บทที่ 143 บีบบังคับให้ไปขอเงิน

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 143 บีบบังคับให้ไปขอเงิน

จางต้าหูพูดอย่างหน้าเสีย “หลังจากนั้นข้ามาคิดดูแล้ว หูครึ่งเซียนนั่นเป็นพวกต้มตุ๋น พวกเรา…..” พวกเราโดนหลอก จะมีหน้าไปขอเงินจากจางซิ่วเอ๋อได้อย่างไรกัน?

ตอนแรกที่จางต้าหูรับปากจะไปขอเงินก็เพราะจางต้าหูคิดว่าเงินนี่ใช้ไปเพื่อจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ และคุ้มค่า!

คนเป็นพ่ออย่างเขาจึงตัดสินใจแทน ถึงเวลาไปขอเงินก็สมเหตุสมผล

แต่ตอนนี้ล่ะ ในเมื่อโดนหลอกไปแล้ว จางต้าหูจึงรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลไปให้จางซิ่วเอ๋อออกเงินส่วนนี้

ทว่าจางต้าหูพูดไม่ทันจบ แม่เฒ่าจางก็ตำหนิเสียงดัง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าก็คิดว่าพวกเราโดนหลอกรึ? ข้าจะบอกให้นะ! พวกเราเห็นกับตาว่าบ้านผีสิงของจางซิ่วเอ๋อมีผี! ไม่ต้องพูดเรื่องที่ข้าคิดว่าหูครึ่งเซียนมีความสามารถจริง ต่อให้โดนหลอกจริง ๆ เราก็โดนหลอกเพราะจางซิ่วเอ๋อ!”

“แต่ผู้ใหญ่บ้าน…..” จางต้าหูอยากจะพูดว่าขนาดผู้ใหญ่บ้านยังบอกเลยว่าเงินนี้ไม่สมควรให้จางซิ่วเอ๋อออก

แม่เฒ่าจางขึ้นเสียงดังมากขึ้น “ไอ้แก่นั่นเห็นบ้านเราได้ดีไม่ได้! เจ้าเห็นไหม? ไอ้แก่นั้นเอารถลากวัวสุดหวงของตัวเองให้จางซิ่วเอ๋อยืม ไม่รู้ว่ามีลับลมคมในอะไรบ้าง! ไอ้แก่หงำเหงือกอย่างผู้ใหญ่บ้านซ่งตั้งใจช่วยจางซิ่วเอ๋อชัด ๆ!”

“วันนั้นข้าไม่ได้ขอเงินต่อหน้าก็เพื่อไว้หน้าจางซิ่วเอ๋อ ข้ารู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องพูดต่อหน้าทุกคนไม่ดี เรื่องของบ้านเราเองจัดการกันเองก็จบ ไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่” แม่เฒ่าจางกล่าวต่อ

จางต้าหูพูดอะไรไม่ออก “ข้า…..”

“พี่สี่ ทำไมพี่เป็นคนแบบนี้? ตอนแรกพี่ไม่ได้พูดแบบนี้นี่ ทำไมตอนนี้จะมาเปลี่ยนใจเสียล่ะ?” จางอวี่หมินมองจางต้าหูด้วยสีหน้าผิดหวัง

จางต้าหูลนลาน รีบเอ่ยขึ้น “อวี่หมิน อวี่หมิน เจ้าอย่าเป็นแบบนี้ พี่สี่ไม่ดีเอง……..”

แม่เถายืนทำหน้าเป็นกลางอยู่ข้าง ๆ พลางกล่าวขึ้น “ต้าหู เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าพี่สะใภ้อยากว่าเจ้า แต่เจ้าเป็นพ่อของจางซิ่วเอ๋อ ต่อให้จางซิ่วเอ๋อไม่ให้เงินเจ้าก็ต้องหาทางเอาเงินมาโปะสิ”

จางต้าเหอถลึงตาใส่แม่เถา “เจ้าไม่ต้องไปฟังที่พี่สะใภ้เจ้าซี้ซั้วพูด โปะเปอะอะไรกัน? ถึงแม้เงินนั่นข้าเป็นคนหามาเป็นส่วนมาก แต่ข้าให้ท่านแม่ไปแล้ว ท่านแม่จะเอาไปใช้อย่างไรก็ได้ ลูกสาวเจ้าสุดท้ายก็หลานข้าเหมือนกัน ไม่ใช่คนนอก! พวกเราไม่ถือหรอก!”

จางต้าเหอพูดวกวนไปมา เหมือนจะไม่ถือสา แต่พอนึกดูดี ๆ ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่าไม่ใช่

จางต้าหูก้มหน้ากินเศษกับข้าวในถ้วยตัวเองกับโวโวโถวก่อนจะพูดเสียงซึม “ข้าเองก็ไม่มีเงินจะคืน……..”

“ใครบอกให้เจ้าคืนกัน? เจ้าดูลูกสาวเจ้าสิ จะตั้งป้ายวิญญาณให้คุณชายเนี่ยด้วย! ตระกูลเนี่ยถึงกับเอาอาหารจากอิ๋งเค่อจวีให้นางกิน ไม่รู้ว่าลับหลังให้เงินนางเท่าไหร่…..ตระกูลเนี่ยมั่งคั่งร่ำรวย ตกรางวัลนิด ๆ หน่อย ๆ ก็พอให้คนจน ๆ อย่างเราใช้ไปทั้งชาติแล้ว!” แม่เฒ่าจางพูดเกินจริง

“ใช่แล้วพี่สี่ หรือพี่ทนเห็นจางซิ่วเอ๋อกินดีอยู่ดีได้ขณะเงินที่พี่สามเราหามาละลายไปกับสายน้ำรึ?” จางอวี่หมินพูดต่อ

“น้องสี่ ไม่เป็นไร! พี่ไม่โกรธเจ้า! พรุ่งนี้พี่จะไปหาที่ทำงาน! 8 ตำลึงเงินใช่ไหม? ข้าไม่กินไม่ดื่มทำสัก 10 ปี! ต้องหาคืนมาได้อยู่แล้ว” จางต้าเหอพูดด้วยสีหน้าโศกเศร้า

พูดมาถึงตรงนี้เขาลูบหัวสือโถว “สือโถวไม่ต้องกลัว อีก 10 ปีพ่อค่อยหาเงินให้เจ้าแต่งภรรยานะ”

ถ้าจะพูดถึงจางอวี่หมินและแม่เฒ่าจาง พวกนางบอกความต้องการของตัวเองออกมาตรง ๆ

ส่วนจางต้าเหอนั้นฆ่าคนแบบไม่ให้เห็นเลือด

จางต้าหูทั้งรู้สึกอุ่นใจและรู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน เพราะลูกสาวตัวเองถึงกับต้องให้พี่ชายตัวเองใช้ชีวิตอย่างลำบาก……

พอคิดได้แบบนี้จางต้าหูจึงเอ่ยเสียงต่ำ “ข้าจะลองไปขอดู”

พูดเสร็จจางต้าหูก็ลุกขึ้น ก่อนจะนึกถึงความเย็นยะเยือกที่บ้านผีสิงแล้วจึงนั่งลงท่ามกลางสายตาผิดหวังของทุกคน “พรุ่งนี้ข้าค่อยไปแล้วกัน”

ทุกคนรู้ว่าทำไมจางต้าหูไม่ไปตอนนี้ แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยากเปิดโปง

แม่เฒ่าจางกลับกล่าวขึ้นยิ้ม ๆ “แบบนี้สิถึงจะถูก ถึงเป็นลูกชายกตัญญูของข้า มา กินเยอะ ๆ หน่อย”

พูดเสร็จแม่เฒ่าจางก็ยกถ้วยกับข้าวและกวาดลงถ้วยจางต้าหูหมด

จางต้าหูมองก้นจานมันแผล่บและคิดว่าคนอื่นอาจจะยังกินไม่อิ่ม แม่ตัวเองกลับยกให้ตัวเอง เขารู้สึกอุ่นใจมาก

ท่านแม่รักเขาขนาดนี้ เขาจะทำให้แม่ผิดหวังได้อย่างไร?

ส่วนจางซิ่วเอ่อเหรอ…..ถึงเงินนี้ไม่เหมาะที่จะไปขอ แต่ตัวเองเป็นพ่อของจางซิ่วเอ๋อนะ จางซิ่วเอ๋อต้องกตัญญูต่อตัวเองสิ? เหมือนกับที่ตัวเองกตัญญูต่อแม่

จางซิ่วเอ๋อจะเพิกเฉยต่อความลำบากของที่บ้านได้อย่างไรกัน? จะมองที่บ้านใช้ชีวิตแร้นแค้นเฉย ๆ เหรอ

พอคิดได้แบบนี้ จางต้าหูก็ตั้งมั่นว่าอย่างไรตนก็ต้องไป

ใช่แล้ว จางต้าหูรู้สึกซึ้งใจง่ายมาก คนตระกูลจางทำอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ดีต่อเขา จางต้าหูก็จะลากคนทั้งบ้านวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่บ่นราวกับเป็นวัว

“พี่สี่ พี่นี่ดีจริง ๆ ที่ทำอะไรเพื่อบ้านเรา” เวลานี้จางอวี่หมินไม่ตำหนิจางต้าหูแล้ว แต่เริ่มชมจางต้าหูแทน

จะว่าไปแล้ว สองแม่ลูกแม่เฒ่าจางและจางอวี่หมินเปลี่ยนสีหน้าไวยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือเสียอีก

หลังจากจางต้าหูกินข้าวเสร็จ เขาก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างมาก

คนในบ้านเป็นห่วงเขาขนาดนี้ แม่กับน้องสาวดีกับเขา ขนาดพี่รองยอมออกไปทำงานหาเงินเองยังไม่อยากให้เขาต้องลำบากใจ เงินนี่เขาต้องไปขอมาให้ได้

แต่จะไปขออย่างไร?

จางต้าหูคิดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกเครียดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้อีกแล้ว

จางต้าหูแอบรำพึง จางซิ่วเอ๋อเหินห่างกับเขา เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าลูกคนนี้ไม่มีพ่ออย่างเขาในใจแล้ว ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรจางซิ่วเอ๋อมักจะถากถางเหน็บแนมกลับมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะไปขอเงิน

เขาไปขอจากจางซิ่วเอ๋อตรง ๆ คงจะยาก……

เขาคิดไปพลางเดินกลับห้องฝั่งตะวันตก พอมาถึงหน้าประตูนัยน์ตาจางต้าหูเริ่มเป็นประกายขึ้น

จางซิ่วเอ๋อดีกับแม่โจวผู้เป็นแม่อยู่ ถ้าตัวเองพูดให้แม่โจวไปขอเงินได้ เช่นนั้นเรื่องนี้คงง่ายขึ้นไม่น้อย

จางต้าหูผลักประตูและเดินเข้าไป

แม่โจวที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงจึงรีบหันหลังเช็ดน้ำตาให้แห้ง ทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สมัยยังสาว น้ำตาของนางไม่มีผลอะไรกับจางต้าหู ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้

ในเมื่อน้ำตาทำให้จางต้าหูสงสารไม่ได้ แล้วจะร้องไห้กับจางต้าหูไปทำไมกัน? ไม่แน่จางต้าหูอาจจะคิดเหมือนมารดาของเขาก็ได้ รู้สึกว่าที่นางร้องไห้มันเป็นเรื่องอัปมงคล

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เหมาะกับเป็นวัวให้คนอื่นจูงจริงๆ อิพ่อนี่ แค่ทำดีด้วยนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ยอมทำให้ทุกเรื่องแล้ว

ไหหม่า(海馬)