บทที่ 229 คนนอก / บทที่ 230 เลี้ยงคนว่างงาน

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 229 คนนอก / บทที่ 230 เลี้ยงคนว่างงาน โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 229 คนนอก

แม่กำลังซักผ้าให้คนทั้งบ้านของน้าชายงั้นเหรอ?

เยี่ยหวันหวั่นกำลังย่นคิ้วขมวด เวลานี้ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

เห็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดหรู เดินออกมาจากในบ้านร้อนลนดั่งคลื่นใหญ่ซัดซาด ในมือถือกระโปรงสีกุหลาบแดงชิ้นหนึ่ง เดินมาหาแม่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ พลางเอ่ย “พี่คะ ทำไมทำชุดฉันกลายเป็นแบบนี้ไปได้?”

คุณแม่หันไปมองผู้หญิงทีหน่ึ่ง แล้วมองดูกระโปรงในมือของเขา หน้าตกใจ “นี่…ไหมหลุดได้อย่างไร?”

“พี่ใช้เครื่องซักผ้าซักใช่ไหม?” ฟางซิ่วหมิ่นน้าหญิงถามขึ้นด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

“ตอนนั้นฉันถามเธอแล้ว เธอก็บอกว่าใช้เครื่องซักได้ ฉันก็เลยใส่ลงเครื่องปั่นไป…”

ฟางซิ่วหมิ่นพลันอุทานด้วยความตกใจ “ใช้เครื่องซักได้อย่างไร นี่เป็นไหมแท้นะ! ตอนนั้นฉันคงกำลังสอนการบ้านให้หานหานอยู่ เลยไม่ทันตั้งใจฟังเผลอปากตอบรับคำไป แต่ว่าคุณพี่ไม่ว่าจะอย่างไรพี่ก็เคยใส่เสื้อผ้าดีๆ มาก่อน ทำไมยังแยกผ้าไม่ออกอีกล่ะ?”

เหลียงหวั่นจวินมีสีหน้าอับอายอยู่บ้าง “ขอโทษที ช่วงนี้เร่งทำงานฝีมือส่งลูกค้าจนดึก เวลามองอะไรก็จะเบลอๆ ไปบ้าง…เธอบอกฉันมาว่าราคาเท่าไร ฉันจะชดใช้ให้แล้วกันนะ!”

ฟางซิ่วหมิ่นมองชุดในมือด้วยความสงสาร ได้ยินแบบนี้ก็พูดเสียดสีขึ้น “หมื่นกว่าหยวนเลยนะ พี่จะเอาอะไรมาใช้คืน? พี่ทำของเล่นราคาถูกพวกนั้น เป็นร้อยอันก็ยังไม่พอซื้อเสื้อผ้าชุดนี้เลย!”

“ตอนนี้ในมือฉันกับเส่าถิงไม่มีเงินมากขนาดนั้น รอมู่ฝานกลับมา…”

ฟางซิ่วหมิ่นหน้าตาหงุดหงิดเป็นที่สุด นัยน์ตาเผยแววตาดูถูก โบกมือปฏิเสธอย่างเสียไม่ได้ กล่าวด้วยท่าทางใจกว้างไม่ติดใจเอาความ “ช่างเถอะ เงินเดือนน้อยนิดของเขา ลำพังทุกเดือนใช้คนเดียวก็ยังจะไม่พอเลยล่ะมั้ง? พี่ไม่ต้องชดใช้ค่าเสื้อผ้าชุดนี้แล้ว เดี๋ยวเจียหาวกลับมาจะหาว่าฉันทำให้พี่ต้องลำบากอีก!”

เวลานี้เอง หญิงสาวรูปร่างงดงาม สวมกระโปรงกุลสตรีเดินออกมาจากในบ้าน กวาดสายตาหยิ่งยโสไปทางเหลียงหวั่นจวิน “คุณป้า ต่อไปเสื้อผ้าทั้งหมดให้ใช้มือซักเถอะค่ะ จะได้ไม่ทำให้เสื้อผ้าเสียหายอีก แล้วก็เครื่องซักผ้ามันเสียงดังด้วย หนวกหูจะตาย หนูไม่ต้องทบทวนบทเรียนกันพอดี”

ฟางซิ่วหมิ่นเห็นลูกสาวสุดที่รัก ก็รีบเดินไปด้วยความตื่นเต้น “ลูกรัก ลูกออกมาทำอะไร ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือตั้งใจทบทวนหนังสือนะ!”

ฟางซิ่วหมิ่นพูดจบ ก็มองคุณแม่อย่างรู้สึกเสียใจ เอ่ยพลางเผยสีหน้ารู้สึกผิด “คุณพี่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ หานหานใกล้จะสอบเอนทรานซ์แล้ว เสียงรบกวนนิดหน่อยก็จะให้ได้ยินไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเสียสมาธิ ต้องรบกวนให้พี่ซักมือไปก่อนนะ

เดิมทีหากที่บ้านยังมีแม่บ้านอยู่ คงไม่ต้องรบกวนให้พี่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่ด้วยความที่ตอนนี้คนในบ้านเยอะขึ้น ค่าใช้จ่ายเยอะเกินไปแล้ว ฉันจึงต้องให้แม่บ้านออกไปก่อน ส่วนฉันก็ต้องคอยดูแลเรื่องการเรียนของหานหาน เจียดเวลาไม่ได้จริงๆ ต้องลำบากพี่แล้ว พี่คงไม่ถือสาใช่ไหม?”

เหลียงหวั่นจวินเม้มริมฝีปาก “ไม่เป็นไร ฉันซักได้…”

เดิมทีเธอก็ไม่ได้อยากอยู่ฟรีกินฟรี เรื่องซักผ้าทำกับข้าวไม่เหนือบ่ากว่าแรงพวกนี้ ก็เป็นเรื่องที่เธอยินดีจะช่วยทำอยู่แล้ว

เหลียงซือหานที่ยืนอยู่ด้านข้างย่นคิ้วอย่างไม่พอใจ “แม่ ทำไมต้องไปเกรงใจเขาขนาดนี้ด้วย พวกเขากินข้าวบ้านเรา อยู่บ้านเรา ใช้ของบ้านเรา ก็แค่ให้เขาซักผ้าไม่กี่ตัวจะเป็นอะไรไป? เกลียดที่มีคนนอกมาอยู่ในบ้าน น่ารำคาญชะมัด!”

ฟางซิ่วหมิ่นรีบกล่าวปลอบ “ลูกรักเด็กดี แม่จะให้ป้าเขาอยู่ห่างๆ ลูก ไม่มีอะไรจะไม่ออกมารบกวนลูก ลูกไปตั้งใจเตรียมตัวเถอะ อย่าให้เสียสมาธิ อย่าทำตัวเหมือนพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของลูกก็พอ!”

เหลียงซือหานทำหน้าเหยียดขึ้นทันที “แม่ กำลังล้อเล่นใช่ไหม? เอาเยี่ยหวันหวั่นมาเทียบกับหนูได้อย่างไร!”

…………………………………

บทที่ 230 เลี้ยงคนว่างงาน

ฟางซิ่วหมิ่นมองลูกสาวที่ทั้งสวยทั้งมากความสามารถ ใบหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจ “ใช่แล้ว ใช่ๆ แม่ผิดเอง ลูกสาวของแม่ทั้งสวยทั้งเก่ง รอให้ลูกสอบเข้านิเทศน์ของมหาลัยเมืองหลวงได้ก่อน แม่จะให้พ่อของลูกไปหาป้าเหม่ยเซวียน ให้ลูกไปฝึกงานที่หวงเทียน!”

“จริงเหรอคะ? หนูไปฝึกงานที่หวงเทียนได้จริงเหรอคะ?” ใบหน้าเหลียงซือหานเต็มไปด้วยความดีใจ

“ได้อยู่แล้ว ภรรยาของท่านประธานเยี่ยกรุ๊ปเป็นป้าแท้ๆ ของลูก เรื่องแค่นี้เขาพูดคำเดียวก็เรียบร้อยแล้ว!”

คนทั้งสองพูดคุยกันโดยไม่เกรงใจเหลียงหวั่นจวินเลยสักนิด จนแม้แต่เยี่ยหวันหวั่นยังได้ยิน เหลียงหวั่นจวินจะต้องได้ยินอย่างชัดเจนแน่นอน

เยี่ยหวันหวั่นเห็นชัดๆ ว่าตอนที่แม่ได้ยินชื่อของตัวเอง สีหน้าพลันซีดเผือด

เฮอะ เหลียงเหม่ยเซวียนเป็นป้าแท้ๆ ของเหลียงซือหานอย่างนั้นเหรอ?

ตอนที่พ่อยังไม่สูญเสียอำนาจ ฟางซิ่วหมิ่นเรียกเหลียงเหม่ยเซวียนว่าลูกนอกสมรสทุกคำ ตอนนี้กลับกลายเป็นป้าแท้ๆ ของเหลียงซือหานซะแล้ว!

เดิมทีเหลียงซือหานยังคงกระเง้ากระงอดอย่างไม่พอใจ แต่เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถดังมาจากหน้าบ้าน ใบหน้าพลัดผุดรอยยิ้ม ออกไปต้อนรับด้วยความดีใจ “พ่อ กลับมาแล้วเหรอคะ!”

เยี่ยหวันหวั่นมองตามสายตาเหลียงซือหานไป เป็นน้าชายเหลียงเจียหาวกลับมาแล้ว…

“ที่รัก คุณกลับมาแล้ว ทำงานจนเหนื่อยเลยสินะคะ” ฟางซิ่วหมิ่นเข้าไปต้อนรับอย่างออเซาะ รับกระเป๋ามาถือแทนเขา

เลิกงานกลับมา ได้รับการต้อนรับจากภรรยาขี้อ้อนและลูกสาวแสนน่ารัก เหลียงเจียหาวจึงอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก “ทำอะไรกันอยู่ที่ลานบ้านฮึ?”

“ฉันมาช่วยคุณพี่ตากเสื้อผ้าน่ะค่ะ!” ฟางซิ่วหมิ่นตอบอย่างไม่ละอายแก่ใจ

เหลียงหวั่นจวินเหมือนจะชินกับพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอกของฟางซิ่วหมิ่นเสียแล้ว เธอไม่อยากเป็นเหตุผลให้สองสามีภรรยาเกิดความขัดแย้งกัน จึงไม่พูดอะไรเหมือนเคย เพียงแต่มองไปทางรถที่จอดอยู่อย่างเป็นกังวล จากนั้นเอ่ยถามน้องชายขึ้นว่า “เจียหาว พี่เขยของน้องล่ะ? ทำไมถึงไม่ได้กลับมาด้วยกัน? บอกว่าวันนี้เป็นวันหยุดจะได้กลับมาพักผ่อนเร็วหน่อยไม่ใช่เหรอ?”

สีหน้าเหลียงเจียหาวดูลำบากใจที่จะพูด “ช่วงนี้งานที่บริษัทค่อนข้างเยอะ พี่เขยเขายังทำงานล่วงเวลาอยู่…”

เหลียงหวั่นจวินเป็นห่วงสุขภาพของสามี ได้ยินถึงตรงนี้ก็ร้อนใจ “น้องก็รู้ว่าพี่เขยร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ทำไมถึงไม่กล่อมเขาสักหน่อย กลับปล่อยให้เขาทำงานหนักแบบนี้?”

เหลียงเจียหาวถูกตำหนิเขาก็รู้สึกละอายใจ พูดอะไรไม่ออก “ผม…”

อันที่จริงเดิมทีเขาก็ไม่ถนัดด้านการบริหารจัดการบริษัท บวกกับฟางซิ่วหมิ่นเอาแต่พูดว่าไม่ใช้งานก็เสียดายของ คิดเสียว่าเป็นการเก็บค่าเช่าห้อง ดังนั้นเขาจึงผลักทุกอย่างให้เป็นหน้าที่พี่เขย

ฟางซิ่วหมิ่นที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำนี้ พลันขมวดคิ้ว  จีบปากจีบคอพูดขึ้น “คุณพี่ พูดแบบนี้ไม่น่าฟังเลยนะคะ พี่เขยมีประวัติไม่ดีเรื่องยักยอกเงินบริษัท ถ้าไม่ใช่เจียหาวอนุญาตให้เขาเข้ามาทำงานที่บริษัท บริษัทไหนจะกล้ารับเขา?

ในเมื่อเข้ามาทำงานที่บริษัท ก็ต้องทำงานสิ บริษัทไม่ใช่ที่ที่จะเลี้ยงคนว่างงานหรอกนะคะ! คนอื่นเขาก็ทำงานล่วงเวลากันทั้งนั้น ทำไมเขาจะทำงานล่วงเวลาบ้างไม่ได้ หรือว่าเขาเป็นเจ้าของเหรอคะ?”

ฟางซิ่วหมิ่นพูดพลางเหลือบมองเหลียงเจียหาว ทำสีหน้าทั้งน้อยใจทั้งสงสาร “เจียหาว ฉันเคารพเขาเพราะเป็นพี่สาวของคุณ เรื่องบางอย่างฉันก็ไม่อยากจะพูด แต่คำพูดของคุณพี่ทำให้ฉันเสียใจจริงๆ คุณไม่เพียงต้องเลี้ยงดูพี่สาวคนนี้ ยังต้องเลี้ยงดูพี่เขยอีก อยู่ที่นี่มานานขนาดนี้ก็ยังไม่เคยเก็บเงินค่าเช่าพวกเขา ยังหวังดีให้งานพี่เขยทำด้วย คุณพี่กลับทำตัวเป็นผู้รากมากดีจะเอานั่นเอานี่ แล้วพวกเราจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปยังไง?”

เหลียงซือหานที่อยู่ด้านข้างก็ผสมโรงด้วยความโมโห “คุณป้าเป็นแบบนี้ได้ยังไง อยู่ที่บ้านของเรา กินข้าวบ้านของเรา แล้วยังต่อว่าพ่อของหนู ช่างไม่รู้คุณคนจริงๆ! ถ้ารับไม่ได้ขนาดนี้ก็เชิญย้ายออกไปเถอะค่ะ ทำไมยังต้องเกาะอยู่ที่นี่ไม่ยอมไป ก่อกวนพวกเราซะจนไม่สงบสุข!”

……………………….