เกิดอะไรขึ้น
ฮ่อหยุนเฉิงคิ้วขมวด
ข่าวพวกนี้เขาอนุญาตให้สื่อเผยแพร่ออกมาได้นี่
ตามหลักการแล้ว ถ้าหากไม่ได้รับอนุญาตจากเขาก็จะไม่มีคนสามารถลบได้
และยิ่งไปกว่านั้นข่าวที่มีจำนวนยอดผู้คนค้นหามากที่สุด จะมีสื่อข่าวที่ไหนโง่ที่จะลบกัน
ฮ่อหยุนเฉิงคิดอยู่สักพัก ก็เรียกหลินเหยียนเฟิงเข้ามา”ช่วยฉันสืบหน่อยว่าใครเป็นคนลบข่าวที่กำลังมีกระแสอยู่ตอนนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ครับ”หลินเหยียนเฟิงโค้งคำนับตอบ เมื่อกี้เขาก็พึ่งพบว่าข่าวที่ถูกค้นหามากที่สุดถูกลบไป
เรื่องนี้แปลกมาก
นอกจากตระกูลฮ่อแล้วยังมีใครอีกที่มีอำนาจที่จะให้สำนักข่าวลบข่าวได้เร็วภายในระยะเวลาสั้นและทุกช่องทางไม่มีเหลือได้
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ซูฉิงก็ได้รับข้อความจากแอนโธนี่
[พี่ada เรื่องที่พี่ให้ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว]
ซูฉิงตอบกลับไปอย่างพอใจว่า [เรื่องนี่ให้นายทำ ฉันก็วางใจแล้ว]
[เอ่อ พี่กับฮ่อหยุนเฉิงเป็นคู่หมั้นกันจริงๆ หรอ ผมเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย ก็มีเพียงผู้ชายอย่างประธานฮ่อถึงจะเอาพี่ada อยู่ได้] แอนโธนี่อดที่จะถามอย่างอยากรู้เรื่องชาวบ้านไม่ได้
[เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย] ซูฉิงตอบเขาไปอย่างหมดอารมณ์
อะไรคือสามารถเอาเธออยู่กัน
หลังจากที่วางโทรศัพท์ลงซูฉิงก็รีบเข้าไปค้นหาในอินเทอร์เน็ตและก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ข่าวของเธอไม่เหลือให้เห็นแม้แต่ร่องรอย
จากนั้นซูฉิงถึงได้ลงมือตั้งใจทำงานต่อ
ก่อนหน้านี้มีเรื่องของเซี่ยซิงซิงมาเป็นอุปสรรคการทำงานทำให้การถ่ายโฆษณาของคอลเลคชั่นน้ำแข็งและไฟล่าช้าไป เธอจำเป็นต้องรีบทำให้งานเดินหน้าให้เร็วที่สุด
ซูฉิงกับเฉินจุนเหยียนและหลิวเสี่ยวหนิงได้นัดเวลาถ่ายโฆษณาใหม่ และได้โทรหาคุณบรูชเรื่องนัดเวลาที่จะนัดนจัดงานแถลงข่าวเพื่อโปรโมท
ตอนนี้ทุกอย่างก็เตรียมการหมดแล้วเหลือเพียงลงมือ
รอให้ถ่ายโฆษณาเสร็จแล้วก็สามารถจัดงานแถลงข่าวโปรโมทสินค้าอย่างเป็นทางการได้แล้ว
ซูฉิงที่ยุ่งตลอดทั้งบ่ายจนเกือบลืมเวลาแล้ว จนฮ่อหยุนเฉิงต้องโทรศัพท์มาหาเธอ
“ไปกันได้รึยัง”เสียงนิ่งขรึมของฮ่อหยุนเฉิงดังมาตามสาย
ซูฉิงมองดูเวลา ก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้ว
“ได้ “ซูฉิงพยักหน้า เพราะจะให้คุณปู่ฮ่อรอพวกเธอไม่ได้
ฮ่อหยุนเฉิงที่กำลังขับรถอยู่มือที่จับพวงมาลัยแน่น
ซูฉิงที่นั่งตำแหน่งข้างคนขับ มองวิวที่อยู่ข้างนอกหน้าต่างด้วยสีหน้านิ่ง
และทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของฮ่อหยุนเฉิงก็ดังขึ้น เป็นหลินเหยียนเฟิงที่โทรมา
ฮ่อหยุนเฉิงที่ใส่หูฟังแบบไร้สาย ก็กดรับสายแล้วถามเสียงเรียบ”มีอะไร”
“ท่านประธานครับ ผมสืบได้เรื่องแล้วครับ “หลินเหยียนเฟิงที่ตอบมาตามสาย”คนที่ลบข่าวก็คือแฮกเกอร์ชื่อดังแอนโธนี่ครับ”
“แอนโธนี่งั้นหรอ”ฮ่อหยุนเฉิงคิ้วขมวด
เกี่ยวกับแอนโธนี่ ถือว่าเป็นคนที่ลึกลับมาก
ฮ่อหยุนเฉิงดแงก็พึ่งได้ยินชื่อนี้
“แล้วเขาลบข่าวทำไม”ฮ่อหยุนเฉิงถามเสียงเรียบ
“ไม่แน่ใจครับ พวกเราก็สืบได้เท่านี้ครับ “หลินเหยียนเฟิงตอบไปตามความจริง “บางทีก็เพื่อที่จะแสดงฝีมือของเขามั้งครับ”
“สืบต่อไป”ฮ่อหยุนเฉิงหรี่ตาลง เรื่องนี้เขารู้สึกว่ามันแปลกๆ
ตอนที่ได้ยินชื่อแอนโธนี่ ซูฉิงก็ใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้
ฮ่อหยุนเฉิงเขาต้องการสืบอะไร
คงไม่ใช่ว่าเขาพบความสัมพันธ์ของเธอกับแอนโธนี่หรอกใช่มั้ย
เธอไม่ได้เผยพิรุธอะไรออกมาใช่มั้ย
ยังดีที่ฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้ถามอะไรเธอ เร่งขับรถพาซูฉิงมาถึงบ้านตระกูลฮ่ออย่างรวดเร็ว
ยังไม่ทันเข้าไปในบ้าน โตวลี่ก็วิ่งดุกดิกออกมารับ
โตวลี่ที่พอเห็นซูฉิงก็วิ่งส่ายหางไปรอบๆ เธอ
“นายจำฉันได้ด้วยหรอ”ซูฉิงคุกเข่าลงลูบขนโตวลี่
“โฮ่ง ๆ!”โตวลี่เห่าอย่างคุ้นเคย
“ฉิงฉิง แม้แต่โตวลี่ก็ยังคิดถึงหนูแล้วนะ “คุณปู่ฮ่อยิ้มพร้อมกับลูบเคราเดินออกมา “ต่อไปต้องกลับมาที่บ้านบ่อยๆ นะ”
“ครับ คุณปู่”ซูฉิงยังไม่ทันได้ตอบ ฮ่อหยุนเฉิงก็แย่งตอบอย่างหน้าตาเฉย
ซูฉิงรู้สึกเอือมระอา ฮ่อหยุนเฉิงมีสิทธิ์อะไรมาตอบแทนเธอ
“เข้าไปนั่งข้างในกันเถอะ “คุณปู่ที่อุ้มโตวแล้วพาเดินเข้าไปในห้องรับแขก ยิ้มมองไปทางซูฉิง”ฉิงฉิง พวกเธอนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ ใกล้จะตั้งโต๊ะแล้วล่ะ”
“ค่ะ”ซูฉิงพยักหน้าตอบอย่างรู้ความ
“หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว พวกเธอสองคนก็พักที่บ้านนี่แหละ “คุณปู่ฮ่อพูดสั่งออกมาทันที
เมื่อตอนบ่าย คุณปู่ฮ่อกับคุณปู่ของซูฉิงก็โทรมาหาพวกเขาในเวลาเดียวกัน จนทำให้ทั้งสองคิดว่าความสัมพันธ์ซูฉิงกับฮ่อหยุนเฉิงนั้นดำเนินไปช้ามาก เลยตัดสินที่จะให้คุณปู่ฮ่อออกหน้าเขามาเติมเชื้อไฟให้กับพวกเขา
“ครับ”ฮ่อหยุนเฉิงตอบรับปาก
เคารพในการตัดสินใจของเธอหน่อยจะได้มั้ย
“คุณท่าน คุณผู้ชาย ตั้งโต๊ะแล้วค่ะ “คนที่พูดก็คือลุงหลี่ที่เป็นพ่อบ้าน เดินโค้งเข้ามารายงาน
“ไปกันเถอะ ไปกินข้าวกัน”คุณปู่ฮ่อลุกขึ้น ก้าวเดินออกไปทางห้องรับประทานอาหาร
ฮ่อหยุนเฉิงกับซูฉิงก็เดินตามหลัง แล้วก็นั่งลงบนโต๊ะทานข้าว
บนโต๊ะอาหาร มีอาหารเต็มไปหมด
ซูฉิกวาดสายตามอง ก็พบว่าอาการที่อยู่ตรงหน้าของฮ่อหยุนเฉิงนั้นพิเศษ
เช่นดอกกระเจี๊ยบ ผัดกุยช่ายใส่ไข่ ผัดดอกกะหล่ำ……..ล้วนเป็นอาหารบำรุงกำลังงั้นหรอ
เป็นอาหารที่บำรุงกำลัง?
คุณปู่คิดจะทำอะไรกันแน่
ในขณะที่ซูฉิงกำลังคิดอะไรอยู่นั้น คุณปู่ฮ่อก็ใช้ตะเกียบคีบเอาผัดดอกกะหล่ำใส่ถ้วยข้าวของฮ่อหยุนเฉิง “หยุนเฉิง นายต้องกินอันนี้เยอะๆ นะ จะได้บำรุง”
บำรุงงั้นหรอ?!
ฮ่อหยุนเฉิงที่มองดูผัดดอกกะหล่ำที่อยู่ในถ้วยข้าวก็อดที่จะหุบยิ้ม
ล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย เขาต้องกินอะไรอย่างงี้ด้วยหรอ
“ยังมีนี่ ดอกกระเจี๊ยบ ดีมากเลยนะ “ไม่รอให้ฮ่อหยุนเฉิงทันได้เอ่ยปากพูด คุณปู่ฮ่อก็คีบเอากระเจี๊ยบใส่ในถ้วยของฮ่อหยุนเฉิง
ซูฉิงอดที่จะแอบขำเบาๆ ไม่ได้ แล้วกระซิบเสียงเบา”นาย……..เสื่อมหรอ”
ฮ่อหยุนเฉิงหน้าเคร่งขรึม ยัยนี่กล้าที่จะสงสัยในพละกำลังของเขาต่อหน้าเขาหรอ??
เขาส่งเสียงหึ กัดฟันพูด”เธอลองเดี๋ยวก็จะรู้เอง”
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ฮ่อหยุนเฉิงกับซูฉิงก็ถูกคุณปู่ไล่ให้เข้ามาในห้องของฮ่อหยุนเฉิง
“เอ่อ ฉันว่าฉันไปนอนห้องรับแขกดีกว่านะ “ซูฉิงลูบหน้าผากพูด
คุณปู่ฮ่อไม่เห็นด้วย จ้องตาพูดว่า”ห้องรับแขกกำลังตกแต่งภายในอยู่ คนเข้าไปพักไม่ได้”
ซูฉิงเอามือกุมหน้า ทำไมเธอไม่เห็นว่าห้องรับแขกห้องไหนกำลังตกแต่งภายในอยู่เลยนะ
“พวกเธอยังเป็นวัยหนุ่มสาว ความคิดยังโบราณกว่าฉันที่แก่หงำเหงือกอีกหรอ “คุณปู่ฮ่อแทบจะผลักดันซูฉิงเข้าไปในห้องของฮ่อหยุนเฉิงแล้ว และก่อนจะเดินไปยังไม่ลืมที่จะล็อกกุญแจจากข้างนอกด้วย
จากนั้นคุณปู่ฮ่อก็เดินลูบเคราออกมาอย่างพอใจ อย่างนี้สิถึงจะได้พัฒนาความรู้สึกที่มีต่อกันได้
ซูฉิงที่ถูกคุณปู่ขังข้ามาในห้องของฮ่อหยุนเฉิงก็หมดคำจะพูด นี่คุณปู่คิดจะทำเรื่องแผงๆ อะไรเนี่ย
ซูฉิงที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ฮ่อหยุนเฉิงก็เดินเข้ามา ยื่นมือออกไปต้อนขังเธอไว้ จนหลังของซูฉิงแตะกำแพง
เขาโน้มตัวลงมาเล็กน้อยแล้วก็กระซิบข้างๆ หูเธอว่า “เมื่อกี้ ใครบอกว่าฉันเสื่อมนะ?”