเดียว แถมเขายังเป็นปรมาจารย์หนุ่มของสำนักราชาปีศาจ ดังนั้นจึงพูดได้ว่าเขามีชีวิตที่สบายอยากได้อะไรก็ต้องได้

“คุณถาง คุณจะยอมเป็นแฟนผมไหม?” จู่ ๆ เฉินยวี่ถิงก็ถามขึ้น

หืม?

ถางโร้วตกตะลึง เมื่อมองไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายลำคอของเธอดิ้นและเธอก็อาเจียนออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“นายน้อยครับ คุณหลิวบอกว่าเธอต้องมีชีวิตอยู่” มีลูกน้องคนหนึ่งพูดเสียงต่ำ

พวกเขารู้จักนิสัยของชายคนนี้ดี เขาจะถามคำเหล่านี้ทุกครั้งที่เจอกับสาวงาม

แต่เมื่ออีกฝ่ายพูดปฏิเสธหรือไม่พูดอะไร เขาก็จะหักคอของอีกฝ่ายทิ้งทันที

ในสายตาของเฉินยวี่ถิง ผู้หญิงเหล่านี้ไร้ความคิดอย่างมาก ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ เฉินยวี่ถิงมองกลับไปเตือนคนของตัวเอง

“คุณหลิว? พวกแกสนิทกับมันนักหรือไง? เคยนอนกับมันเหรอ?”

“ไม่ครับ ไม่! นายน้อยเข้าใจผิดแล้ว คุณหลิวเป็นผู้หญิงของท่าน ผมมิบังอาจไปยุ่ง ไว้ชีวิต…”

แกร๊ก! เสียงกระดูกหักดังขึ้น

“หนวกหู!”

เฉินยวี่ถิงหักคอลูกน้องอย่างโหดเหี้ยมแล้วทิ้งศพลงพื้น จากนั้นเขาก็หยิบผ้าเช็ดมือสีขาวดุจหิมะออกมาเช็ดมือ

“เอามันไปให้เสี่ยวเฮยกิน” เฉินยวี่ถิงโยนผ้าออกจากมือ มันตกลงไปปิดตาที่ถลึงของศพพอดี

ลูกน้องคนอื่น ๆ ของเขาต่างก็รีบลากศพและรีบออกไป