EP.109ฟาร์มเวลในป่าล่ามังกร1
“โฮกกกกก…”
วัตถุที่คล้ายหินยักษ์สีเทาก้อนหนึ่งขดตัวอยู่ระหว่างหุบเขา มีขนาดใหญ่ประมาณถาดกลม แต่พอดูดีๆ จะพบว่าผิวชั้นนอกของก้อนหินยักษ์นี้จริงๆ แล้วประกอบขึ้นมาจากเกล็ดหินหลายชิ้น นี่คือหางของสัตว์ศิลาที่ม้วนเข้ามา อีกทั้งมันยังได้กลิ่นอายมนุษย์แล้วด้วย ร่างของมันค่อยๆ ขยับ แล้วส่งเสียงคำรามออกมา
ฉินเหลยกระชับดาบอัสนีทลายไว้แน่น สายตามองไปที่หลินมู่อวี่ “อาอวี่ เมื่อก่อนตอนที่ข้าออกมาฝึกก็เคยพบกับสัตว์ศิลาตัวหนึ่ง แต่ตัวที่ข้าเจอมีอายุแค่พันแปดร้อยปีเท่านั้น เจ้าอย่าได้ประมาทพลังของมัน มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่ง กรงเล็บแหลมคม ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็สามารถฉีกโล่หนาสิบเซนติเมตรได้ ส่วนเกล็ดหินที่ผิวของมันทั้งแข็งและหนา การโจมตีทั่วไปไม่มีทางทำลายได้ อีกเดี๋ยวเจ้าไปดึงความสนใจของมัน ข้าจะโจมตีมันเอง ว่าอย่างไร”
หลินมู่อวี่โบกมือเบาๆ วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าปรากฏขึ้นมา รวมตัวกันกลายเป็นกระดองเต่าทมิฬและปราการเกล็ดมังกร พยักหน้าพูด “อืม ข้าไปก่อน พี่ฉินเหลยท่านต้องระวังด้วย”
“อืม เจ้าก็ระวังตัวด้วย!”
……
หลินมู่อวี่รู้สึกตื่นเต้นอย่างน่าประหลาด ครั้งนี้ทั้งสี่คนออกมาล่าสัตว์วิญญาณด้วยกัน พลังป้องกันของเขาแข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นจึงแน่นอนว่าเขาต้องรับบทบาทเป็นแท็งค์ ทำหน้าที่ดึงดูดความสนใจของศัตรู ก่อกวนศัตรู แบกรับบาดแผล เพียงแต่นี่ไม่ใช่เกม ทันทีที่ทีมแพ้ก็หมายถึงความตาย ไม่มีโอกาสฟื้นคืนชีพกลับมาใหม่อีกแล้ว
“โฮกกกก!”
‘หินยักษ์’ ค่อยๆ ขยับตัว ถาดกลมขนาดใหญ่ยักษ์แยกหัวและหางออกมา ส่วนหัวที่ขดอยู่กับหางพลันชูคอขึ้นมาเป็นใบหน้าสัตว์ร้าย มันอ้าปากกว้างพุ่งไปทางหลินมู่อวี่ สัตว์ศิลาตัวนี้หนักอย่างน้อยหลายสิบตัน เคลื่อนไหวแต่ละทีภูเขาถึงกับสะเทือน แต่ว่าความเร็วของมันกลับไม่ช้าเลย
หลินมู่อวี่มองเห็นทุกอย่างชัดเจน มือซ้ายดึงมีดเสียงปีศาจออกมาจากเอว ปล่อยปราณเข้าไปในมีดแล้วปาออกไป “ฟิ้ว” อาวุธลับส่งเสียงแหลมพุ่งเข้าใส่จุดอ่อนบริเวณศีรษะของสัตว์ศิลา นั่นก็คือดวงตา!
“โฮกกก!”
นึกไม่ถึงว่าเจ้านี่จะว่องไวมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะหลบไม่ให้อาวุธโจมตีลูกตาได้ และไปใช้หน้าผากเข้าปะทะกับมีดเสียงปีศาจแทน ได้ยินเพียงเสียง “เคร้ง” ประกายไฟกระเซ็นออก มีดเสียงปีศาจกระเด็นไปอีกทาง
หลินมู่อวี่ปล่อยหมัดเสียงปีศาจจากระยะไกลไปควบคุมทิศทางของมีดเสียงปีศาจ ขณะเดียวกันมือขวาที่ถือกระบี่ก็คำรามออกมาเบาๆ แสงอัสนีวิ่งไหลไปทั่วแขนของเขา ในจังหวะที่สัตว์ศิลากระโจนเข้ามานั้น เขาก็สะบัดกระบี่เหลียวหยวนออกไป อัสนีคลื่นคลั่ง!
“เปรี้ยง!”
กระแทกเข้าเต็มแรง คมมีดแทงทะลุขากรรไกรล่างของสัตว์ศิลาเข้าไปครึ่งด้าม แต่ดูเหมือนเลือดมันจะไม่ไหล เกล็ดหินของสัตว์ศิลาหนาอย่างน้อยหนึ่งเมตร การโจมตีครั้งนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายรุนแรงให้มัน
เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก สัตว์ศิลากางกรงเล็บตะปบเข้ามา บนแขนซ้ายของมันมีหนามที่คมราวใบมีดสามใบ ฟาดตัดเข้าใส่กำแพงน้ำเต้าของหลินมู่อวี่ “ปัง” เสียงปะทะกันของพลังดังก้องขึ้น หลินมู่อวี่เองก็ถอยร่นออกมาหลายก้าวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเริ่มซีดขาว แค่การโจมตีเพียงครั้งเดียว กระดองเต่าทมิฬก็มีทีท่าว่าจะแตกออกเป็นชิ้นๆ แล้ว
“อาอวี่ อดทนไว้ก่อน!”
ฉินเหลยยกดาบอัสนีทลายขึ้น ตะโกนเสียงดังพุ่งเข้าใส่สัตว์ศิลา สองมือจับดาบแน่น วิญญาณยุทธ์โซ่เทวะหมุนพันอยู่รอบดาบ แสงสีทองเจิดจ้า ฟันเข้าใส่อย่างรุนแรง “เปรี้ยง” เศษหินปลิวกระจาย ทันใดนั้นสัตว์ศิลาก็คำรามโมโห ด้านหลังมันถูกฟันเป็นรูใหญ่ จนเห็นเลือดไหลกระเด็นออกมา
“โฮกกก…”
ทันใดนั้นสัตว์ศิลาอ้าปากกว้าง คล้ายกับต้องการจะเขมือบหลินมู่อวี่ลงไป
“เฮ้ย?”
หลินมู่อวี่ตกใจ รีบใช้ฝีเท้าดาวตกถอยหลังออกมา มือขวากางออก ใช้สายฟ้าควบคุมกระบี่เหลียวหยวนที่อยู่กลางอากาศ ทันใดนั้นเขาสะบัดแขนลงอย่างรุนแรง กระบี่เหลียวหยวนที่มีพลังอัสนีคลื่นคลั่งพุ่งลงมาโจมตี เสียงระเบิดโจมตีดังขึ้นที่ขากรรไกรบนของมัน ทำให้ปากที่อ้ากว้างของมันหุบลงทันที ศีรษะของสัตว์ศิลากระแทกเข้าใส่กำแพงน้ำเต้าอย่างแรง
“โอย…”
หลินมู่อวี่ครางออกมา ในที่สุดการป้องกันชั้นนอกสุดกระดองเต่าทมิฬก็ถูกทำลาย เลือดลมเขาปั่นป่วน ในระยะเวลาอันสั้นเขาไม่อาจรวมปราณสร้างกระดองเต่าทมิฬขึ้นมาได้อีกครั้ง จึงได้แต่กางแขนออก พ่นปราณออกมา วิญญาณยุทธ์ประกายสีส้มถูกปล่อยออกมา ดอกน้ำเต้าหนึ่งดอกเบ่งบาน “ฟู่ว” พ่นพิษเหลวราวกับลูกธนูพุ่งตกลงที่หน้าผากของสัตว์ศิลา ไหลซึมและกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ชั้นผิวหนังของสัตว์ศิลานั้นหนาเกินไป ระยะเวลาสั้นๆ ไม่อาจจะทำอะไรมันได้
“เยี่ยมมาก อาอวี่!” ฉินเหลยควงดาบอัสนีทลายเข้าไป สายฟ้าหลายสายระเบิดเข้าที่ด้านหลังของสัตว์ศิลา
แต่ทว่าในตอนนี้เอง ถังเสี่ยวซีที่อุ้มวิญญาณจิ้งจอกอัคคีอยู่ ตะโกนเสียงดัง “ท่านพี่ฉินเหลยระวัง!”
“อะไรนะ!?”
ฉินเหลยหันกลับไป เห็นเงาดำเคลื่อนเข้ามา “เปรี้ยง” นั่นคือหางที่กวาดโจมตีของสัตว์ศิลา ภายใต้การพลังโจมตีที่รุนแรง ผู้บัญชาการองครักษ์อวี้หลินถูกซัดจนลอยกระเด็น และตกลงในป่าที่ไกล ออกไป แต่อย่างไรเสียฉินเหลยนั้นเป็นยอดฝีมือขอบเขตนภา เขารีบตะโกนกลับมาจากตรงนั้น “ข้าไม่เป็นไร…อาอวี่เจ้าต้องต้านเอาไว้ให้ได้!”
……
“ฟู่วว…”
สัตว์ศิลาพ่นลมหายใจออกมา ดวงตาคู่นั้นมีเลือดซึมอยู่เล็กน้อย ดวงตาสีแดงเลือดกำลังจ้องหลินมู่อวี่เขม็ง กรงเล็บคู่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว โจมตีนับครั้งไม่ถ้วนในชั่วพริบตา ปราการเกล็ดมังกรใกล้จะแตกแล้ว แต่หลินมู่อวี่กลับยังไม่มีวิธีจัดการกับเจ้าสัตว์นี่ เพราะวิญญาณยุทธ์ของเขาเป็นสายป้องกัน ถึงจะมีทักษะใช้สี่ธาตุควบคุมกระบี่ แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับฉินเหลยที่มีโซ่เทวะ
“มู่มู่ ระวังตัวด้วย!” ถังเสี่ยวซีโจมตีเข้ามาจากด้านข้าง จิ้งจอกอัคคีเปล่งเสียงร้อง แต่พลังการทะลวงของนางนั้นเบามาก แทบไม่ทำให้สัตว์ศิลารู้สึกเจ็บปวดได้เลย แน่นอนว่ามันไม่สนใจนางด้วย นี่ทำให้ถังเสี่ยวซีถึงกับร้องไม่พอใจ ความรู้สึกที่ไร้ตัวตนนั้นทำให้องค์หญิงซีผู้แสนทระนงในตนเองทนไม่ไหว
ปราณในร่างกายเร่งอย่างไรก็เร่งไม่ขึ้น ขณะที่หลินมู่อวี่กำลังร้อนใจ จู่ๆ ตัวเขาก็มีแสงสีทองปรากฏขึ้น ด้านหลังมีเสียงของฉินอินดังขึ้น “พลังเทวะ!”
นี่คือทักษะวิญญาณยุทธ์ของฉินอิน จัดเป็นทักษะสายสนับสนุนประเภทหนึ่งที่ช่วยเพิ่มพลังการโจมตีเป้าหมายได้
“โจมตีเลย อาอวี่!” นางเปล่งพระสุรเสียงพร้อมหอบหายใจ ดูท่าการใช้พลังเทวะคงดูดพลังของนางไปไม่น้อย
เมื่อพลังเทวะไหลเข้าสู่ร่างกาย หลินมู่อวี่รับรู้ถึงพลังที่ไหลวนอยู่ในชีพจรได้อย่างชัดเจน พลังอัดแน่นที่ต้องปลดปล่อยออกมา เขาค่อยๆ ยกแขนขึ้น กระดองเต่าทมิฬก่อตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง รอบตัวมีปราณไหลวน เขาคว้ามีดเสียงปีศาจที่หมุนกลับมาแล้วขว้างออกไปอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็วางมือขวาเบาๆ กระบี่เหลียวหยวนค่อยๆ ลอยขึ้น ฝ่ามือมีเปลวเพลิงพุ่งออกมาและไหลเวียนอยู่รอบกระบี่เหลียวหยวน กระบี่หมุนเป็นเกลียวอย่างรวดเร็ว อัคคีควบคุมกระบี่!
อีกทั้งครั้งนี้เขาใช้แก่นเพลิงมังกร เปลวเพลิงสีม่วงเป็นประกายแวววาวไหลวนอยู่รอบกระบี่ ฉินอินและถังเสี่ยวซีตะลึงอยู่เล็กน้อย พวกนางไม่เคยเห็นเปลวเพลิงแบบนี้มาก่อน
“เกลียวเพลิงมังกรคลั่ง!”
สองมือปล่อยพลังออกมา ทันใดนั้นกระบี่เหลียวหยวนก็หมุนเป็นเกลียวอย่างรวดเร็วคล้ายสว่านเหล็กที่แข็งแกร่งโจมตีเข้าใส่ส่วนหัวของสัตว์ศิลา แก่นเพลิงมังกรเผาหลอมเกล็ดหิน “เปรี้ยง” หัวของสัตว์ศิลาเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ เห็นเพียงสีเทาลางๆ ยอดเยี่ยมสุดๆ การโจมตีนี้รุนแรงยิ่งนัก!
แต่พลังชีวิตสัตว์ศิลาก็ทำให้หลินมู่อวี่ตกใจมาก มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว กะโหลกถูกระเบิดจนเปิดออกแล้วก็ยังทำเหมือนไม่เป็นอะไร ยังคงส่งเสียงคำรามแล้วกระโจนเข้ามา กรงเล็บทั้งสองข้างตะปบเข้าใส่กระดองเต่าทมิฬจนแตกกระจาย
“หืม?”
หลินมู่อวี่ยกมือขึ้นคว้ากระบี่เหลียวหยวน รีบใช้มือซ้ายยกกระบี่มาต้านการโจมตีของสัตว์ศิลา
และในตอนนี้เอง ด้านข้างมีเงาร่างที่งดงามปรากฏขึ้น ฉินอินจับกระบี่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา รอบตัวมีโซ่เทวะเคลื่อนวนอยู่ นางเปล่งเสียงแล้วโซ่เทวะพร้อมกระบี่ฟันออกไป!
“เปรี้ยง!”
สุดยอดฉินอิน ไม่น่าเชื่อว่าจะอาศัยพลังที่ดุเดือดรุนแรงของโซ่เทวะฟันกรงเล็บของสัตว์ศิลาได้!
และในตอนนี้เอง ฉินเหลยก็จับดาบอัสนีทลายพุ่งเข้ามาอีกครั้ง เขาฟันเข้าตัดคอของสัตว์ศิลากลางอากาศ เศษหินแตกกระจายเป็นชิ้นๆ เขาตะโกนเสียงดัง “เสี่ยวอิน อาอวี่ เสี่ยวซี พวกเจ้าถอยไป ข้าจัดการเอง!”
สัตว์ศิลาคำรามอย่างเกรี้ยวกราด แต่หลังจากถูกฉินเหลยฟันโจมตีอย่างต่อเนื่องถึงเจ็ดแปดครั้ง เสียงร้องของมันก็เบาลงเรื่อยๆ “ฉวับ” เสียงกระดูกถูกฟันขาด หัวของมันหลุดออกจากร่างแล้ว ไม่ว่าพลังชีวิตจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่ออยู่ในสภาพที่ไร้ศีรษะก็ไม่อาจสู้ต่อไปได้ อย่างไรเสียมันคือสัตว์ศิลาไม่ใช่สิงเทียน*เสียหน่อย
“ฮู่ ฮู่…”
หัวของสัตว์ศิลาที่หล่นลงพื้นยังคงพยายามส่งเสียงลมหายใจอย่างสุดชีวิต ส่วนลำตัวของมันนอนคว่ำอยู่บนพื้นและกระเสือกกระสนดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
……
หลินมู่อวี่ถือกระบี่เหลียวหยวนด้วยความหวาดหวั่น หันไปมองฉินอินแล้วถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ”
ใครจะคิดว่าฉินอินก็ถามคำถามเดียวกันออกมา ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน วินาทีถัดมาองค์หญิงจึงรีบก้มพระพักตร์ที่แดงก่ำลง ไม่รู้ว่าตนเองควรจะตรัสอะไรดีถึงจะผ่านสถานการณ์อันน่ากระอักกระอวนนี้ไปได้
โชคดีที่ฉินเหลยค่อนข้างซื่อๆ เขากระโดดลงมาจากซากของสัตว์ศิลา ยิ้มพูด “โชคดีที่การป้องกันของอาอวี่นั้นแข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้นพวกเราคงได้รับอันตรายไปแล้ว ครานี้สังหารสัตว์ศิลาอายุห้าพันปีได้โดยไม่บาดเจ็บเลย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ! องค์หญิงทรงลังเลอะไรอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ จำได้ว่าโซ่เทวะของท่านมีเพียงแค่สามทักษะ ล้วนไม่ใช่สายป้องกัน มาเถอะ พลังป้องกันสัตว์ศิลาแข็งแกร่งขนาดนี้ หากท่านสามารถดูดซับทักษะการป้องกันได้ พลังของท่านต้องจะเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน!”
ถังเสี่ยวซีเองก็ยิ้มพูด “ใช่แล้วเสี่ยวอิน รีบดูดซับวิญญาณสัตว์เถอะ ไม่แน่เจ้าอาจจะเข้าสู่ขอบเขตนภาได้สำเร็จก็ได้นะ!”
“อือ!”
……
ฉินอินไม่เขินจนพระพักตร์แดงแล้ว เดินขึ้นไปข้างหน้า เรียกโซ่เทวะออกมาอย่างแผ่วเบา โซ่สีทองนี้คล้ายมังกรรัดอยู่ระหว่างรอบเอวคอดและเนินอก ราวกับเป็นผู้ปกป้อง แต่ก็เหมือนผู้ที่จะจู่โจมด้วย มันเริ่มดูดซับวิญญาณสัตว์ของสัตว์ศิลาอย่างตะกละตะกลาม
ความจริงวิญญาณสัตว์ศิลาตัวนี้ตัวเขาเองก็สามารถดูดซับได้ แต่หลินมู่อวี่ไม่ได้ใส่ใจ สัตว์วิญญาณในป่าล่ามังกรนั้นมีมากมาย ไม่ต้องรีบร้อน ให้เสี่ยวอินแข็งแกร่งขึ้นมีแต่จะส่งผลดีต่อทุกคนในกลุ่มผจญภัยนี้
ฉินอินปิดดวงเนตรคู่งาม ควบคุมโซ่เทวะที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารอันโอชะ
แต่วิญญาณสัตว์ของสัตว์ศิลานั้นดื้อรั้นมาก ไม่ว่าฉินอินจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่อาจคว้าแก่นวิญญาณสัตว์ไว้ได้ ฉินอินเองก็รู้ว่าพลังอันนี้เป็นพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์ของสัตว์ศิลา และเป็นสายพลังที่จะทำให้ได้ทักษะ ดังนั้นจำเป็นต้องดูดซับส่วนนี้ น่าเสียดายที่ดูเหมือนจะยากเกินไป
ผ่านไปไม่นาน ร่างกายองค์หญิงก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
……
“ข้า…ข้าไม่ไหวแล้ว…” จู่ๆ นางก็ตรัสออกมา
__________________________________
***สิงเทียน เป็นบุคคลในตำนานเทพนิยายจีนโบราณ มีขวานและโล่เป็นอาวุธ ร่างกายกำยำแข็งแรง เป็นแม่ทัพของเหยียนตี้ ในสงครามแย่งชิงบัลลังก์กับฮว๋างตี้ สิงเทียนพ่ายแพ้ถูกฮว๋างตี้ตัดศีรษะ ถึงแม้ว่าจะถูกตัดศีรษะไปแล้ว สิงเทียนก็ยังต่อสู้ได้ เพราะใช้นมเป็นตา ใช้สะดือเป็นปาก จับขวานยักษ์และโล่ขึ้นมาต่อสู้กับฮว๋างตี้ต่อ