ตอนที่ 183 งานเลี้ยงครบรอบ (14) กวนประสาทวันละนิดจิตแจ่มใส / ตอนที่ 184 งานเลี้ยงครบรอบ (15) มาถึงก็ทรมานคนโสดเลย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 183 งานเลี้ยงครบรอบ (14) กวนประสาทวันละนิดจิตแจ่มใส

 

 

สีหน้าของซูเหิงในเวลานี้ซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด มือที่รั้งเฉินเชียนโหรวไว้แข็งเกร็งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่มองตามฝานซิงที่กำลังเดินลงเวทีไปโดยไม่ละสายตา

 

 

เฉินเชียนโหรวสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเขาอย่างชัดเจน เธอเม้มริมฝีปาก ก่อนจะสะบัดตัวให้หลุดออกจากอ้อมแขนของซูเหิง แล้วรีบวิ่งซวนเซลงเวทีพลางตะโกนตามหลังเฉินฝานซิง

 

 

“พี่คะ เรื่องความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ พี่เหิงเองก็ดิ้นรนอย่างเจ็บปวดมาเสมอ ฉันก็รู้สึกผิดกับพี่เหมือนกัน หลายปีมานี้ ฉันอยากจะสารภาพกับพี่ตรงๆ ตลอด…ขอโทษนะคะ เป็นความผิดของฉันเอง ใช่แล้วล่ะ เป็นฉันเองที่ไม่รู้จักควบคุมความรู้สึกของตัวเอง เป็นฉันเอง…”

 

 

“พอได้แล้ว เชียนโหรว ไม่ต้องพูดแล้ว เป็นเพราะฉันเอง ฉันทำผิดต่อเฉินฝานซิง ไม่เกี่ยวกับเธอเลย”

 

 

“ไม่ค่ะ พี่เหิง เป็นเพราะฉัน ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน…”

 

 

ซูเหิงพุ่งเข้าไปกอดเฉินเชียนโหรวที่กำลังร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสายน้ำเอาไว้ในอ้อมกอดด้วยสีหน้าเจ็บปวดและรู้สึกผิด

 

 

เฉินฝานซิงชะงักฝีเท้า หันหน้าไปมองคนสองคนที่กำลัง ‘มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน’ คู่นั้น พลางเบะริมฝีปากด้วยความเย็นชา “ที่พูดเรื่องพวกนี้ออกมาต้องการจะสื่ออะไรเหรอ อยากจะให้ฉันอวยพรพวกเธอหรือยังไง” เฉินฝานซิงพยักหน้า “หญิงร้าย ชายเลว พวกเธอก็เหมาะสมกันดีนี่ ขอให้พวกเธอโชคดีนะ”

 

 

สิ้นเสียงพูดของเฉินฝานซิง หน้าจอแอลอีดีบนเวทีก็ส่องแสงสว่างวาบ ทันใดเองก็มีรูปการ์ตูนเด็กคู่หนึ่งที่ใส่เสื้อเอี๊ยมผูกเอวสีแดงกำลังส่ายก้นเปลือยเปล่าไปมาปรากฏขึ้น

 

 

ขณะเดียวกัน เสียงเด็กน้อยเล็กแหลมก็ดังประกอบขึ้นมาด้วย

 

 

“ขอแสดงความยินดีแก่พี่สาวเฉินเชียนโหรวและพี่ชายเหิงตัวน้อยที่ปิดฉากความสัมพันธ์หลบๆ ซ่อนๆ และได้คบกันอย่างเปิดเผยในที่สุด ทั้งสองเป็นคู่บุพเพสันนิวาส คู่สร้างคู่สม ขอให้ไม่แยกจากกันไปชั่วชีวัน นิจนิรันดร์ ถือไม่เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร สรรค์สุขให้ปวงประชา”

 

 

เสียงแหลมเล็กของเด็กน้อยก้องกังวานไปทั่ว

 

 

ทุกคนต่างก็เงียบกริบ

 

 

เฉินฝานซิงเบ้ปากขึ้นมากะทันหันอย่างควบคุมไม่ได้

 

 

นี่มัน…

 

 

พี่สาวเฉินเชียนโหรวตัวน้อย?

 

 

พี่ชายซูเหิงตัวน้อย?

 

 

นี่เป็นฝีมือของใครกันแน่

 

 

อย่าบอกนะว่าเป็นป๋อจิ่งชวน…

 

 

ไม่อย่างนั้นภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติที่ผ่านมาของเขาได้พังทลายลงไปจริงๆ แน่

 

 

นี่เขากวนประสาทขนาดนี้เลยเหรอ

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ เสียงพลุก็ดังกึกก้อง ทันใดนั้นเองหน้าจอแอลอีดีก็เต็มไปด้วยภาพของดอกไม้ไฟ เสียงปุงปังดังสนั่นไปทั่ว ด้านบนสุดของหน้าจอมีตัวหนังสือตัวใหญ่ปรากฏขึ้น

 

 

[ทั่วแดนร่วมฉลอง]

 

 

“ฮ่ะ…” ในที่สุดเฉินฝานซิงก็กลั้นไว้ไม่ไหว หลุดหัวเราะออกมา

 

 

ใครกันที่มากความสามารถขนาดนี้

 

 

กวนประสาทได้ถึงขั้นนี้เลยเหรอ

 

 

ขออย่าให้เป็นป๋อจิ่งชวนเด็ดขาด!

 

 

ขออย่าให้เป็นป๋อจิ่งชวนเด็ดขาด!

 

 

 

 

ขออย่าให้เป็นป๋อจิ่งชวนเด็ดขาด!

 

 

ภาพที่วาดฝันไว้จะพังทลายไปหมดจริงๆ

 

 

เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าใบหน้าที่แทบจะสมบูรณ์จนไร้ที่ติและจนใช้คำว่า “สูงส่ง” มาบรรยายได้อย่างไม่มีข้อโต้แย้งนั้นจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้

 

 

เสียงหัวเราะเบาๆ ของเฉินฝานซิงทำลายบรรยากาศเงียบสงัดตรงนั้นได้สำเร็จ

 

 

วินาทีถัดมา ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น

 

 

“พี่ชายตัวน้อย พี่สาวตัวน้อย ใครกันที่มีอารมณ์ขันขนาดนั้น”

 

 

“บุพเพสันนิวาส คู่สร้างคู่สม หญิงร้ายชายเลวนี่เหมาะสมกันจริงๆ ด้วยสินะ”

 

 

“สรรค์สุขให้ปวงประชา ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ไหวแล้ว ขำจะตายแล้ว ห้ามเลิกกันเด็ดขาดเลยนะ พวกเราไม่อยากโดนหญิงร้ายชายเลวทำร้าย”

 

 

สีหน้าของเฉินเชียนโหรวและซูเหิงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้นๆ พวกเขาหน้าเหวอจนไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าออกมาอย่างไร

 

 

เฉินฝานซิงที่ยืนอยู่ไกลออกไปชายตามองเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าไปทางพวกเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ยินดีด้วย”

 

 

เสียงหัวเราะรอบข้างดังขึ้นกว่าเดิม

 

 

เฉินฝานซิงทิ้งท้ายไว้ด้วยคำสั้นๆ แล้วเดินจากไปทันที

 

 

ในเวลานั้นเองที่เจียงหรงหรงเพิ่งจะได้สติกลับมาอย่างกะทันหัน เธอรีบลงเวทีไป

 

 

“แก หยุดเดี๋ยวนี้”

 

 

น้ำเสียงแหลมสูงของเธอดังขึ้น เฉินฝานซิงทำเหมือนไม่ได้ยิน มุ่งหน้าไปยังประตูทางออกต่อไป

 

 

ทว่า ทันใดนั้นเอง บอดี้การ์ดรูปร่างสูงใหญ่สี่คนก็เข้ามาขวางเธอเอาไว้

 

 

เจียงหรงหรงเดินไปหาเธอพลางพูดขึ้นด้วยความโมโห

 

 

“เลือดที่ไหลอยู่ในตัวของแกคือเลือดสกุลเฉิน ความสัมพันธ์ทางสายเลือด เป็นสิ่งที่เธอคิดจะตัดก็ตัดได้เลยอย่างนั้นเหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงใบหน้าเฉยชา กำลังจะเอ่ยปากพูด จู่ๆ ก็มีบอดี้การ์ดชุดดำสิบคนที่มาจากด้านนอกเข้ามาคุมบอดี้การ์ดสี่คนนั้นไว้ได้อย่างง่ายดาย เฉินฝานซิงถูกล้อมกันไว้อยู่ตรงกลาง

 

 

ขณะนั้นเอง น้ำเสียงเยือกเย็นก็ดังขึ้นจากทางด้านประตูงานเลี้ยง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 184 งานเลี้ยงครบรอบ (15) มาถึงก็ทรมานคนโสดเลย

 

 

ขณะนั้นเอง น้ำเสียงเยือกเย็นก็ดังขึ้นจากประตูงานเลี้ยง

 

 

“ขอแค่เป็นความต้องการของเธอ มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ด้วยเหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงใจเต้นรัวขึ้นมาในทันที เสียงนี้มัน…

 

 

เขากลับมาแล้ว!

 

 

แต่ว่า เขาไม่ได้ไปดูงานที่ยุโรปอยู่เหรอ

 

 

ไหนบอกว่าอย่างน้อยต้องอาทิตย์หนึ่งถึงจะกลับมา นี่ยังไม่ทันถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ

 

 

ใจหนึ่งเธอพยายามกล่อมตัวเองว่าได้ยินผิดไป แต่อีกใจก็อดคาดหวังไม่ได้

 

 

สุดท้ายเธอก็อดใจไม่ไหวจนต้องขยับเดินไปทางประตูสองก้าวเพื่อชะเง้อมอง และแล้วก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เธอเห็นชายหนุ่มที่ไม่ได้เจอกันหกวันเต็มๆ กำลังย่างสามขุมมาทางเธอทีละก้าว ทีละก้าว

 

 

ร่างสูงใหญ่กำยำของเขาอยู่ภายใต้ชุดสูทสีดำทรงตรง ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีใครเทียม ท่าทางที่สูงส่งดูสง่างามอย่างเป็นธรรมชาติทำให้แม้แต่ปกเสื้อเชิ้ตสีขาวที่อยู่บนคอยังแผ่ซ่านรังสีความแพงออกมาจนยากจะบรรยาย

 

 

ดูเหมือนชายหนุ่มจะเห็นเธอแล้ว ใบหน้านิ่งเรียบลึกล้ำค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา ทำเอาขอบตาของเฉินฝานซิงเริ่มร้อนผ่าว ภายในรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

ใช่เขาจริงๆ ด้วย

 

 

อวี๋ซงที่เดินอยู่ข้างป๋อจิ่งชวนรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว

 

 

นอกจากจะรู้สึกราวกับกำลังจะโดนฟองสบู่สีชมพูของทั้งสองคนท่วมจนตายแล้ว ยังรู้สึกเก้ๆ กังๆ ผิดปกติ

 

 

นี่เขาดูไร้ตัวตนขนาดนั้นเลยเหรอ

 

 

นี่ยังมีเขาตัวเป็นๆ อยู่ข้างคุณผู้ชายอีกทั้งคนนะ

 

 

สายตาของคุณหนูเฉินจะแบ่งให้เขาบ้างสักนิดไม่ได้เลยหรือไง

 

 

ทุกคนต่างก็กำลังตะลึงงันกับบอดี้การ์ดที่จู่ๆ ก็ล้นทะลักเข้ามาในงานอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง

 

 

ยังไม่ทันตั้งสติกลับมาได้ บอดี้การ์ดสี่คนเมื่อครู่นี้ก็ถูกจัดการลงไปกองอยู่กับพื้นเรียบร้อยแล้ว

 

 

อีกอย่าง ต่อให้เป็นคนที่ไม่เข้าใจเรื่องการต่อสู้ แต่จากท่าทางที่พวกเขาใช้เมื่อครู่ก็ดูรู้แล้วว่า พวกเขาไม่เพียงแต่เคยได้รับการฝึกฝน แต่ยังได้รับการฝึกฝนแบบเฉพาะทางมาด้วย

 

 

เจียงหรงหรงอึ้งไปอยู่ครู่ใหญ่ถึงจะค่อยๆ เรียกสติกลับคืนมาได้

 

 

เธอขมวดคิ้วมุ่นพลางเดินขึ้นหน้าในทันที

 

 

เฉินฝานซิงถูกล้อมไปด้วยบอดี้การ์ดสิบคนจนแน่นหนา แทบไม่มีอากาศถ่ายเท

 

 

สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ป๋อจิ่งชวนตลอดเวลา จากไกลเป็นใกล้ ประกายในดวงตาฉายชัดขึ้นกว่าเดิม ร่างของป๋อจิ่งชวนกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ เพราะระดับความสูงที่ต่างกันทำให้คอยาวระหงของเธอค่อยๆ เงยขึ้นโดยไม่รู้ตัว

 

 

จวบจนกระทั่งป๋อจิ่งชวนมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ เธอยังคงเงยหน้ามองใบหน้างดงามไร้ที่ติของเขาอยู่อย่างนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา

 

 

เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกของเฉินฝานซิง ดวงตาสีดำสนิทของป๋อจิ่งชวนพลันเปื้อนด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม

 

 

“คุณ…คุณทำไมถึงได้…”

 

 

เฉินฝานซิงพูดจาตะกุกตะกัก แต่ยังไม่ทันพูดจบ ป๋อจิ่งชวนก็โน้มตัวลงมา ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลจะประทับลงมาต่อหน้าต่อตาเธอโดยไม่ทันตั้งตัว

 

 

ใช่เขาจริงๆ ด้วย

 

 

อวี๋ซงที่อยู่ด้านข้างรีบกลับหลังหันไปอีกฝั่งรออยู่แล้ว เขาแอบเบ้ปากเล็กน้อยโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็นก่อนจะเดิมอ้อมบอดี้การ์ดพวกนั้นไปด้านหน้า

 

 

ป๋อจิ่งชวนผละตัวออกจากเฉินฝานซิงแล้วมองเธอยิ้มๆ

 

 

ในที่สุดเฉินฝานซิงก็เรียกสติกลับมาได้

 

 

“ทำไมคุณจู่ๆ ถึงได้…”

 

 

เสียงทุ้มต่ำในลำคอของป๋อจิ่งชวนแฝงไปด้วยความสุข น้ำเสียงทุ้มนุ่มทั้งยังอบอุ่น

 

 

“ท่าที่คุณเงยหน้ามองผมเมื่อกี้ ดูเหมือนกำลังขอจูบผมอยู่เลย”

 

 

เฉินฝานซิงหน้าแดงจนลามไปถึงใบหู “คุณพูดเพ้อเจ้ออะไร ฉันไม่ได้ทำสักหน่อย”

 

 

ป๋อจิ่งชวนเข้าประชิดตัวเธออีกครั้ง นัยน์ตาดำขลับเต็มไปด้วยแววตาหยอกกระเซ้า

 

 

“แน่ใจหรือเปล่า”