บทที่ 114 เข้าใจความคิด

ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย

หนึ่งร้อยสิบสี่ (1)

เข้าใจความคิด

ตันอวี้ฉาคิดไม่ถึงว่าตันหงอี้จะดุด่านางเช่นนี้ น้ำตาจึงไหลพรากอาบพวงแก้มขาวเนียนของนางทันที

นางมองเสวี่ยหยวนจิ้งอย่างขมขื่น เมื่อเหลือบมองเสวี่ยเจียเยว่ จากแววตาขมขื่นก็กลายเป็นความแค้นทันที และจ้องเขม็งอย่างโกรธแค้นอยู่เช่นนั้น ก่อนจะเดินกระทืบเท้าเร่าๆ พลางร้องไห้ออกไป

สาวใช้ที่ติดตามนางมาก็วิ่งตามออกไปทันที

ตันหงอี้มองแผ่นหลังของน้องสาวที่ห่างออกไปด้วยความหงุดหงิดใจ

ถึงอย่างไรนางก็ดีกับเขา เมื่อครู่นี้เขาไม่ควรพูดเช่นนั้นกับนาง ทว่า…

หลังจากเหลือบมองเสวี่ยเจียเยว่ครู่หนึ่ง เขาก็มองไปยังตันอวี้เหอและสั่งนางอย่างจนใจ “น้องสามอารมณ์ฉุนเฉียว เจ้าตามไปดูนางให้ข้าที ไปปลอบใจนางเสียหน่อย”

ตันอวี้เหอพยักหน้าเบาๆ และมองไปยังเสวี่ยเจียเยว่กับเสวี่ยหยวนจิ้ง ก่อนจะพาสาวใช้ของตนออกไปตามตันอวี้ฉา

ตันหงอี้มองพวกนางสองพี่น้องเดินออกไปไกลแล้วถึงได้ถอนสายตากลับมา และประสานสายตากับเสวี่ยเจียเยว่พอดี

แววตาของเสวี่ยเจียเยว่เย็นชาราวกับน้ำแร่ในหุบเขาช่วงฤดูใบไม้ผลิ แม้แต่คำพูดที่เอ่ยออกมายังเย็นชาไม่น้อย

“คุณชายตัน ข้าไปทำสิ่งใดให้เจ้าขุ่นเคือง เจ้าถึงต้องหาเรื่องข้าทุกครั้งที่เจอกัน เหตุใดวันนี้ไม่พูดคุยกับข้าดีๆ หากข้าทำสิ่งใดผิดไปจริงๆ ข้าก็ขอโทษเจ้าและจบเรื่องนี้ลงดีหรือไม่”

เธอไม่อยากวิ่งหนีทุกครั้งที่ได้พบตันหงอี้ แม้ว่าเธอไม่อยากเป็นสหายกับเขา แต่อย่างน้อยลดศัตรูไปได้สักคนก็ยังดี

หากไตร่ตรองอย่างละเอียด เสวี่ยเจียเยว่เคยทำสิ่งใดให้เขาขุ่นเคืองหรือ เมื่อสองปีก่อนเธอทำให้เสื้อผ้าของเขาเปื้อนโคลนเพราะก้อนทองที่เธอโยนกลับไป ต่อมาเขาก็แพ้พนันที่โรงบ่อน แต่จากนั้นทุกครั้งที่ได้พบกับเขา เมื่อทะเลาะกับเธอเขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้หรือไม่

ตันหงอี้รู้ดีว่าความจริงแล้วเขาเพียงทนเห็นเสวี่ยเจียเยว่เมินเฉยและรำคาญเขาไม่ได้ จึงอยากจะให้อีกฝ่ายพูดคุยกับเขาดีๆ และยิ้มให้เขา แม้แต่ตอนที่เสวี่ยเจียเยว่ด่า ความจริงแล้วหัวใจของเขาก็ไม่นึกรำคาญแต่อย่างใด ในทางกลับกันเขามีความสุขยิ่งนัก เพราะรู้สึกเสมอว่าแม่นางน้อยกำลังพูดคุยกับเขา ต่อให้อีกฝ่ายโกรธอย่างไร แต่เขาก็พอใจยิ่งนัก…

ชั่วขณะนั้นเขารู้สึกว่ามีฟ้าร้องคำรามในหัวใจของเขา ชายหนุ่มตระหนักดีว่าเหตุใดตนจึงโกรธเสวี่ยเจียเยว่ง่ายดายเช่นนี้

อันที่จริงแล้วเขาเพียงอยากให้เสวี่ยเจียเยว่ใส่ใจเท่านั้น

เขาจ้องมองแม่นางน้อยด้วยท่าทางตะลึงงัน ก่อนจะเดินออกจากร้านไปด้วยท่าทางเหม่อลอยโดยไม่กล่าวอันใด

เสวี่ยเจียเยว่มองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินห่างออกไป แล้วหันกลับไปเอ่ยถามเสวี่ยหยวนจิ้งอย่างงุนงง “ท่านพี่ เขาเป็นอันใดไปเจ้าคะ”

เสวี่ยหยวนจิ้งไม่กล่าวอันใด เพียงมองตันหงอี้ด้วยนัยน์ตาดำขลับดั่งก้นแม่น้ำลึก

จู่ๆ ตันหงอี้ก็กลายเป็นเช่นนี้ คงเป็นเพราะว่าเขาไตร่ตรองจนเข้าใจแล้ว และเรื่องนั้นจะต้องเกี่ยวกับเสวี่ยเจียเยว่แน่นอน

แม้ว่าเสวี่ยหยวนจิ้งจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตันหงอี้ แต่เขาก็มีท่าทีระมัดระวังตัวขึ้นมาทันที

เขาหันไปมองเสวี่ยเจียเยว่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ต่อไปเจ้าไม่ต้องพบกับตันหงอี้อีก และห้ามพูดกับเขาแม้แต่คำเดียว”

ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือไม่ เสวี่ยเจียเยว่มักจะรู้สึกว่าแววตาเสวี่ยหยวนจิ้งเย็นชาดั่งน้ำแข็งอันเยือกเย็น จนแทบจะทำให้คนที่ได้มองตัวแข็งทื่อทั้งเป็นเสียให้ได้

เธอเพียงตอบรับไป เดิมทีคิดจะถามเสวี่ยหยวนจิ้งว่าเหตุใดจู่ๆ เขาถึงได้มีท่าทางเคร่งขรึมเช่นนี้ แต่ก็ยังไม่กล้า ทำได้เพียงปล่อยผ่านไปเท่านั้น

เสวี่ยเจียเยว่เหลือบมองก้อนทองบนโต๊ะคิดเงิน หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง เธอก็มอบให้เสวี่ยหยวนจิ้ง “ท่านพี่ หากวันไหนท่านว่าง โปรดนำสิ่งนี้ไปคืนเขาแทนข้าทีนะเจ้าคะ”

แม้ว่าเธออยากได้เงินมากเพียงใด แต่ของของคนอื่นจะรับไว้อย่างสบายใจได้อย่างไร เธอย่อมต้องคืนให้ตันหงอี้แน่นอน

เสวี่ยหยวนจิ้งพยักหน้าเบาๆ ก่อนเอื้อมมือไปรับก้อนทองมาถือไว้

จากนั้นก็มีบรรดาฮูหยินและคุณหนูทยอยเข้ามาในร้าน พวกนางล้วนเห็นสหายของตนสวมชุดของร้านซู่ยวี่เซวียน วันนี้จึงตั้งใจเข้ามาดู แต่พวกนางทุกคนนำผ้ามาจากเรือนของตน ดังนั้นกำไรจากการตัดชุดจึงไม่มากเท่าไรนัก