จินเฟยเหยาติดตามพานจั๋วหวาเดินผ่านระเบียงและประตูใหญ่ประตูน้อย เห็นคนของพวกเขาล้วนซ่อนสีหน้าดูแคลนไม่อยู่

พื้นที่เกาะลี่หยวนไม่ถือว่าเล็ก ทว่าสำหรับตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนมีขนาดใหญ่ปานนี้ เห็นได้ชัดว่าเล็ก นอกจากสร้างบ้านบนทะเลสาบและเกาะอื่นๆ ที่ใกล้เคียงยังใช้ระเบียงยาวเชื่อมกัน มองไกลๆ เหมือนแมงมุมตัวใหญที่มีขามากมาย ส่วนบ้านที่สร้างเลยเกาะออกมาเหล่านั้นก็กินพื้นที่หนึ่งในสามของคฤหาสน์หลักทั้งหมด

บ้านบนทะเลสาบได้แต่ใช้พวกกระถางดอกไม้ล้อมเป็นทิวทัศน์หรือสวนดอกไม้เล็กๆ ส่วนสวนดอกไม้ขนาดใหญ่สร้างอยู่บนเกาะ สถานที่ซึ่งพวกเขาจะไปในตอนนี้คือบนเกาะ ระหว่างนี้ต้องผ่านเส้นทางมากมาย

เห็นบ้านที่เบียดเสียดแทบตายนี้ จินเฟยเหยารู้สึกเหมือนบนเกาะที่พานอี้อาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยว ถึงจะยากจนไปหน่อยทว่าดีตรงพื้นที่กว้าง เรือนเล็กๆ เชื่อมเรือนเล็กๆ ห้องเชื่อมห้องเช่นนี้รู้สึกไม่มีอิสระเลยสักนิด ราวกับผายลมครั้งหนึ่งจะถูกคนข้างห้องได้ยินเข้า

“ด้านหน้าคือสวนดอกไม้ ข้าไปไม่ได้แล้ว หินผลึกเทียนจี๋น่าจะวางอยู่ในเจดีย์สมบัติ ข้าบอกที่อยู่กับเจ้าแล้ว เจ้าต้องระวังอย่าให้คนเห็น อีกทั้งด้านในมีการป้องกัน ประตูใหญ่เข้าไปไม่ได้ง่ายๆ” มาถึงข้างประตูแห่งหนึ่ง พานจั๋วหวากำชับอย่างระมัดระวัง

พานจั๋วหวาพลันรู้สึกว่าตนเองเด็กเกินไปหรือเพราะอยู่ในตระกูลมานานไม่เคยออกไปหาประสบการณ์ ถ้าไม่เด็กจะมีส่วนร่วมกับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จแบบนี้ได้อย่างไร เพ้อฝันจะขโมยของออกจากในเจดีย์สมบัติ

“รู้แล้ว เจ้ารีบไปหาสถานที่ซึ่งมีคนอยู่มากๆ รอคอย พิสูจน์ว่าเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” เห็นเขาขมวดคิ้ว จินเฟยเหยาก็รีบไล่เขาไป เจดีย์สมบัติเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดบนเกาะลี่หยวน คนตาบอดก็ยังหาพบ

เรื่องนี้เป็นความผิดของพวกเขาชัดๆ ตอนนี้ตนเองกลับต้องมาเสี่ยงชีวิต คนตายเพราะสมบัตินกตายเพราะอาหารจริงๆ พานจั๋วหวาคนนี้ทำอะไรไม่เด็ดขาด จินเฟยเหยาสงสัยว่าต่อให้สายตระกูลของพวกเขามีสมบัติตกทอดของพานหยวนเกรงว่าคงไม่อาจทำอะไรสำเร็จ วันหน้าพลังการบำเพ็ญเพียรสูงหลบอยู่ในเมืองวั่นเซียนสุ่ยตลอดคงไม่เป็นไร ถ้าออกจากบ้านเกรงว่าคงท่าดีทีเหลว

พานจั๋วหวาเดินก้าวหนึ่งหันกลับมามองสามครั้ง จินเฟยเหยาเดินไปทางบรรดาคุณหนูที่แต่งกายงดงามเหล่านั้น

พานจั๋วหวาเป็นห่วงว่านางจะปะปนเข้าไปในเจดีย์สมบัติได้อย่างไร จินเฟยเหยากลับไม่กังวลเลยสักนิด นางมียันต์ซ่อนกาย เดิมทีสามารถแปะยันต์แล้วเดินส่ายอาดๆ เข้าไปได้ ทว่านางกลับไม่ยอมทำเช่นนั้น กลัวว่าหลังจากขโมยของไปตอนตรวจสอบมาถึงพวกพานอี้ สามคนนั้นคงขายตนเองออกไป

ตอนนี้ลากพวกเขาลงน้ำตนเองยังปลอมเป็นพานอี้อัน ต่อให้พวกเขาคิดจะขีดเส้นความสัมพันธ์กับนางให้ชัดเจน ก็เป็นไปไม่ได้

เดิมทีจินเฟยเหยาคิดจะยั่วโทสะสตรีที่เห็นพานอี้อันเกะกะลูกตาพวกนั้น จากนั้นเปิดเผยโฉมหน้าร่ำไห้จากไปโดยมีทุกคนเป็นประจักษ์พยาน คิดไม่ถึงว่าขนาดเก้าอี้ด้านข้างยังไม่ได้นั่งนางก็ถูกไล่ไปอยู่ในมุมหนึ่งทันที ไม่มีคนมองมาทางนางสักแวบราวกับไม่มีคนเช่นนางอยู่

สถานที่จัดงานเลี้ยงน้ำชาคือสวนดอกไม้ที่มีภูเขาจำลองและทะเลสาบ ประเด็นคือพื้นที่เกาะไม่เพียงพอ ดังนั้นในความเห็นของจินเฟยเหยาขนาดของสวนดอกไม้แห่งนี้ไม่ถือว่าใหญ่นัก ทว่าดีที่มีดอกไม้ต้นไม้ค่อนข้างมาก ตรงระเบียงและศาลาเล็กๆ ที่เชื่อมกันมีความน่ารักอยู่หลายส่วน

เห็นว่าไม่มีใครสังเกตเห็นตนเอง จินเฟยเหยาลุกขึ้นยืนเดินไปถึงด้านหลังมุมที่มีต้นไผ่ จะบอกว่ามันเป็นป่าไผ่ก็รู้สึกผิดทั้งหมดมีต้นไผ่เพียงร้อยต้นเท่านั้นแต่บดบังสายตาของผู้อื่นได้อย่างเพียงพอ ด้านหลังต้นไผ่ยังมีเก้าอี้ศิลาวางอยู่ในมุมราวกับมีไว้ให้สตรีที่ถูกรังแกและถูกเย็นชาใส่มาร้องไห้โดยเฉพาะ

รอบด้านไร้ผู้คน จินเฟยเหยานำยันต์ซ่อนกายออกมาแปะบนร่าง จากนั้นเดินส่ายอาดๆ ผ่านกลุ่มคนไปเจดีย์สมบัติ

ตลอดทางไม่มีผู้บำเพ็ญเซียนที่มีพลังการบำเพ็ญเพียรสูงจริงๆ อย่างมากก็พบผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานคนสองคน ขณะพบคนขั้นสร้างฐานจินเฟยเหยาก็ยืนอยู่ด้านข้างเงียบๆ รอให้คนเดินไปไกลค่อยขยับเขยื้อน พบคนขั้นฝึกปราณก็ไม่มีปัญหาเลยสักนิด เดินตามหลังไปทันทีก็ไม่ถูกพวกเขาพบเห็น

ถึงแม้จะเห็นหอสมบัติ จินเฟยเหยาก็ยังเดินผิดทางหลายครั้ง เพิ่งมาถึงด้านหน้าเจดีย์รอบด้านไม่มีผู้คุ้มกัน ไม่รู้ว่าเมืองวั่นเซียนสุ่ยสงบสุขเกินไปหรือคิดว่าบ้านตนเองไม่จำเป็นต้องให้คนเฝ้า แต่เป็นไปได้ว่าเชื่อมั่นในการป้องกันของเจดีย์สมบัติมาก ดังนั้นจึงขาดเพียงเปิดประตูเจดีย์เอาไว้

อย่างไรเสียผู้อื่นก็มีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่นั่งประจำการ มีเพียงคนที่ไม่ต้องการชีวิตเช่นนางจึงมากระทำเรื่องเช่นนี้ เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันจินเฟยเหยาเปลี่ยนโฉมหน้าเป็นสตรีตระกูลอู่ทั้งยังนำชุดอันงดงามมาผลัดเปลี่ยนด้วย

ถึงแม้ใช้ยันต์ซ่อนกายนางยังมองไปโดยรอบอย่างจิตใจไม่สงบ เห็นรอบด้านไร้ผู้คนจินเฟยเหยาแอบเดินมาถึงหน้าประตูเจดีย์ นี่เป็นครั้งแรกที่นางขโมยของ ฝีมือไม่ชำนาญนักปล้นเลยสะดวกกว่า

จินเฟยเหยาไม่มีวิธีทำลายการป้องกันเลยสักนิด เนื่องจากนางไม่ได้หาเวลามาศึกษาวงเวท และนางคิดจะใช้รูปร่างคนอื่นมาช่วงชิงสิ่งของตั้งแต่แรก ดังนั้นจึงแนบหน้ากับประตูเจดีย์มองเข้าไปข้างในจากร่อง

ยังมองเห็นอะไรไม่ชัดเจนแรงสะท้อนอันแก่กล้าพุ่งออกมาจากบนประตูผลักจินเฟยเหยาออกไป ขณะเดียวกันยังมีแสงสีขาวกระพริบวาบฤทธิ์ของยันต์ซ่อนกายถูกทำลาย ทั้งร่างของนางกลิ้งร่วงลงบนพื้นหน้าเจดีย์ล้มนอนหงาย

“เอ๋ คุณหนูสาม เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” ในยามนี้เอง ด้านหลังจินเฟยเหยามีเสียงอันคุ้นเคยดังมา

จินเฟยเหยาหันหน้าไปมอง พานจั๋วเยว่ถือพัดหยกเล่มหนึ่งโบกพัดพลางยิ้มอย่างเจิดจรัส

“ที่แท้เป็นพี่เขยพาน แค่ก…แค่ก…” จินเฟยเหยายืนขึ้นอย่างสง่างาม จากนั้นเริ่มไอทันที

“คุณหนูสาม เป็นอะไรไป? ไอรุนแรงขนาดนี้” พานจั๋วเยวี่ยเก็บพัด เอ่ยถามอย่างห่วงใย

จินเฟยเหยาล้วงผ้าเช็ดหน้าปักลายดอกไม้ผืนหนึ่งมาเช็ดน้ำตาจากการไอ จากนั้นเอ่ยอย่างอับอาย “ทำให้พี่เขยหัวเราะเยาะแล้ว หลายวันนี้ไม่รู้ว่าทำไม ไอหนักยิ่ง อาจจะเป็นครั้งที่แล้วตอนฝึกบำเพ็ญ ไม่ทันระวังเกิดความผิดพลาดขึ้น ทำให้ทรวงอกเจ็บปวด หลายวันนี้ไอมาตลอด”

พานจั๋วเยวี่ยเอ่ยอย่างครุ่นคิด “มิน่าเล่า ข้าได้ยินเสียงของคุณหนูสามไม่เหมือนยามปกติอยู่บ้าง”

“ใช่ ไอมาหลายวัน เสียงแหบ งานเลี้ยงน้ำชาในตระกูลครั้งนี้เดิมทีไม่อยากให้ข้ามา แต่ข้า…แต่ข้าอยากพบพี่เขย ดังนั้นจึงมาทั้งที่ยังป่วย แค่คิดจะหาโอกาสมองดูไกลๆ คิดไม่ถึง ข้ากลับทำให้พี่เขยเห็นสภาพการป่วย ต่อไปข้ายังมีหน้ามาพบพี่เขยได้อย่างไร” จินเฟยเหยามีสีหน้าแค้นเคือง ใบหน้าแดงก่ำหลบสายตาของพานจั๋วเยวี่ย

“นางแพศยาน้อยนี้สนใจข้า? ในใจพานจั๋วเยวี่ยรู้สึกยินดี รูปโฉมของคุณหนูสามตระกูลอู่อยู่อันดับต้นๆ ในตระกูลผู้บำเพ็ญเซียน งดงามกว่าพี่สาวของนางมากนัก เขาชื่นชอบสาวงาม อยากได้สตรีทั้งหมดมาไว้ในกำมือ เพียงแต่คุณหนูสามตระกูลอู่คนนี้ถือเป็นน้องสาวของเขา เขาไม่กล้าลงมือ

ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น นี่คือสาวงามพาตัวเข้ามาหาเอง ตอนนี้ในสมองของพานจั๋วเยวี่ยเต็มไปด้วยท่าทางเขินอายของคุณหนูสามตระกูลอู่ เพียงรู้สึกว่านางไม่เหมือนตอนปกติ ถึงจะใกล้ชิดกันไม่มาก ทว่ายายนี่เย่อหยิ่งมาตลอด

“ข้ารู้จิตใจของฉงเหล่ย เพียงแต่เมื่อครู่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ เหตุใดจึงมาที่เจดีย์สมบัติตามลำพัง?” พานจั๋วเยวี่ยไม่เรียกคุณหนูสามแล้ว พอเปิดช่องให้ก็รีบฉวยโอกาสทันที เริ่มเรียกชื่อขึ้นมา

ได้ยินเขาถามเช่นนี้ จินเฟยเหยาก็ส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ เอ่ยอย่างมีโทสะ “จะเพราะอะไร เพราะพานอี้อันของตระกูลเจ้าน่ะสิ”

“พานอี้อัน นางล่วงเกินเจ้าได้อย่างไร บอกข้ามา ข้าไปจะจัดการนาง” พานจั๋วเยวี่ยกางพัดในมือพัดเบาๆ ปกติคุณหนูสามตระกูลอู่ก็มีนิสัยแบบนี้ พอบังเกิดจิตปฏิพัทธ์ ดังนั้นจึงปรากฏท่าทางขวยเขิน น่ารักจริงๆ

นี่เรียกว่าอะไร ครอบครัวของพานจั๋วหวาใกล้จะถูกตระกูลตนเองทรมานตาย สาวน้อยพานอี้อันคนนั้นแต่งงานเป็นอนุภรรยาตระกูลอู่ยังสบายนางเลย

จินเฟยเหยาทำปากยื่น ลงทุนแสดงเป็นคุณหนูใหญ่ คนประเภทนี้นางคุ้นเคยที่สุด คิดจะปลอมตัวง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ

“ข้าได้ยินคนบอกว่า เนื่องจากบ้านนางมอบหินผลึกเทียนจี๋ให้เจ้า พวกเจ้าจึงให้นางแต่งเข้ามาเป็นอนุภรรยาในตระกูลข้า เรื่องนี้ข้าไม่พอใจ นางมีฐานะใด จะคู่ควรกับท่านอาที่ใกล้จะเจี๋ยตันได้อย่างไร ข้าอยากจะดูสิว่าหินผลึกเทียนจี๋มีค่าเพียงใด จึงทำให้พวกเจ้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ คิดไม่ถึงว่าจะให้คนแบบนี้แต่งเข้าตระกูลอู่ของข้า” จินเฟยเหยากระทืบเท้า พุ่งไปที่ประตูเจดีย์สมบัติ พานจั๋วเยวี่ยขวางนางไว้ไม่ทัน เห็นจินเฟยเหยาถูกการป้องกันของเจดีย์สมบัติโจมตีจนร่วงพื้น

จินเฟยเหยาหากไม่ทำก็ไม่ทำ หากทำก็ต้องทำจนถึงที่สุด นั่งบนพื้นไม่ลุกขึ้นเริ่มต้นอาละวาด

“พวกเจ้ารังแกข้า แม้แต่เจดีย์ก็รังแกข้า ข้าจะกลับบ้านไปบอกท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะไม่สนใจพี่เขยแล้ว พวกเจ้าเลวยิ่ง กลับไปข้าจะให้ท่านอายกเลิกการแต่งงาน ข้าจะบอกท่านพี่ว่าท่านเลี้ยงอนุภรรยามากมายไว้ข้างนอก”

คำพูดประโยคสุดท้ายของนางทำให้พานจั๋วเยวี่ยหวาดกลัวแทบแย่ ได้ยินว่าคุณหนูสามตระกูลอู่คนนี้นิสัยไม่ดี คิดไม่ถึงว่าคิดจะโกรธก็โกรธ ก็แค่ดูหินผลึกเทียนจี๋เองจะอาละวาดจนเป็นแบบนี้ทำไม เขารีบก้าวไปหาฉวยโอกาสฉุดดึงมือของจินเฟยเหยา

“ฉงเหล่ยอย่าอาละวาดสิ เจ้าอยากดูหินผลึกเทียนจี๋มิใช่หรือ พี่เขยจะพาไปดู เจ้าบอกข้าสิ ถ้าเจ้าชอบ ข้าจะมอบหินผลึกเทียนจี๋ก้อนนี้ให้แก่เจ้า”

จินเฟยเหยาหยุดอาละวาดเงยหน้าขึ้นหยุดร้องไห้แล้วยิ้มออกมา “พี่เขยพูดจริงหรือ? พี่เขยช่างดียิ่งนัก ข้าชอบพี่เขยที่สุดเลย”

เอ่ยจบ นางก็ลุกขึ้น กอดข้อมือพานจั๋วเยวี่ยไว้ ยิ้มแล้วฉุดดึงไปตรงประตูเจดีย์สมบัติ “พี่เขยเร็วหน่อย อีกสักครู่ข้ายังต้องไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชาอีก”

พานจั๋วเยวี่ยถูกจินเฟยเหยาฉุดดึง ในใจก็ยินดี ครุ่นคิดว่าอย่างไรหินผลึกเทียนจี๋ก็วางอยู่ชั้นหนึ่งของเจดีย์สมบัติ เข้าไปดูหน่อยคงไม่เป็นไร อีกทั้งด้านในไม่มีคน เขาจะสอบถามความคิดของคุณหนูสามตระกูลอู่เล่นๆ ในเมื่อมีใจให้ข้า เช่นนั้นก็ให้ข้าได้สนิทสนมหน่อยคาดว่านางคงไม่ปฏิเสธ