บทที่ 115

เมื่อกลับไปยังจวนผู้ว่า โดยไม่รอให้ชิวเจิ้นเตือนให้ ถังหยินก็พลันเรียกเฉิงจิน เพื่อให้ตามหาต้นตอของพวกที่อยู่ในตลาดว่ามีใครคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง

เมื่อเขาได้ยินแบบนั้นก็ครุ่นคิด “นายท่าน ข้ามีวิธีการในแบบของข้าอยู่ เพียงแต่ต้องขอคำอนุญาตจากท่านด้วย”

ถังหยินตอบกลับทันที “ทำตามใจชอบได้เลย”

เฉิงจินกะพริบตา “แล้วถ้าเกิดมันทำให้มีคนตายเล่า ?”

ชายหนุ่มครุ่นคิดบ้าง “ตราบเท่าที่ไม่เกินขอบเขต ข้าอนุญาตเจ้าทั้งนั้น”

เฉิงจินรู้สึกโล่งอกแล้วโค้งคำนับให้ “ข้าน้อยขอตัวไปทำการสืบสวนก่อน ข้าจะกลับมาให้คำตอบกับท่านในอีก 2 วันให้หลัง”

จากนั้นในขณะที่เขากำลังจะเดินออกไป ชายหนุ่มก็ได้เรียกกลับมาเสียก่อน “มีโรงน้ำชาแห่งหนึ่งชื่อว่า ‘กลิ่นหอมผลิบาน’ ไปตรวจสอบด้วยว่ามีทหารกองไหนไปที่นั่นมา”

“ขอรับ” เฉิงจินรับคำแล้วเดินหายไป

ถังหยินให้เขาจัดการทุกอย่างตามที่เขาต้องการ และนี่เองก็เป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ทุกคนเกรงกลัวหน่วยศรทมิฬ ที่ขึ้นชื่อในด้านความโหดร้ายทารุณ !

การตามตัวพวกนักเลงในตลาดนั้นง่ายมาก ผิดกับพวกทหารที่โรงชานั่น ดังนั้นเฉิงจิน โอชิงและสหายอีก 2 คนจึงต้องแยกกันไปทำภารกิจ

แท้ที่จริงแล้วทหารพวกนั้นเป็นประเภทที่พบเห็นได้ทั่วไปในเมืองใหญ่แบบนี้ และมันก็ไม่ได้มีแค่เพียงพ่อค้าตลาดกลางคืนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ หากแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่มีใครกล้าจะยื่นเรื่องนี้ให้กับผู้ว่าเลยแม้แต่คนเดียว

พูดให้ถูกก็คือว่าพวกเขานั้นกลัวหวังเหมิง คนที่เป็นเจ้าเมืองเฮิงและจัดการทุกอย่างตามแบบวิธีของตัวเอง ซึ่งผิดกับวิธีที่ถังหยินและหยวนจี้ใช้อย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ ทหารที่เข้าไปในโรงน้ำชาคืนนั้น ก็ไม่ได้มาจากคำสั่งของกองทหารเขตปิงหยวนแต่อย่างใด !

ทหารเมืองเฮิงที่มายังโรงชาเมื่อคืนนั้นเป็นเพราะคำสั่งของหวังเหมิง เขาต้องการจะจัดการละครปาหี่นี้เสีย เพราะกลัวว่าหากข่าวนี้แพร่ไปถึงหูของถังหยินหรือหยวนจี้ ตัวเองจะต้องพบกับจุดจบอันน่ากลัว !

หลังจากยืนยันทุกอย่างแล้ว ตามขั้นตอนถัดไป เฉิงจินจะต้องทำการส่งข้อความไปหาถังหยิน หากแต่เขาเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น

โอชิงและเจียฉีตะลึง “ทำไมเรายังต้องสืบต่อด้วย ?”

“การสอบสวนหวังเหมิง พวกเราต้องค้นหาความจริงและหลักฐานที่จะมัดตัวเขาไว้ให้ได้ ใครจะไปรู้กันเล่าว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากนายท่านสอบสวนมัน และมันยอมที่จะตายแทนเปิดปากพูด !”

ได้ยินแบบนั้น โอชิงกับเจียฉีก็เริ่มคล้อยตามบ้างแล้ว “แล้วเจ้าอยากจะได้อะไรจากมัน ?”

เฉิงจินพูดอย่างจริงจัง “ตรวจสอบการเงินของชายคนนี้ ถ้าเรารู้เรื่องเงินของมันได้ ก็น่าจะเป็นหลักฐานมัดตัวที่ดี รับรองว่าดิ้นไม่หลุดแน่ !”

ได้ยินแบบนั้นทั้งสองก็หัวเราะออกมา ด้วยเพราะชื่นชมความฉลาดของเฉิงจิน

คืนนั้นทั้งสามได้ลอบเข้าไปยังที่พักของหวังเหมิง และด้วยความที่เป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด จึงทำให้พวกเขาไม่มีปัญหาสำหรับภารกิจลอบเร้นนี้เลย อีกทั้งที่พักของคนผู้นี้ก็ยังไม่มีผู้ฝึกยุทธ์คอยเฝ้าอีก มันจึงยิ่งไร้กังวล !

เฉิงจินและทั้งสองใส่เกราะปราณสีดำ นอนแผ่ราบอยู่บนหลังคา ถ้าไม่มีใครสังเกตก็คงมองไม่เห็นพวกเขา

มีคนรับใช้ 2 คนเดินผ่านหน้าบ้าน เปิดโอกาสให้ทั้งสามใช้วิชาสับเปลี่ยนเงาเข้าไปโผล่ด้านข้างของคนรับใช้เหล่านั้น

เจียฉีทำการสับเข้าไปที่ต้นคอของคนรับใช้ผู้หนึ่งอย่างรวดเร็ว ทำให้คนรับใช้สลบไปทันที ส่วนอีกคนที่เห็นภาพนี้ก็ได้แต่หวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก และในขณะที่พยายามจะตะโกน มันก็ได้มีมือเข้ามาปิดปากไว้ !

“หุบปากซะ ถ้าหากมีเสียงเล็ดลอดออกมาละก็ หัวเจ้าหลุดแน่” เฉิงจินกระซิบข้างหู

ชายผู้โชคร้ายไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน เขารีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“พาข้าไปห้องเก็บเงินของหวังเหมิงซะ”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉย เฉิงจินจึงยกมีดขึ้นมาจ่อใบหน้าเขา “อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำสอง”

ชายรับใช้รีบพยักหน้าให้ทันที ด้วยกลัวมีดที่จ่อใกล้ ความลังเลที่เหลือถูกปัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

คลังเก็บเงินของจวนหลังนี้อยู่ชั้นในสุด มีทหารคอยคุ้มครอง หากแต่พวกเขานั้นก็เป็นแค่ทหารธรรมดา ดังนั้นทั้งสองจึงสามารถจัดการคนเหล่านั้นได้อย่างเงียบเชียบและใช้มีดเปิดประตูเข้าไป

ด้านในนั้นมีแต่กล่องจำนวนมาก มีอยู่ราว ๆ 20 กล่องได้

เมื่อพวกเขาเปิดกล่องออก ก็พบกับบทกลอนและภาพวาดที่ดูเก่าแก่มากมาย

เฉิงจินและทั้งสองไม่รู้จักของพวกนี้หรือแม้แต่จะรู้ถึงคุ้นค่าของมัน แต่เมื่อเห็นว่าไม่ใช่เงินทอง ก็ได้แต่ผิดหวังแล้วไปเปิดกล่องอื่น ซึ่งผลที่ได้ก็เหมือนเดิมไม่ต่างกัน พวกเขาไม่เห็นแก้วแหวนเงินทองเลยสักกล่อง

“แม่งเอ๊ย !” เฉิงจินสบถแล้วคว้าคอคนรับใช้มา “มีแค่ที่นี่งั้นเหรอ ?!”

คนรับใช้พยักหน้าให้ “มีแค่ที่นี่แหละ !”

“แล้วเงินจะไปอยู่ไหนได้กัน ? ! หวังเหมิงเอาเงินไปเก็บไว้ที่ไหน !” เฉิงจินข่มขู่เขา และด้วยน้ำเสียงอันโหดเหี้ยมผนวกกับหน้ากากที่สวมใส่ มันก็ทำให้เขาดูน่ากลัวมาก

คนรับใช้แทบจะฉี่ราดอยู่แล้ว เขารีบส่ายหัว “ข้าไม่รู้จริง ๆ …”

เฉิงจินพยักหน้า “อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้านะ” เขาฉีกเสื้อของอีกฝ่ายแล้วเอามาอุดปากเอาไว้ ก่อนจะยกมือขึ้น ตั้งท่าจะแทงเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย !

ทว่าทันใดนั้นเอง โอชิงก็ได้กล่าวขึ้นเสียก่อนที่เขาจะลงมือ “หัวหน้า มีห้องลับอยู่ !”

ได้ยินแบบนั้นเฉิงจินก็พลันชักนิ้วกลับ และหันไปมองทางต้นเสียง

เขาเห็นโอชิงยืนอยู่ตรงหน้ากำแพง และกำลังเอานิ้วเคาะเบา ๆ เพื่อให้เกิดเสียง และเมื่อรู้ว่ามันก้องผิดปกติ นางก็รีบมองหากลไกที่อาจจะอยู่รอบ ๆ ในทันที

เฉิงจินผลักคนรับใช้ออกไปแล้วเดินไปดึงโอชิงออกมา ก่อนที่เขาจะใช้มีดแทงเข้าไปในกำแพง หากแต่ก็ไม่เป็นผลใด ๆ

มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น ! เฉิงจินไม่คิดหยุดมือ เขาทำการตวัดมีดเป็นแนวนอนแล้วก็แนวตั้งจนเกิดเป็นรอยสี่เหลี่ยม และถีบมันอย่างแรง !

ตามมาด้วยเสียงของหนัก ๆ ก่อนที่ชิ้นส่วนที่ถูกถีบจะร่วงลงบนพื้น

เฉิงจินยิ้มให้กับโอชิง “ง่ายกว่าที่คิดอีกเนอะ !”

ห้องลับนี้ไม่ใหญ่มาก หากแต่มันก็อัดแน่นไปด้วยเงินมากมาย มีแท่งเงินเรียงกันหนาตา ซึ่งเมื่อนับแล้วก็ดูจะมีค่าราว ๆ 1 หนึ่งล้าน 8 พันเหรียญเงินเลยทีเดียว

ด้วยฐานะของเมืองเฮิงและความยากจนของเขตปิงหยวน มันจึงช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนักที่หวังเหมิงจะเก็บเงินได้มากมายขนาดนี้

เฉิงจินตกตะลึงไม่ต่างอะไรจากเพื่อนของเขา เช่นเดียวกับคนรับใช้ที่ไม่รู้ว่ามีห้องลับอยู่ด้วย

ไม่นานนักพวกเขาก็ได้สติ ก่อนที่เฉิงจินจะเดินเข้าไปหยิบแท่งเงินขึ้นมาแล้วกล่าว “ช่างเป็นเจ้าเมืองที่ดียิ่งนัก โอชิง เจ้าไปหานายท่านแล้วอธิบายเรื่องนี้ให้เขาฟังซะ”

จากนั้นก็หันไปบอกกับเจียฉี “เจียฉี เจ้าอยู่ที่นี่และอย่าให้ใครเข้ามาได้”

“แล้วเจ้าล่ะ ?” ทั้งสองถามพร้อมกัน

“ข้าเหรอ ? จะไปหาไอ้สารเลวคนนั้นสักหน่อย !”

หลังจากที่พบเงินมากมายในบ้านของหวังเหมิง ก็บอกได้เลยว่าผลลัพธ์ของมันนั้นช่างเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมาก ! ดังนั้นเฉิงจินจึงทำการไล่ล่าหาตัวเจ้าของจวนหลังนี้ ด้วยการช่วยเหลือแกมบังคับจากคนรับใช้ที่คุมตัวมา

ทหารที่คุ้มกันภายในที่พักแห่งนั้น เมื่อพวกเขาพบเห็นชายแปลกหน้าในชุดเกราะกำลังจับตัวคนรับใช้ผู้หนึ่ง พวกเขาก็พากันเข้ามาล้อมคนคนนี้อย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นดังนั้น ชายแปลกหน้าหรือก็คือเฉิงจินจึงทำการปลดเกราะออกแล้วชูตรากองทัพออกมา “ข้าคือแม่ทัพ มาที่นี่เพราะได้รับคำสั่งของท่านผู้ดูแลเขต เจ้าคิดจะขวางทางข้างั้นหรือ ? แสดงว่าพวกเจ้ายังไม่รู้จักชื่อเสียงของศรทมิฬสิท่า จงหลีกไปเสียถ้ายังไม่อยากตาย !” เขาอ้างตัวเองว่าเป็นแม่ทัพของถังหยิน ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้วไม่เลย เขาแค่มีตำแหน่งเทียบเคียงเท่านั้น

แม่ทัพที่ได้รับคำสั่งของผู้ดูแลเขตงั้นหรือ ? เมื่อพวกทหารที่ล้อมรอบได้ยินแบบนี้ พวกเขาก็พลันไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี