ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 65 อดีตคือเยี่ยนผู้ไร้เทียมทาน ปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำแหน่งตันเถียนของเยี่ยนจ้าวเกอมีปราณจิตราขยับหนึ่งนิ่งหนึ่งรวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน แปรเปลี่ยนเป็นรูปเต่าและงู อัศจรรย์เฉกเช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงของหยินหยาง

วิชาจากจากคัมภีร์หมัดจอมยุทธ์ ขับเคลื่อนหมัดเต่าสยบคลื่นและหมัดราชันงูสวรรค์ ภาพที่เกิดจากวรยุทธ์แท้สั่นสะเทือนประตูเลือดทวารซางฉวี แล้วแรงระเบิดที่น่ากลัวก็เกิดขึ้นในทันที

เยี่ยนจ้าวเกอก้าวเท้าออกหนึ่งก้าว ไปอยู่ตรงหน้าของชายร่างกำยำ

ไม่ต้องพูดถึงภายในอาคาร ต่อให้เป็นพื้นที่กว้างด้านนอกอาคาร ชายร่างกำยำที่มีระดับวรยุทธ์ระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายผู้นี้ ก็ใช้ปราณจิตราลอยตัวขึ้นไม่ทัน!

พลังทั่วร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอระเบิดออก ก่อนที่เขาจะพลิกฝ่ามือแล้วฟาดลงไปทันที!

ในฝ่ามือของชายหนุ่มเป็นสีม่วงแดง ปราณที่ร้อนแผดเผาทำให้ชายร่างกำยำเหมือนกับตกลงไปในเตาร้อน ซึ่งนั่นก็คือฝ่ามือดุสิต วิชาสืบทอดของเขากว่างเฉิง

ชายร่างกำยำแม้จะตะลึงในความเร็วของเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรเขาก็มีวรยุทธ์ในขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้าย จึงตั้งฝ่ามือขึ้นเสมือนกับตั้งดาบในทันที แล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้น

ในขณะที่ปราณจิตรากำลังถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง ก็เปลี่ยนเป็นดาบยาวสองเล่ม ร่ายรำไปมาอยู่ในอากาศ

ดาบจิตราทั้งสองเล่ม เล่มหนึ่งอยู่ข้างบน เล่มหนึ่งอยู่ข้างล่างลอยวนไปมา เล่มหนึ่งรับฝ่ามือที่เยี่ยนจ้าวเกอฟาดลงมา ส่วนอีกเล่มหนึ่งกำลังฟันตรงไปที่ช่วงอกของเขา

บัดนี้ดาบจิตราเจิดจ้า ไอดาบเย็บเยียบมากมายมหาศาล ราวกับสภาพอากาศมากมายเกิดขึ้นพร้อมกัน

หนึ่งในยอดวิชาแปดพิภพ ดาบวิญญาณแปดฉาก!

ยุทธ์วิชานี้ไม่เหมือนวิชาดาบเทพผสานปราณที่ แข็งแกร่งดุเดือดไร้เทียมทาน ทว่าเป็นวิชาดาบที่มีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของดาบอันน่าอัศจรรย์

เป็นวิชาวรยุทธ์ประเภทเดียวกันกับหัตถ์เงาสนทยาของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

ทว่าส่วนที่ต่างกันก็คือ ในบรรดายอดวิชาแปดพิภพ วิชาดาบวิญญาณแปดฉากและวิชาฝ่ามือดุสิตนั้นหักล้างกัน หรืออีกความหมายก็คือ วิชาดาบวิญญาณแปดฉากสามารถสกัดกั้นฝ่ามือดุสิตได้นั่นเอง!

ประกายดาบสาดส่องไปทั่วสารทิศ ราวกับมีตะเกียงวังภูมิทัศน์ดวงหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ

เตาเพลิงแม้จะไม่ใช่เพลิง ทว่าความรุนแรงของเพลิงสีม่วงจากฝ่ามือดุสิต เมื่อปะทะเข้ากับแสงที่เกิดจากดาบวิญญาณแปดฉากแล้ว ก็พลันลดความรุนแรงลงในทันที

และในขณะที่ประกายดาบหมุนวน มันก็ราวกับเปลี่ยนเป็นตะเกียงขนาดมหึมา หมุนวนไปแล้วชนเข้ากับเยี่ยนจ้าวเกอ

สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอยังคงเหมือนเดิม ทำเหมือนกับมองไม่เห็นประกายดาบที่กำลังฟันเข้าหาตัวเอง

ประตูเลือดทวารซางฉวี่สั่นสะเทือน เต่างูรวมตัวกันบุกโจมตี พลังของวรยุทธ์แท้ที่ศักดิ์สิทธิ์ก็ระเบิดออกมา ส่งพลังเพิ่มไปยังฝ่ามือดุสิต

ระหว่างที่ปราณจิตรารวมตัวกัน เพลิงสีม่วงกลางฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ก่อร่างกลายเป็นเตาโอสถขนาดมหึมาอยู่รางๆ!

เตาโอสถถูกเหวี่ยงไปที่ตะเกียงที่เกิดจากดาบจิตราอย่างรุนแรง พลังที่ทั้งหนาแน่นและบ้าคลั่งผ่าตะเกียงนั้นแยกออกในทันที

ชายร่างกำยำขนลุกชันไปทั่วทั้งร่างกาย ก่อนจะตัดสินใจในทันที ทว่าพลังของเยี่ยนจ้าวเกอที่ปะทุออกมานั้นรุนแรงกว่าเขา อีกทั้งยังรวดเร็วกว่าเขาเสียอีก!

เมื่อรุกมาก็รุกกลับ แต่ก่อนที่ดาบจิตราของเขาจะฟันถูกเยี่ยนจ้าวเกอ จะต้องถูกฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอฟาดลงมาเหนือศีรษะของเขาก่อนเป็นแน่!

เขาหมดทางเลือก จึงหมุนตัวครั้งหนึ่ง แล้วเก็บดาบเพื่อตั้งรับแทน

ครั้งนี้สูญสิ้นทุกโอกาสแล้ว คิดอยากจะพลิกสถานการณ์กลับมา ก็ไม่มีความหวังอีกแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอถอนหายใจ แล้วฟาดฝ่ามือลงอย่างต่อเนื่อง การโจมตีราวกับพายุมรสุมทำให้อีกฝ่ายถอยหลังไปตลอดทาง

เดิมทีชายร่างกำยำคิดว่าการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ คงจะอยู่ต่อเนื่องไม่นาน แต่ใครจะรู้ว่าจะไม่มีที่สิ้นสุดเช่นนี้

แม้แต่การจะดึงระยะห่างออก เขาก็ยังทำไม่ได้ ได้แต่ถูกกักขังอยู่ภายใต้ฝ่ามือที่โจมตีมาของเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่ต้นจนจบ

ชายร่างกำยำกัดฟันกรอด หมุนร่างกายเป็นวงใหญ่ แล้วฟันดาบออกไป โดยไม่สนใจความปลอดภัยของตนเองอีก!

ทว่าในตอนนี้เอง ร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอกลับพุ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ระเบิดพลังรุนแรงขึ้นอีกขั้นอย่างไม่คาดคิด!

หมัดอสูรหกวิญญาณที่มีพลังระเบิดรุนแรงที่สุด หมัดอสูรวานรจอมพลัง!

ช่วงนาทีสุดท้าย ทั้งพลังและความเร็วของเยี่ยนจ้าวเกอก็ยกระดับขึ้นอีกครั้ง มากกว่าเดิมจนเกินความคาดหมายของทุกคน

เสี้ยววินาทีที่พุ่งออกไป เมื่อหลบหลีกดาบวิญญาณแปดฉากของอีกฝ่ายแล้ว ฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอก็ถึงตรงหน้าของชายร่างกำยำ!

ผู้อาวุโสฉินที่ดูการประลองเงียบๆ มาโดยตลอด นาทีนี้ก็ส่งเสียงราวกับชื่นชมและเศร้าโศกออกมา

ครั้นพลังไร้รูปร่างถูกปล่อยออกมา ระยะห่างระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอและอีกฝ่ายก็เพิ่มพูนขึ้นมากโขในชั่วพริบตาเดียว

วินาทีถัดมา ทั้งสองก็กลับมายื่นอยู่ที่ตำแหน่งเดิมก่อนที่จะประมือกัน

การประมือของทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วพริบตา ทุกเสี้ยววินาทีต่างเป็นรุกโจมตีและตั้งรับที่เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย

และในตอนนี้เอง คนอื่นๆ ต่างก็ทอดถอนหายใจออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย สายตาที่มองเยี่ยนจ้าวเกอเปี่ยมไปด้วยความทึ่งและชื่นชม

เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่เบื้องหน้านี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะชนะการประลองกับจอมยุทธ์ที่เป็นศิษย์ร่วมสำนัก ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายได้จริงๆ

ชายร่างกำยำคนนี้ไม่ใช่ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายทั่วไป วรยุทธ์ที่ฝึกฝนก็เป็นปราณบริสุทธิ์ อีกทั้งดาบวิญญาณแปดฉากก็เป็นวิชาสืบทอดสายตรงของเขากว่างเฉิงเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้น เขาผ่านการต่อสู้มานับร้อยครั้ง ประสบการณ์เต็มเปี่ยม โดยปกติแล้วคู่ต่อสู้เช่นนี้ เป็นคู่ต่อสู้ที่อัจฉริยะอายุน้อยส่วนใหญ่ไม่ยินดีที่จะพบเจอมากที่สุด

ทว่าเขากลับพ่ายแพ้ให้กับเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่เหลือชิ้นดี

การประลองทั้งหมด แม้ชายร่างกำยำจะคิดคำนวณไม่รอบคอบ ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอชิงลงมือก่อนในทันทีได้ แต่การรับมือของเขาหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีช่องโหว่แต่อย่างใด และเป็นการโต้ตอบที่ดีที่สุด ที่จะสามารถทำได้ในสถานการณ์ตอนนั้น กระนั้นก็ยังคงถูกเยี่ยนจ้าวเกอโจมตีจนพ่ายแพ้

เท่ากับเยี่ยนจ้าวเกอใช้ความสามารถที่สูงกว่าอีกขั้นหนึ่งโจมตีเขาดื้อๆ โดยไม่มีการออมมือแม้แต่น้อย

เหยียนซวี่จ้องเยี่ยนจ้าวเกอนิ่ง

“แม้ว่ารากฐานของเจ้าจะเป็นปราณบริสุทธิ์ แต่หลายๆ วิชาที่เจ้าใช้ กลับไม่ใช่วรยุทธ์ของเขากว่างเฉิง”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ข้าไม่ได้แอบฝึกวิชาวรยุทธ์ของสำนักอื่นแต่อย่างใด เพียงแต่โชคดีที่เคยได้พบเจอมาบ้างก็เท่านั้นเอง”

“ทำให้ท่านผู้อาวุโสเหยียนเห็นเรื่องตลกเสียแล้ว แต่ท่านเองก็ฝึกฝนวิชาวรยุทธ์ที่มาจากนอกสำนักด้วยไม่ใช่หรือขอรับ”

“วรยุทธ์ไร้ที่มาที่ศิษย์ได้รับมาจากภายนอก ข้าอุทิศมันให้กับทางคลังวรยุทธ์ของสำนัก แลกเปลี่ยนกับสุดยอดวิชาลับของสำนัก และเก็บสุดยอดวิชาลับนั้นไว้กับตัว นี่สอดคล้องกับกฎระเบียบของทางสำนักนะขอรับ”

เหยียนซวี่ส่งเสียงไม่พอใจออกมาทีหนึ่ง โดยไม่พูดอะไร

ผู้อาวุโสฉินไม่ได้สนใจเรื่องนี้แต่อย่างใด ทว่ามองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม แล้วพยักหน้าช้าๆ

เยี่ยนจ้าวเกอคนนี้ แท้จริงแล้วแข็งแกร่งกว่าเซียวเซิงด้วยซ้ำ

ผลการประลองนี้ก็ยืนยันได้แล้ว ว่าอย่างน้อยเยี่ยนจ้าวเกอก็มีโอกาสที่จะทำให้เซียวเซิงพ่ายแพ้ซึ่งๆ หน้าได้

ในบรรดาจอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์ค่อนข้างต่ำ อันเนื่องมาจากประสบการณ์ พรสวรรค์ และวิสัยทัศน์ ความห่างชั้นของกระบวนท่าวรยุทธ์ที่ดีและเลว เรื่องของขั้นต่ำสกัดขั้นสูงแม้จะไม่ได้พบเห็นได้บ่อย แต่ก็มีไม่น้อย

การต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ์ที่ระดับวรยุทธ์ยิ่งสูงขึ้นไป สถานการณ์ที่ชนะข้ามขั้นก็ยิ่งพบได้ยาก

สามารถมาถึงระดับขั้นที่สูงยิ่งขึ้นได้ พรสวรรค์และโอกาสของแต่ละคนก็มีแต่ไม่มากนัก ระดับยิ่งสูงก็ยิ่งเป็นเช่นนี้

ระหว่างคนที่มีอายุเท่ากัน และคนรุ่นเดียวกันก็จะยิ่งเป็นเช่นนี้

“ขออภัยด้วยขอรับ” เยี่ยนจ้าวเกอยกมือขึ้นประสานกันไว้ระดับหน้าอกแสดงความเคารพกับชายร่างกำยำผู้นั้น จากนั้นก็พูดต่อว่า “หากเซียวเซิงไม่ยอมรับแล้วล่ะก็ ข้าจะหาโอกาสประลองกับเขาดูอีกสักครั้ง”

ทันใดนั้นเอง ก็มีรายงานมาจากข้างนอกว่า จ้าวซื่อเฉิง ราชาอาณาจักรถังตะวันออกได้เดินทางมาถึงด้วยตนเองแล้ว

เหยียนซวี่กับเยี่ยนจ้าวเกอต้อนรับเขาเข้ามา เมื่อจ้าวซื่อเฉิงพบเยี่ยนจ้าวเกอ คำแรกที่กล่าวออกมาก็คือ “ตอนนี้เจ้าอยู่ระดับขั้นไหนแล้วหรือ ทำให้เซียวเซิงพ่ายแพ้ไปด้วยสถานการณ์แบบใด ถึงได้ยึดเอากงจักรเพลิงสุริยะมาได้”

เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมาจากราชาแห่งอาณาจักรถังตะวันออก สายตาทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็มองไปที่เยี่ยนจ้าวเกอเป็นตาเดียว

ชายหนุ่มยิ้มบางๆ พลางเอ่ยว่า “ประมือกันหนึ่งต่อหนึ่งพะยะค่ะ ข้าชนะเขา จึงใช้กระบี่วิญญาณมังกรมรกตปลดกงจักรเพลิงสุริยะของเขา”

เมื่อเทียบกับตลอดการประลองและผลการประลองก่อนหน้านี้แล้ว คนของเขากว่างเฉิงทุกคนต่างก็ต้องถอนหายใจออกมาพร้อมกัน และไม่มีข้อสงสัยใดๆ อีก

ทว่ากลับเป็นจ้าวซื่อเฉิง ราชาอาณาจักรถังตะวันออกที่รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง จึงถามขึ้นมาอีกสองสามประโยค

เยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ ตอบทีละคำถาม จ้าวซื่อเฉิงจึงกล่าวอย่างโอบอ้อมอารีว่า “เยี่ยนตี๋มีผู้สืบทอดต่อแล้ว!”

ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็พยักหน้าพร้อมกัน

มีคนหลุดปากกล่าวออกมาว่า “เยี่ยนอู๋ตี๋อีกคน!”

เยี่ยนตี๋ บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอในช่วงวัยหนุ่ม เขาเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มรุ่นเยาว์ของมหาอำนาจแปดพิภพ ไม่เคยพ่ายแพ้ให้ผู้ใดเลยสักครั้ง สร้างความกดดันให้กับคนรุ่นเดียวกันในขณะนั้นอย่างยิ่ง

ในตอนที่เยี่ยนตี๋เป็นปรมาจารย์ขณะนั้น ก็สู้กับปรมาจารย์ทุกคนจนไร้ซึ่งคู่ต่อสู้

จนในที่สุดจอมยุทธ์ปรมาจารย์ทุกคนก็เริ่มไม่เรียกชื่อเขาด้วยชื่อจริง ทว่ากลับเพิ่มคำว่า ‘อู๋’ ลงไปตรงกลางระหว่างชื่อและสกุล

จึงพ้องเสียงว่า เยี่ยนอู๋ตี๋ (เยี่ยนไร้เทียมทาน)

จนถึงตอนที่เยี่ยนตี๋ย่างก้าวเข้าสู่ระดับมหาปรมาจารย์แล้วจึงไม่มีคนเรียกฉายานามนี้อีก

ทว่าด้วยเวลาที่ผ่านไป หลายปีมานี้วรยุทธ์ของเยี่ยนตี๋นับวันก็ยิ่งสูงขึ้น ความสามารถเพิ่มสูงขึ้นอย่างมั่นคง แรงกดดันที่แทบปลิดชีพปรมาจารย์ในสำนักก่อนหน้านี้ ค่อยๆ ปกคลุมไปยังมหาปรมาจารย์ทั่วหล้า

นามของเยี่ยนอู๋ตี๋ วันที่จะได้เรียกนามนี้อีกครั้งก็คงไม่ไกลแล้วล่ะ

เมื่อได้ยินคำพูดที่หลุดออกจากปากของคนผู้นั้น แม้ว่าผู้อาวุโสฉินหรือจ้าวซื่อเฉิงจะไม่ได้แสดงปฏิกิริยาชัดเจน ทว่าสายตากลับค่อยๆ ส่องประกายขึ้น

ขณะที่มองเยี่ยนจ้าวเกอ ในใจของทุกคนก็เกิดความคิดเช่นเดียวกันเกิดขึ้นลางๆ

อดีตคือเยี่ยนผู้ไร้เทียมทาน ปัจจุบันก็ยังเป็นเยี่ยนผู้ไร้เทียมทาน!

ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ตรงนี้ ก็เหมือนกับเริ่มมีแนวโน้มไร้เทียมทานตามรอยบิดาอยู่รางๆ แล้ว!

…………..