ภาคที่ 1 บทที่ 95 การรักษาที่น่าเหลือเชื่อ

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 95 การรักษาที่น่าเหลือเชื่อ

ภายใต้การนำของหลี่เคอหมิง

พวกเขาทั้งสี่คนก็เดินออกจากห้องตรวจคนไข้ และก้าวเข้าไปสู่ห้องฝังเข็มที่อยู่ติดกัน

เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องฝังเข็ม

ทั้งอาจารย์ และลูกศิษย์แพทย์แผนจีนที่กำลังเรียนเรื่องวิชาฝังเข็มต่างก็ตกตะลึง

ทุกสายตาของกลุ่มคนเหล่านั้นล้วนจ้องมองมายังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลี่เคอหมิงเป็นตาเดียว

นี่คือซูเย่อย่างนั้นหรือ?

นักศึกษาจากคณะวิจัยสมุนไพรที่ปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงกำลังจะรับเป็นลูกศิษย์คนใหม่น่ะนะ?

ความสงสัยใคร่รู้ฉายชัดในดวงตาของบรรดาแพทย์ฝังเข็ม

อย่าว่าแม้แต่เหล่าอาจารย์จะจ้องมองชายหนุ่มด้วยความสงสัย แม้แต่ลูกศิษย์แพทย์ด้วยกันเองก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองซูเย่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ซูเย่ไม่สนใจสายตาของกลุ่มคนเหล่านั้น และช่วยประคองเด็กสาวขึ้นไปนั่งบนเตียง

“เรียบร้อยแล้วครับ อาจารย์หลี่”

“ดีมาก”

หลี่เคอหมิงพยักหน้าตอบรับโดยไม่ลังเล ก่อนที่เขาจะเดินไปล้างมือเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการฝังเข็มคนไข้

หลังจากฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว นายแพทย์ใหญ่ก็นำอุปกรณ์สำหรับการฝังเข็มแบบใช้แล้วทิ้งออกมาพร้อมกับอธิบายให้ซูเย่รับฟังว่า

“หลังจากนี้ฉันขอให้เธอตั้งใจดูให้ดี ฉันจะอธิบายรายละเอียดให้ฟัง”

ซูเย่พยักหน้ารับทราบ

หลี่เคอหมิงก้มหน้าสำรวจข้อเท้าของเด็กสาวอีกครั้ง

“เท้าคนไข้สัมผัสพื้นไม่ได้ แต่ไม่มีร่องรอยของกระดูกแตกหัก”

“คนไข้มีอาการเจ็บปวด ลิ้นเป็นสีแดงอ่อน มีฝ้าขาวปกคลุมเล็กน้อย ชีพจรลอย เป็นสัญญาณบอกว่ากล้ามเนื้อข้อเท้า และเส้นเลือดในบริเวณนั้นอักเสบ ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก และพลังลมปราณขาดสมดุล”

“ตำแหน่งที่ควรฝังเข็มประกอบไปด้วย จุดชิวซวี จุดผูชาน จุดจู๋ซานหลี่ และจุดอาซื่อ”

ในราชวังแห่งความทรงจำของซูเย่กำลังแสดงภาพตำแหน่งของจุดฝังเข็มแต่ละจุดนั้นขึ้นมาโดยทันที

“สิ่งที่เธอต้องสังเกตให้ใกล้ชิดก็คือ ขั้นตอนที่ฉันฝังเข็มคนไข้ รวมถึงเรื่องน้ำหนักมือด้วยเช่นกัน” ระหว่างที่พูด หลี่เคอหมิงก็จัดการปักเข็มเล่มแรกลงไปที่จุดผูชานบริเวณข้อเท้าของเด็กสาว

คุณหมอหลายคนที่ยืนดูอยู่ด้านข้างพลันถามออกมาด้วยความแปลกใจว่า “อาจารย์หลี่ คุณแน่ใจว่าจะสอนลูกศิษย์แบบนี้หรือ?”

คนถามผายมือมาที่ซูเย่ และกล่าวต่อ “เห็นว่าเขาเพิ่งเรียนเกี่ยวกับการรักษาคนไข้ได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน ซ้ำยังไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการฝังเข็มมาก่อน อาจารย์น่าจะเริ่มจากการอธิบายทฤษฎีขั้นพื้นฐาน ก่อนที่จะเริ่มสาธิตวิธีการฝังเข็มให้เขาดูไม่ใช่หรือครับ?”

ได้ยินดังนั้น บรรดานักศึกษาแพทย์แผนจีนที่ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ก็พร้อมใจกันพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

กว่าที่พวกเขาจะได้เห็นการฝังเข็มจริง ๆ อย่างนี้ ก็ต้องเรียนทฤษฎีเกี่ยวกับการฝังเข็ม และการรมยามาไม่ต่ำกว่าสองปี

นี่ไม่เท่ากับว่าอาจารย์หลี่ตามใจลูกศิษย์มากเกินไปหรือ?

หลี่เคอหมิงพลันยิ้มมุมปาก และหันไปขยิบตาส่งสัญญาณให้แก่ซูเย่

ชายหนุ่มเข้าใจความหมายได้ไม่ยาก

เขาเริ่มท่องเนื้อหาที่มีอยู่ในตำราการฝังเข็ม และการรมยาฉบับโบราณออกมาเสียงดัง

“องค์จักรพรรดิหวงตี้ทรงถามว่า : อันโรคร้ายบนโลกนี้มีอยู่มากมาย แต่ละโรคก็มีสาเหตุแตกต่างกันไป แล้วเราจะสามารถรักษาผู้คนได้อย่างไรบ้าง?…”

“หมอยาตอบว่า : โลกใบนี้มีจุดกำเนิดอยู่ที่ดินแดนตะวันออก ซึ่งเป็นดินแดนที่มีข้าว ปลา และแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ พวกเรามีเกลือจากทะเล พวกเรามีปลาจากทะเล พวกเรารับประทานปลา และได้แร่ธาตุจากเกลือทะเล อาหารเหล่านี้นอกจากมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังทำให้ร่างกายของผู้รับประทานแข็งแรงอีกด้วย เพราะแร่ธาตุที่อยู่ในเกลือทะเลนั้นมีความสำคัญมาก ตราบใดที่ผู้คนรับประทานอาหารให้ได้แร่ธาตุตามที่ร่างกายต้องการ โรคภัยไข้เจ็บก็จะเกิดขึ้นได้ยากมากพ่ะย่ะค่ะ…”

“องค์จักรพรรดิหวงตี้ทรงถามว่า…”

“นี่มันเนื้อหาที่อยู่ในตำราการฝังเข็ม และการรมยาฉบับโบราณไม่ใช่เหรอ”

ทุกคนที่อยู่ในห้องฝังเข็มต่างก็จ้องมองไปที่ซูเย่ด้วยความเหลือเชื่อ

พวกเขาไม่คิดเลยว่าเด็กใหม่คนนี้จะสามารถจดจำเนื้อหาในตำราโบราณได้ขึ้นใจทั้งหมด

น่าอายตรงที่แม้แต่พวกเขาเองก็จดจำไม่ได้เท่าซูเย่ด้วยซ้ำ

พื้นฐานความทรงจำที่ยอดเยี่ยมระดับนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นพวกแพทย์ฝึกหัดที่จบการศึกษาแล้วเท่านั้น

แพทย์ฝังเข็มคนที่ตั้งคำถามในความสามารถของซูเย่ชำเลืองมองชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะหันมายกนิ้วโป้งชื่นชมหลี่เคอหมิงโดยปราศจากความลังเล

เขาไม่สงสัยอีกต่อไปแล้วว่าเพราะเหตุใดปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงถึงอยากจะรับตัวชายหนุ่มคนนี้เป็นลูกศิษย์!

หลี่เคอหมิงเพียงยิ้มเล็กน้อย และสอนเรื่องการฝังเข็มต่อไป

เมื่อปลายเข็มถูกปักลงไปที่จุดผูชานบนข้อเท้าของเด็กสาวเรียบร้อย นายแพทย์ใหญ่ก็บิดด้ามจับเข็มเล็กน้อย

ซูเย่ชะโงกหน้าเข้าไปดูอย่างใกล้ชิด และเอื้อมมือไปหยิบเข็มเล่มหนึ่งออกมาจากชุดเข็มสำหรับใช้แล้วทิ้ง จากนั้นเขาก็ยกเท้าของตนเองขึ้นมาวางไว้บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง และปักเข็มลงไปบนข้อเท้าของตนเองหน้าตาเฉย

เห็นดังนั้น

บรรดาแพทย์ฝังเข็ม และเหล่าลูกศิษย์ต่างก็ไม่เชื่อในสายตา

เพราะมันเป็นตำแหน่งเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน!

ซูเย่สามารถปักเข็มเล่มแรกลงบนข้อเท้าของตนเองอย่างแม่นยำถึงขนาดนี้ได้อย่างไร? มิหนำซ้ำ เขายังไม่ลังเลใจเลยแม้แต่นิดเดียว นับดูในโลกนี้มีใครบ้างที่จะกล้าปักเข็มใส่ตัวเองโดยไม่เกิดอาการหวาดกลัวหรือลังเลใจ

อีกอย่าง นอกจากจุดฝังเข็มที่ซูเย่ปักลงไปจะมีความแม่นยำแล้ว ตัวเข็มยังถูกปักอย่างมั่นคง ไม่คลอนแคลนอีกด้วย

แน่ใจนะว่าเขาไม่ใช่เด็กจากคณะแพทย์แผนจีน และไม่เคยเรียนวิชาการฝังเข็มมาก่อน?

ซูเย่ไม่สนใจสายตาจากคนรอบกาย และเริ่มเรียนรู้วิธีการบิดเข็มจากหลี่เคอหมิง ก่อนที่จะหมุนด้ามจับเข็มบนข้อเท้าของตนเองอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของพลังลมปราณในร่างกายตนเอง

มันช่วยปรับการไหลเวียนของพลังลมปราณตามที่อาจารย์หลี่บอกไว้จริง ๆ ด้วย

“จุดต่อไปคือจุดจู๋ซานหลี่ใช่ไหมครับ”

หลี่เคอหมิงหันมามองหน้าซูเย่ด้วยความแปลกใจ จากนั้นจึงพยักหน้า และนำเข็มปักลงไปบนจุดที่สองของคนไข้

คราวนี้ นายแพทย์ใหญ่ไม่ต้องทำอย่างเชื่องช้าอีกแล้ว เข็มแรกเขาตั้งใจปักอย่างช้า ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าซูเย่จะสามารถมองเห็นได้ชัดเจน

เข็มถูกปักลงไปอย่างรวดเร็วมาก เด็กสาวยังไม่ทันรู้สึกถึงความเจ็บจี๊ดด้วยซ้ำ การฝังเข็มจุดที่สองก็เสร็จสิ้นเรียบร้อย

ซูเย่นำเข็มเล่มที่สองปักลงไปบนข้อเท้าของตนเองบริเวณเดียวกับเด็กสาวโดยไม่รอช้า

ยังคงแม่นยำเหมือนเดิม!

ขณะนี้ ทุกคนที่เห็นภาพนั้นต่างก็มั่นใจว่าซูเย่ต้องไม่ใช่คนหน้าใหม่สำหรับศาสตร์การรักษาคนไข้ด้วยการฝังเข็มแน่นอน

เพราะเขาสามารถค้นพบจุดฝังเข็มได้อย่างแม่นยำ!

ในเวลาเดียวกันนั้น

ซูเย่เลียนแบบการฝังเข็มของหลี่เคอหมิงทุกขั้นตอนโดยใช้ข้อเท้าของตนเองเป็นเครื่องมือทดลอง หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็ต้องประหลาดใจกับการไหลเวียนของพลังลมปราณที่เปลี่ยนไปในร่างกายของตนเอง มันทำให้เขาสามารถควบคุมพลังลมปราณได้ดีขึ้น และพลังลมปราณของเขาก็สามารถไหลเวียนได้อย่างสะดวกปลอดโปร่งมากยิ่งขึ้น

“แบบนี้มันก็ช่วยทำให้เราโคจรพลังลมปราณได้ง่ายมากกว่าเดิมน่ะสิ…”

ซูเย่คิดอยู่ในใจด้วยความยินดี

“จุดต่อไปจุดชิวซวี”

ในไม่ช้า การฝังเข็มรักษาอาการข้อเท้าพลิกของเด็กสาวก็ผ่านพ้นไป

“เริ่มรู้สึกหายเจ็บบ้างหรือยังเอ่ย?”

หลี่เคอหมิงถามเด็กสาวพร้อมกับยิ้มอย่างมีเมตตา “ดูจากผลลัพธ์การรักษาครั้งนี้แล้ว แค่มาฝังเข็มต่อเนื่องประมาณสามวัน อาการบวมและความเจ็บปวดที่ข้อเท้าของเธอจะต้องหายดีเป็นปลิดทิ้งแน่นอน”

“เดี๋ยวฉันจะเขียนใบสั่งยาให้นะ แล้วเธอก็มาฝังเข็มตามเวลานัดด้วยล่ะ”

“ขอบคุณมากค่ะคุณลุงหมอ”

หลังจากนั้น หลี่เคอหมิงกับซูเย่ก็เดินกลับมายังห้องตรวจโรคของตนเอง

ซูเย่ยังคงทำหน้าที่ตรวจคนไข้ต่อไป

หลี่เคอหมิงคอยสังเกตการณ์รักษาของซูเย่อยู่ตลอดเวลา และพบว่าซูเย่สามารถเขียนใบสั่งยาได้อย่างแม่นยำ จนสุดท้ายนายแพทย์ใหญ่ก็อดพยักหน้าด้วยความพึงพอใจไม่ได้

เมื่อการตรวจรอบเช้าผ่านพ้นไป พวกเขาก็เดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน และนั่งพักผ่อนกันเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับมาตรวจคนไข้ต่อในรอบบ่าย

เป็นเวลา 15:00 น. คนไข้ซึ่งต้องได้รับการฝังเข็มเป็นคนที่สองประจำวันนี้ก็มาถึง

เขาเป็นชายชราที่มาพร้อมโรคเส้นเลือดสมองตีบ และอาการอัมพาตครึ่งซีก

ผู้ป่วยในกรณีเช่นนี้ สามารถเข้ารับการรักษาได้ก็แค่การฝังเข็มเท่านั้น

ชายชราถูกนำตัวไปยังห้องฝังเข็มด้วยความช่วยเหลือของลูกหลาน และนางพยาบาล

ในระหว่างที่ล้างมือฆ่าเชื้อโรคอยู่นั้น

หลี่เคอหมิงก็เริ่มต้นหันมาพูดกับซูเย่ว่า

“จุดที่ฉันจะฝังเข็มคนไข้รายนี้เป็นจุดที่อยู่บนใบหน้า และศีรษะ ประกอบไปด้วยจุดไป๋ฮุ่ย จุดซ่างเซียว จุดยิ่นถาง จุดหยิงเซียง จุดไท่หยาง จุดเซี่ยกวน จุดเต๋อคัง จุดเหรินจง จุดอี้เฟิง จุดเฟิงฉือ และจุดอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง”

ซูเย่ยังคงทดลองนำเข็มมาปักลงบนใบหน้าของตนเองเหมือนคนโรคจิต

แต่ละตำแหน่งเข็มที่ถูกปักลงไปนั้นยังคงแม่นยำเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าไม่มีผิด

ทุกคนที่อยู่ในห้องฝังเข็มถึงกับพูดอะไรไม่ออก

ทุกคนล้วนแสดงสีหน้าตื่นตกใจ

เนื่องจากได้เห็นเด็กใหม่สามารถฝังเข็มได้อย่างแม่นยำยิ่งกว่าพวกของตนเองเสียอีก

ด้วยความแม่นยำระดับนี้ ซูเย่คงจะทำให้พวกเขาคนใดคนหนึ่งต้องตกงานในเร็ววันเป็นแน่แท้!

“ต่อไปเป็นจุดฝังเข็มที่อยู่บนแขน” หลังจากฝังเข็มบริเวณศีรษะ และใบหน้าให้คนไข้เรียบร้อยแล้ว หลี่เคอหมิงก็เตรียมเข็มชุดใหม่สำหรับฝังลงไปที่แขนของคนไข้วัยชรา

“อาจารย์หลี่ครับ”

ซูเย่เอ่ยถามอย่างกะทันหัน

หลี่เคอหมิงเพิ่งจะหันกลับมาเห็นว่าซูเย่มีเข็มเงินขนาดเล็กปักอยู่เต็มหน้าก็ถึงกับต้องชะงักไปเล็กน้อย

“การฝังเข็มที่แขนคนไข้ จะเป็นอะไรไหมครับ ถ้าผมขอเป็นคนทำเอง?”

ซูเย่ถามออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“หืม?”

หลี่เคอหมิงละความสนใจจากการรักษาคนไข้ชั่วคราว และเริ่มต้นพิจารณาตำแหน่งเข็มที่ปักอยู่บนใบหน้าของซูเย่ด้วยความละเอียดถี่ถ้วน เขาพบว่าชายหนุ่มสามารถปักเข็มลงไปได้ถูกต้อง และแม่นยำ แม้แต่ความลึกของเข็มที่ปักลงไปใต้ผิวหนัง ก็ยังไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่เซนติเมตรเดียว

กลุ่มนักศึกษาแพทย์ที่อยู่โดยรอบได้ยินคำขอของซูเย่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที

ซูเย่เพิ่งจะมาเรียนวันแรก ต่อให้สามารถฝังเข็มได้อย่างแม่นยำ แต่ก็ไม่มีทางจะลงมือฝังเข็มให้คนไข้ได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้เด็ดขาด

มิเช่นนั้นแล้ว ความพยายามแรมเดือนแรมปีของพวกเขาจะไม่สูญเปล่าหมดหรือ

ทว่า หลี่เคอหมิงกลับเชื่อมั่นในตัวของซูเย่เป็นอย่างมาก นายแพทย์ใหญ่รู้ดีว่าสิ่งที่ชายหนุ่มขาดไปก็คือความมั่นใจในตัวเอง ดังนั้น เขาจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ใช้สำหรับการนั่งฝังเข็มโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว

“ไม่มีปัญหา”

หลี่เคอหมิงพยักหน้า และผายมือบอกให้ชายหนุ่มมานั่งแทนที่ตนเอง

เขายินดีมอบโอกาสนี้ให้ซูเย่ได้ทดสอบฝีมือ หลี่เคอหมิงเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มดี ถ้าซูเย่ไม่มั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ ก็คงไม่เอ่ยปากขอเขาแน่นอน

กลุ่มนักศึกษาแพทย์ และอาจารย์ผู้สอนวิชาฝังเข็มล้วนแต่ยืนเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ควับ!”

แล้วทันใดนั้น ทุกคนก็หันไปมองหน้านายแพทย์หัวหน้าแผนกฝังเข็มเป็นตาเดียว

แต่นายแพทย์หัวหน้าแผนกกลับไม่สนใจสายตาที่จ้องมองมาเหล่านั้น เขาได้แต่คิดอยู่ในใจว่าถ้าลูกศิษย์พวกนี้อยากจะฝังเข็มมากนักล่ะก็ อย่างน้อยก็นำเข็มไปปักไว้บนร่างกายของตัวเองเหมือนที่ซูเย่ทำสิ

ถ้าพวกเธอกล้าทำเหมือนที่ซูเย่ทำเมื่อไหร่ ฉันก็จะอนุญาตให้เธอฝังเข็มคนไข้ได้เมื่อนั้น!

นายแพทย์หัวหน้าแผนกฝังเข็มยืนมองซูเย่จัดเตรียมอุปกรณ์การฝังเข็มอยู่ข้างกายหลี่เคอหมิงด้วยความสงสัยว่านี่จะเป็นการฝังเข็มให้แก่คนไข้ครั้งแรกของซูเย่จริง ๆ อย่างนั้นหรือ

“จุดฝังเข็มในครั้งนี้ประกอบไปด้วย จุดชวีฉือ จุดโส่วอู๋หลี่ จุดว่ายกวน จุดเน่ยกวน จุดเหอกู่ จุดเจาเซ่อ จุดโฮ่วซี จุดปาฮุ่ย และจุดเฉิงซาน”

หลี่เคอหมิงบอกรายละเอียด

ซูเย่พยักหน้าแล้วเริ่มต้นการฝังเข็มทันที

ชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำหรือความช่วยเหลือจากผู้เป็นอาจารย์อีกแล้ว เขาสามารถปักเข็มทุกเล่มลงไปได้อย่างแม่นยำ และน้ำหนักมือของซูเย่ก็มีความมั่นคงมาก

เขาไม่มีความลังเลแม้แต่นิดเดียว