บทที่ 118 รนหาที่ตาย![รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 118 รนหาที่ตาย![รีไรท์]

อารมณ์ของฉู่ชวิ๋นนั้นเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ อุณหภูมิของอากาศรอบ ๆ ก็พลอยต่ำลงเช่นกัน ถางโร้วหายตัวไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่เขายังไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย

มังกรเขียว ลิงทองคำ และงูเขียว ต่างก็อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งสองไม่กล้าหายใจเพราะแรงกดดันของฉู่ชวิ๋นนั้นน่ากลัวเกินไป

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขารู้สึกอับอายและขุ่นเคืองมาก พวกเขาเรียกได้ว่าเป็นจอมยุทธ์ แถมยังเป็นขั้นปรมาจารย์ แค่แกะรอยติดตามตัวถางโร้วแต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ในใจของฉู่ชวิ๋นเริ่มนึกถึงสิ่งที่ศัตรูจะทำกับถางโร้ว หรือว่าจะเป็นเพราะหลิวเสี่ยวไป๋?

ฉู่ชวิ๋นพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ และเขาก็ไปเอะใจกับท่าทีของหลิวเสี่ยวไป๋ ดวงตาของเขาหรี่ลงทันทีพร้อมกับมีแสงวูบวาบ

….

….

“เสี่ยวไป๋ เธอคงไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ควรทำหรอกนะ” หัวหน้าหมายเลขหนึ่งรู้สึกใจไม่เป็นสุข เขารู้สึกว่าเหมือนจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น

“ศิษย์พี่กำลังพูดถึงอะไรคะ?” หลิวเสี่ยวไป๋ถามพร้อมกับยิ้ม

หัวหน้าหมายเลขหนึ่งถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ฉันจะบอกในฐานะศิษย์พี่นะ ขอเตือนว่าอย่าไปทำให้ฉู่ชวิ๋นไม่พอใจ เธอชดใช้ไม่ได้หรอก”

หลิวเสี่ยวไป๋นิ่งไปสักพัก เธอหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ศิษย์พี่คะ พี่ฉู่ชวิ๋นก็ออกไปแล้ว ไม่ต้องแกล้งแล้วน่า”

หัวหน้าสงสัยในสิ่งที่เธอพูดและโพล่งออกมา “แกล้ง? แกล้งอะไร?”

หลิวเสี่ยวไป๋ยังคงยิ้มและพูดถึงการคาดเดาของตัวเอง

หัวหน้าหมายเลขหนึ่งฟังแล้วสีหน้าแย่ทันที เขาไม่เข้าใจนี่ศิษย์น้องของเขามีความคิดโง่ ๆ ว่าเขาเข้าข้างฉู่ชวิ๋นเพราะกลัวเสียหน้าได้ยังไง?

“หรือว่าเธอทำอะไรลงไปจริง ๆ?” หัวหน้าถามอย่างร้อนรน

“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ศิษย์พี่อย่ามาใส่ร้ายกันสิ?” หลิวเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างใสซื่อ

หัวหน้าหมายเลขหนึ่งไม่ได้รู้สึกว่าเธอไร้เดียงสาแต่อย่างใด เขาเดาไม่ถูกเลยว่าน้องสาวคนนี้ทำอะไรไปแล้วบ้าง

“เสี่ยวไป๋ ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องอื่น ฉันจะขอเตือนเธอในฐานะศิษย์พี่ ถ้าหากเธอทำอะไรไปให้รีบแก้ไขซะ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะสายเกินไป”

ทันใดนั้นชายชราก็ตบโต๊ะหินแล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันรู้ว่าแกไม่พอใจกับการกระทำของเสี่ยวไป๋เมื่อครู่นี้ แต่เธอขอโทษ ฉู่ชวิ๋นแล้ว แกเป็นศิษย์พี่ของเธอนะ ต้องปกป้องเธอไม่ใช่เอาแต่ต่อว่า ความสัมพันธ์ทางสำนักแพ้ฉู่ชวิ๋นที่เป็นคนนอกหรือไง?”

หัวหน้าทำอะไรไม่ถูก “อาจารย์ ท่านไม่รู้ว่าฉู่ชวิ๋นเขา….”

“คุณฉู่ จะเข้ามาโดยที่หัวหน้าหมายเลขหนึ่งยังไม่ได้อนุญาตไม่ได้นะครับ” ปรมาจารย์คนหนึ่งที่พยายามห้ามฉู่ชวิ๋นที่ด้านนอกของสวนส่งเสียงดัง

หัวหน้าตัวแข็งทื่อ เขาคงพูดต่อไม่ได้แล้ว

“ให้เขาเข้ามา!” หัวหน้าพูดขึ้น ปรมาจารย์สองคนนั้นไม่มีทางรั้งเขาได้อยู่แล้วละ

ฉู่ชวิ๋นสีหน้าเรียบนิ่ง เขาเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ

“ฉู่ชวิ๋น เพิ่งไปเองทำไมถึงกลับมาล่ะ มีอะไรหรือเปล่า?” หัวหน้าถามขึ้นทันทีที่เห็นฉู่ชวิ๋นเข้ามา

“มีอะไรบางอย่างที่ผมต้องการจะถามคุณหลิว” ฉู่ชวิ๋นพูดเบา ๆ

เขามุ่งเป้าสายตาไปยังหลิวเสี่ยวไป๋ทันที ดวงตาของเขาหรี่ลงและถามออกไป “เธอลักพาตัวถางโร้วไปใช่ไหม?”

การแสดงออกของหลิวเสี่ยวไป๋แข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนที่จะหัวเราะเบา ๆ “ใครเหรอคะถางโร้ว? ทำไมฉันต้องลักพาตัวเธอด้วย พลตรีฉู่ไม่รู้เหรอคะว่าการลักพาตัวนั้นผิดกฎหมาย ทำไมดิฉันต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะคะ?”

“พลตรีฉู่ จริงอยู่ที่ฉันชื่นชมในตัวคุณ แต่ไม่ได้แปลว่าคุณจะมาใส่ร้ายลูกศิษย์ของฉันได้ นี่คุณไม่เห็นหัวฉันเลยใช่ไหม?” ชายชราพูดด้วยความโกรธและเริ่มปกป้องลูกศิษย์ของเขา

“ใช่ คุณมันไม่มีค่าอะไรแล้ว เส้นเอ็นขาดหมด ลมปราณเสียหาย แม้แต่จุดตันเถียนก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ หากไม่ได้รับการรักษาในครึ่งปีก็นอนรอความตายเถอะ” เสียงของฉู่ชวิ๋นนิ่งเรียบ

รูม่านตาของชายชราหดตัวลงอย่างรุนแรง ร่างกายของเขาสั่นเทาเล็กน้อยแล้วก็กลับมาสงบเหมือนเดิมจนผู้คนไม่สามารถสังเกตเห็นได้

หัวหน้าหมายเลขหนึ่งก็หน้าถอดสี ผู้ที่มีความเย่อหยิ่งดั่งราชาคนนี้กำลังตื่นตระหนก เขามองดูชายชราอย่างร้อนรนเพราะแม้ชายชราจะเป็นอาจารย์แต่ก็เป็นพ่อไปตลอดชีวิต

ฉู่ชวิ๋นไม่สนใจชายชราทั้งสองและจ้องมองไปยังหลิวเสี่ยวไป๋ หลิวเสี่ยวไป๋มองกลับมาด้วยท่าทีเหยียดหยามฉู่ชวิ๋นอย่างมากก็เป็นแค่ขั้นนักสู้พลังชีพจรระดับ1 เท่านั้น จะมามองอาการบาดเจ็บของขั้นปรมาจารย์ออกได้ยังไง? คงกำลังหลอกลวงเป็นแน่ เชื่อไม่ได้

“ถ้าปล่อยถางโร้ว อาจารย์ของเธอก็จะรอด” ฉู่ชวิ๋นพูด

หลิวเสี่ยวไป๋ยกมุมปากขึ้นและพูดอย่างเย็นชา “พลตรีฉู่ ฉันเองก็เคารพที่คุณเป็นฮีโร่ของจีนและทำให้ศัตรูกลัวนะ แต่ที่คุณมาลามปามอาจารย์ของฉันแบบนี้ กล้าไปหน่อยหรือเปล่าคะ?”

“เสี่ยวไป๋ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” หัวหน้าโกรธมาก เขาเชื่อว่าฉู่ชวิ๋นไม่มีทางโกหกแน่

“ศิษย์พี่จะเชื่อใจคนนอกที่มาพูดจาใส่ร้ายฉันและดูถูกอาจารย์ของเราได้อย่างไรกันคะ?” หลิวเสี่ยวไป๋ตั้งคำถามกับหัวหน้าด้วยความชอบธรรม

“หลิวเสี่ยวไป๋ ฉันขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเธอเข้าไปยุ่งกับถางโร้วจริง ๆ ให้ยอมรับเสียแต่โดยดีในตอนนี้ ไม่งั้นเธออย่าหาว่าฉันไม่เห็นความสัมพันธ์ทางสำนัก!” หัวหน้าหมายเลขหนึ่งเริ่มโกรธ ใบหน้าของเขาเย็นชาขึ้นมาแล้วในตอนนี้

“ดูเหมือนว่าศิษย์พี่จะเชื่อสนิทใจว่าฉันเป็นคนลักพาตัวถางโร้วนะคะ ถึงได้ใจดำใส่ร้ายฉันแบบนี้ หากเป็นเช่นนี้ ฉันก็ไม่มีอะไรพูดค่ะ ท่านเป็นผู้นำประเทศฉันเป็นแค่เด็กผู้หญิงอ่อนแอ จะฆ่าจะแกงยังไงก็แล้วแต่ ฉันยอม”

ใบหน้าของหัวหน้ากลายเป็นสีแดงทันที ถ้าอาจารย์ไม่อยู่ตรงนี้เขาต้องเข้าไปตบหน้าเธอแล้วอย่างแน่นอน

“หนวกหู!”

การแสดงออกของฉู่ชวิ๋นไม่แยแสและไม่อยากจะทนแล้ว มือของเขาแบออกเหมือนกรงเล็บขนาดใหญ่ทรงพลังแล้วก็มีลมปราณพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา

หลิวเสี่ยวไป๋หน้าถอดสีทันที สีหน้าของเธอตะลึงและหวาดกลัว ร่างกายของเธอลอยไปหาฉู่ชวิ๋น

เธอพึ่งจะฝึกพ้นขั้นนักสู้พลังชีพจรระดับ1 มาหมาด ๆ แต่ในเวลานี้เธอเหมือนกระดาษที่ไม่ว่าจะดิ้นรนแค่ไหนร่างกายของเธอก็ถูกดึงเข้าหาฉู่ชวิ๋นด้วยแรงดูด

“อาจารย์ช่วยด้วย….!” หลิวเสี่ยวไป๋ตื่นตระหนก ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ชายชรากังวลและกำลังจะเคลื่อนไหว แต่แล้วก็เห็นมืออีกข้างของฉู่ชวิ๋นยกขึ้นเบา ๆ และปรากฏเส้นไหมวิญญาณนับโหลพุ่งเข้ามาพันธนาการเขาไว้

ดวงตาของชายชราเบิกกว้างทันทีและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสยดสยอง ชายชราพยายามรวบรวมลมปราณมาให้มากที่สุด แต่มันก็ถูกบีบเข้าสู่บริเวณหัวหน่าวไม่สามารถขยับได้ สิ่งนี้ทำให้จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

หลิวเสี่ยวไป๋กรีดร้องและดิ้นรน แต่มันก็ไร้ประโยชน์ คอเรียวขาวที่เหมือนหงส์ของเธอได้ตกอยู่ในกำมือของฉู่ชวิ๋นแล้ว ฉู่ชวิ๋นรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าคนแบบนี้เถียงด้วยก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เขากะจะใช้ทักษะดูดจิตวิญญาณในการเซาะหาเรื่องราวตรง ๆ

ตึก!

มีสิ่งหนึ่งตกลงมาบนตัวของหลิวเสี่ยวไป๋ นั่นคือโทรศัพท์ของเธอ

“ฉู่ชวิ๋น เดี๋ยวก่อน!” หัวหน้าตะโกนเรียกอย่างกังวล

ฉู่ชวิ๋นเหลือบมองไปที่หัวหน้า และหัวหน้าหมายเลขหนึ่งก็หยิบโทรศัพท์ของเธอตกอยู่ที่พื้นขึ้นมา “ฉู่ชวิ๋น เราไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าการหายตัวไปของถางโร้วเกี่ยวข้องกับเธอ แต่ไม่ต้องกังวล เราสามารถตรวจสอบโทรศัพท์ของเสี่ยวไป๋ได้ ถ้าเธอทำจริง ๆ มันจะมีเบาะแสในโทรศัพท์แน่นอน”

ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้ว และเขาก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ เพราะถ้าเขาใช้ทักษะดูดจิตวิญญาณได้ มันก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ความจริง เขาเกรงว่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับหัวหน้าและชายชราที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด แม้ว่าเขาจะไม่สนใจว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่ แต่เขาก็ไม่ต้องการสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็นโดยไม่มีเหตุผล

โทรศัพท์นั้นต้องปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ หัวหน้าจึงจับนิ้วของหลิวเสี่ยวไป๋ขึ้นมาแตะทีละนิ้วและในที่สุดก็ปลดล็อกได้สำเร็จ ดวงตาของหลิวเสี่ยวไป๋หวาดกลัวมากยิ่งขึ้น เพราะเธอไม่ได้ลบเบอร์นั้นทิ้งจากการโทรครั้งก่อน

หัวหน้าหมายเลขหนึ่งโทรไปยังสายล่าสุดที่เธอโทรออกในทันที หลังจากเสียงเรียกเข้าจบลง ก็มีเสียงที่รุนแรงดังขึ้น

“เสี่ยวไป๋ คิดถึงฉันเหรอ? แต่ว่าช่วงนี้ฉันไม่มีเวลามาเอาใจใส่เธอหรอกนะ ฉันต้องเก็บแรงไว้จัดการถางโร้ว เธอรู้ไหมว่านางนั้นแสบแค่ไหน? เธอใช้สิ่งที่คล้ายกับกระจกทำร้ายฉัน ตอนนี้ฉันเข้าไปหาเธอไม่ได้ เธอก็ออกมาไม่ได้ แต่ว่าอาหารของเธอก็ใกล้หมดแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะออกมาให้ฉันเล่นเองแหละ คิก ๆๆ”

อีกฝั่งของสายนั้นดูเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมาก แต่พอเขาพบว่าหลิวเสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไรก็รู้สึกแปลกและสงสัยขึ้นมา “นี่เสี่ยวไป๋ ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ?”

แน่นอนว่าหลิวเสี่ยวไป๋ไม่ได้อยู่ในภาวะที่รับสายได้ หลังจากรับสายใบหน้าของเธอซีดตาของเธอหมองคล้ำ

“แกเป็นใคร?” ฉู่ชวิ๋นพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่ได้ยินน้ำเสียงทุเรศ ๆ นั้นพูดจบ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ

อีกฝ่ายสะดุ้งอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว หัวหน้ามองไปยังหลิวเสี่ยวไป๋ด้วยแววตาที่ลุกเป็นไฟ เขาเตือนจนไม่รู้จะเตือนอย่างไรแล้วแต่เธอก็ไม่ฟัง ตอนนี้ร่างบางนั้นมีเหงื่อท่วมตัวไปหมด

ชายชราโกรธและเจ็บปวดมาก เขาไม่คิดว่าลูกศิษย์แสนรักของตัวเองจะทำได้ถึงขนาดนี้ ฉู่ชวิ๋นที่ปราศจากความรู้สึก โยนร่างของหลิวเสี่ยวไป๋กระแทกไปยังม้าหินอ่อนที่อยู่ห่างออกไป

ตู้ม!

โต๊ะดินแตกกระจายทันที เหยือกน้ำและแก้วกระเด็นไปทั่ว หลิวเสี่ยวไป๋กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ผมกระเซิงและเลือดไหลออกมาทางปาก รวมถึงความอับอายที่ได้รับทางใจอีกด้วย